onsdag 31 oktober 2018

Chaturon Chaisang.....จะให้รธน.ผ่านต้องปิดปากคนเห็นต่าง

จะให้รธน.ผ่านต้องปิดปากคนเห็นต่าง
เดลินิวส์ วันเสาร์ที่ 12 ธันวาคม 2558
# ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็ถึงเวลาที่ประชาชนไทยต้องมาพูดกันทุกฝ่าย รวมทั้งรัฐบาลและ คสช.ด้วย ควรพูดกันว่าจะมีการร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร และต้องยุติการที่คสช.เป็นผู้กำหนดได้แล้ว
# ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของบรรดาพรรคการเมืองโดยเฉพาะคอการเมืองพรรคเพื่อไทย ที่ไม่เห็นด้วยกับการร่างรัฐธรรมนูญ “ฉบับเรือแป๊ะ”จนนำมาซึ่งการโจมตีปมร้อนสายล่อฟ้า โดยเฉพาะเรื่องที่มานายกฯ ที่มา ส.ว. หรือการเพิ่มอำนาจให้องค์กรอิสระ ที่ส่อแววว่าจะไปไม่ถึงปลายทางการทำประชามติ จึงถึงเวลาจับเข่าคุย“จาตุรนต์ ฉายแสง”อดีต รมว.ศึกษาธิการและแกนนำพรรคเพื่อไทย ถึงเหตุผลการคัดค้านการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้
เดลินิวส์ - มองการร่างรัฐธรรมนูญขณะนี้เป็นอย่างไร
จาตุรนต์ - เท่าที่ดูคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) เปิดประเด็นและข้อสรุปแบบคร่าวๆ ไม่ละเอียดชัดเจน ไม่เปิดกว้างให้มีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ฉะนั้นทำให้การร่างรัฐธรรมนูญเป็นไปอย่างกึ่งปิดกึ่งเปิด คนอาจเห็นปัญหาไม่เต็มที่ และจากสาระสำคัญ ๆ ก็พบว่ามีปัญหามาก และเมื่อเปิดเผยรายละเอียดชัดเจนขั้นสุดท้ายแล้ว อาจจะมีปัญหามากยิ่งขึ้น
การนำอำนาจถอดถอนของส.ว. ไปยกให้ศาลรัฐธรรมนูญ การให้ศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจถอดถอน มีอำนาจตีความมาตรา7 หรือมีอำนาจตัดสินว่าบ้านเมืองอยู่ในสภาพวิกฤติเมื่อใด การให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสินการดำรงอยู่ของรัฐบาลและการที่จะให้มีรัฐบาลที่มาจากนอกระบบนั้น จะทำให้รัฐบาลไม่สามารถกำหนดนโยบายที่ตอบสนองต่อประชาชนได้ รวมทั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งก็จะดำรงอยู่ได้ไม่นาน โอกาสที่จะมีคนนอกมาเป็นนายกฯก็มีได้มาก เนื่องจากมีการปูทางไว้ ฉะนั้นรัฐธรรมนูญแบบนี้การเลือกตั้งจะไม่มีความหมาย
เดลินิวส์ - มองว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงในการร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ. คืออะไร ?
จาตุรนต์ – คาดการณ์ได้ 2 อย่าง คือ 1. ต้องการให้ได้รัฐธรรมนูญออกมาจริงๆ และมีผลทำให้อำนาจอธิปไตยอยู่ในมือขององค์กรและบุคคลที่ไม่มีการเชื่อมโยงกับประชาชน ส่วนองค์กรที่มาจากการเลือกตั้งจะมีอำนาจน้อยมากเป็นการเปลี่ยนระบบการถ่วงดุลอำนาจครั้งใหญ่ ซึ่งจะทำให้องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ และฝ่ายตุลาการมีบทบาทสำคัญในการกำหนดที่มาขององค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญก็จะมีอำนาจเหนือกว่าฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร แม้จะมีการเลือกตั้ง แต่ประชาชนไม่สามารถกำหนดความเป็นไปของบ้านเมืองหรือการบริหาร การออกกฎหมายของประเทศได้
2. การร่างรัฐธรรมนูญแล้วให้มีเนื้อหาที่คนรับไม่ได้ โดยมีความตั้งใจให้ร่างนี้ตกไป เมื่อตกไปแล้ว ก็จะขึ้นกับคสช. ว่าจะทำอย่างไร ซึ่งอาจจะเอาร่างอื่นหรืออาจจะยืดเวลาในการร่างรัฐธรรมนูญออกไปอีกก็จะมีผลกระทบต่อโรดแม็พ อย่างไรก็ตามหากร่างรัฐธรรมนูญนี้นำมาใช้ได้จริงก็จะเท่ากับเป็นการสืบทอดอำนาจของคสช. และองค์กรต่างๆที่เชื่อมโยงกับ คสช. ต่อไปอีกนาน

เดลินิวส์ – การออกแบบร่างรัฐธรรมนูญที่ทำอยู่ทำเพื่อตัดตอนพรรคเพื่อไทยหรือไม่ ?
จาตุรนต์ - ก่อนนี้มีการมองกันอย่างนั้น แต่ขณะนี้ไม่ใช่เพียงแค่ต้องการขัดขวางพรรคเพื่อไทยให้กลับมาสู่อำนาจ แต่เป็นการต้องการทำให้พรรคการเมืองและผู้ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหลายไม่มีอำนาจในการบริหารประเทศ และต้องการให้อำนาจอยู่ในมือขององค์กรและบุคคลที่ไม่มาจากการเลือกตั้ง และองค์กรจำนวนมากซึ่งมาจากการแต่งตั้งของคสช.นี่เอง แบบนี้เป็นการทำลายระบบพรรคการเมืองโดยรวม เป็นการทำลายกระบวนการที่พรรคการเมืองจะต้องรวบรวมความต้องการของประชาชนและพัฒนาสร้างนโยบายขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชน เพื่อให้ประชาชนกำหนดอนาคตของประเทศผ่านการเลือกตั้ง ผ่านระบบรัฐสภาที่มีพรรคการเมืองเป็นกลไกสำคัญสิ่งเหล่านี้ถูกทำลายลงไป ไม่ใช่เฉพาะพรรคใดพรรคหนึ่ง ทั้งหมดจะกลายเป็นระบบราชการที่บวกด้วยอดีตข้าราชการที่มีกำลังสำคัญอยู่ที่องค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ภายใต้การกำกับของฝ่ายตุลาการ โดยที่หลายส่วนมีความเชื่อมโยงเนื่องจากมีการแต่งตั้งโดย คสช. จะเป็นระบบที่เอื้อต่อองค์กรต่าง ๆ ที่ไม่มีความเชื่อมโยงกับประชาชน
เดลินิวส์ - มองอย่างไรกับการตัดสิทธินักการเมืองที่ทำทุจริตตลอดชีวิต มองว่ายุติธรรมกับนักการเมืองหรือเหมาะสมกับสังคมไทยหรือไม่
จาตุรนต์ - บางทีเรามักจะเลือกใช้วิธีทำอะไรที่ดูหวือหวา มองผิวเผินก็นึกว่าดี แต่จริง ๆ ไม่ได้แก้ปัญหาพื้นฐานและที่สำคัญกว่านั้นคือไม่ได้จะแก้ปัญหาการทุจริตอย่างเป็นระบบได้เลย หมายถึงว่าเวลานี้ยังไม่ปรากฏว่ากรรมการร่างรัฐธรรมนูญตั้งแต่ชุดที่แล้วจนถึงชุดนี้มีความพยายามจะแก้ปัญหาป้องกันปราบปรามการทุจริตให้ได้ผลอย่างจริงจัง นอกจากจะบอกให้เพิ่มโทษเกี่ยวกับการทุจริต หากเพิ่มโทษ แต่ ป.ป.ช. เอาเรื่องส่วนใหญ่ไปดองไว้ เลือกปฏิบัติ กกต. ให้ใบเหลืองไม่กี่ราย มันก็จะไม่แก้ปัญหาเรื่องการทุจริต สุดท้ายเราจะได้ระบบการปกครองที่ประชาชนไม่มีอำนาจ เลือกตั้งไม่มีความหมาย ผู้มีอำนาจเป็นองค์กรต่าง ๆ ที่ไม่เชื่อมโยงกับประชาชน และสุดท้ายเราอาจได้รัฐบาลที่มีคนนอกเป็นนายกฯ
แล้วประชาชนก็ตรวจสอบไม่ได้เพราะว่าองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบก็เป็นพวกเดียวกันกับนายกฯ คนนอก

เดลินิวส์ - มองว่าโจทย์ไหนที่จะทำให้รัฐธรรมนูญมีอันเป็นไปหรือไม่ผ่านประชามติมากที่สุด เพราะตอนนี้เหมือนจะไม่นำคปป.มาแล้ว
จาตุรนต์ - เขารู้ว่า คปป. เป็นจุดอ่อนของร่างรัฐธรรมนูญของกมธ.ยกร่างฯ ชุดที่แล้ว เขาไม่อยากซ้ำรอย แต่ด้วยกรอบของรัฐธรรมนูญชั่วคราวด้วยแนวทางที่คสช.กำหนด ด้วยแนวคิดของกรธ. ที่กำลังทำกันอยู่ สุดท้ายน่าจะเลวร้ายไม่แพ้ร่างของ กมธ. ยกร่างฯชุดที่แล้ว โดยยังมีกลไกต่าง ๆ ที่ใกล้เคียงกับคปป. มาทำหน้าที่ เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ การกำหนดแนวทางปฏิรูปนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ ส.ว.ลากตั้ง เมื่อวิเคราะห์อย่างเป็นระบบและชี้แจงให้ประชาชนทั้งหลายเข้าใจ
“ผมเชื่อว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จะไม่ผ่านประชามติ ถ้าผ่านได้ก็หมายถึงต้องรวบรัดปิดปากฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย แต่ถ้าให้ประชาชนได้ข้อมูลข่าวสาร ได้รับรู้ข้อเท็จจริงและเหตุผลอย่างเต็มที่ ร่างรัฐธรรมนูญแบบนี้จะไม่ผ่านประชามติ ซึ่งก็จะดีกว่าให้ผ่านไป เพราะถ้าผ่านประชามติไป มีการเลือกตั้ง แต่วิกฤติของประเทศจะไม่ได้รับการแก้ไขเลย และจะทำให้ประเทศเสียโอกาสไปอีกยาวนาน จึงต้องมาพูดกันว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านจะทำอย่างไรให้มีรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยและให้มีการเลือกตั้งที่มีความหมายจริงๆ”
ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่านประชามติ ก็จะต้องให้มีกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยเกิดขึ้น โดยผู้ร่างรัฐธรรมนูญใหม่ไม่ใช่มาจาก คสช. แต่ต้องมาจากประชาชน ในระหว่างนั้นถ้าประชาชนจำนวนมากต้องการให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว ก็สามารถใช้รัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งจัดให้มีการเลือกตั้งก็ได้ และให้ใช้รัฐธรรมนูญฉบับนั้นชั่วคราวไปจนกว่าจะมีรัฐธรรมนูญที่มาจากกระบวนการร่างที่เป็นประชาธิปไตย หากมีข้อเสนอหลากหลายง่ายนิดเดียวให้นำเรื่องนี้ไปถามตอนลงประชามติ เพิ่มคำถามเข้าไปในการลงประชามติว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านท่านคิดว่าควรจะร่างรัฐธรรมนูญโดยวิธีใด และควรจะมีการเลือกตั้งโดยเร็วหรือไม่ภายใต้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใด เป็นต้น
เดลินิวส์ – สิ่งที่อยากเห็นในร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้
จาตุรนต์ - ผมคิดว่าประเทศไทยต้องการรัฐธรรมนูญที่มีการถ่วงดุลอย่างเหมาะสม ระหว่างอำนาจอธิปไตยทั้ง3 และต้องให้ประชาชนตรวจสอบอำนาจอธิปไตยทั้ง 3 ได้ ต้องให้การเลือกตั้งมีความหมายเพื่อป้องกันไม่ให้อำนาจนอกระบบเข้าแทรกแซง ต้องปิดทางไม่ให้คนนอกมาเป็นนายกฯต้องปิดประตูนี้ไปเลย องค์กรฝ่ายนิติบัญญัติควรจะมาจากการเลือกตั้งทั้งหมด องค์กรอิสระต้องมีความเชื่อมโยงกับประชาชน ทั้งในเรื่องที่มา การดำรงอยู่ และการตรวจสอบได้โดยประชาชน ต้องส่งเสริมให้พรรคการเมือง ตอบสนองความต้องการของประชาชนโดยมีการตรวจสอบควบคุมที่ดี รัฐธรรมนูญต้องสร้างระบบยุติธรรมและยืนยันหลักนิติธรรมที่ชัดเจน กลไกที่จะป้องกันบ้านเมืองสู่วิกฤติหรือการล้มล้างรัฐธรรมนูญควรจะมีในความหมายที่ว่าต้องให้ระบบการบังคับใช้กฎหมายและระบบยุติธรรม ทำหน้าที่ได้จริงๆ รักษากฎหมายได้จริงๆ นอกจากมีการบังคับใช้กฎหมายอย่างยุติธรรมแล้วต้องอาศัยเสียงประชาชนตัดสินปัญหาต่าง ๆ ให้มากขึ้น เช่น การส่งเสริมให้ใช้การลงประชามติตัดสินปัญหาต่างๆให้มากขึ้นด้วยกติกาหรือเงื่อนไขที่เป็นธรรมและเป็นไปได้
เดลินิวส์ - มองว่าอนาคตรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างอยู่จะเป็นอย่างไร ?
จาตุรนต์ - รัฐธรรมนูญที่กำลังร่างอยู่ จะมีเนื้อหาที่เลวร้ายไม่แพ้ร่างรัฐ ธรรมนูญฉบับก่อนหน้านี้ ถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ผ่านแล้วนำมาใช้ จะทำให้ประเทศนอกจากไม่หลุดพ้นจากวิกฤติความขัดแย้งและไม่มีเสถียรภาพแล้ว ประเทศไทยจะยิ่งถลำลึกสู่วิกฤติที่หนักหน่วงยืดเยื้อยิ่งขึ้น ทางที่ดี คือ ต้องให้ร่างรัฐธรรมนูญนี้ไม่ผ่านในขั้นลงประชามติ ยอมที่จะยังไม่มีการเลือกตั้งดีกว่าให้มีการเลือกตั้งแบบไม่มีความหมาย และถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านก็ถึงเวลาที่ประชาชนไทยต้องมาพูดกันทุกฝ่าย รวมทั้งรัฐบาลและ คสช.ด้วย ควรพูดกันว่าจะมีการร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร และต้องยุติการที่ คสช.เป็นผู้กำหนดได้แล้ว.
---------
อ่านต่อที่ : http://www.dailynews.co.th/article/366335
‪#‎ร่างรัฐธรรมนูญ‬ ‪#‎การเลือกตั้ง‬ ‪#‎ประชาชน‬


น่าสนใจ..

ราชกิจจาเผยแพร่ประกาศ ห้าม ‘จยย.-จักรยาน-รถสามล้อ-ล้อเลื่อนลากเข็น’ ขึ้นสะพานภูมิพล1-2
(ห้าม...???)
คลิกดู-าชกิจจาเผยแพร่ประกาศ ห้าม 'จยย.-จักรยาน-รถสามล้อ-ล้อเลื่อนลากเข็น' ขึ้นสะพานภูมิพล1-2

เหลือเวลาอีก 3 เดือนเศษ ๆ ที่ประเทศไทยของเราจะเข้าสู่โหมด “เลือกตั้ง”…
หมอจุฬาฯท้วง! ปลดล็อก ‘กัญชา’ แท้จริงเอื้อประโยชน์ใคร?

มีแต่พวกเราเท่านั้นเอง

รายการสหพันธรัฐไท กับ ส.ธงชัย
ตอน : มีแต่พวกเราเท่านั้นเอง
วันพุธ ที่ 31 ตุลาคม 2561 เวลา 20.00 น. ประเทศไทย
https://youtu.be/WfrszhxtN5k
(ยูทูบปลอดภัย กดไลค์/กดแชร์ ทุกคลิ้ปเพื่อสกัดเผด็จการทุกรูปแบบ)...
ดูเพิ่มเติม
youtube.com
วันพุธ ที่ 31 ตุลาคม 2561 เวลา 20.00 น. ประเทศไทย (ยูทูบปลอดภัย กดไลค์/กดแชร์…

รายการสหพันธรัฐไท กับ ส.ธงชัย ตอน : มีแต่พวกเราเท่านั้นเอง..




รายการสหพันธรัฐไท กับ ส.ธงชัย
ตอน : มีแต่พวกเราเท่านั้นเอง
วันพุธ ที่ 31 ตุลาคม 2561 เวลา 20.00 น. ประเทศไทย
https://youtu.be/WfrszhxtN5k
(ยูทูบปลอดภัย กดไลค์/กดแชร์ ทุกคลิ้ปเพื่อสกัดเผด็จการทุกรูปแบบ)...
ดูเพิ่มเติม

ธาตุแท้ของทักษิณ !!

ธาตุแท้ของทักษิณ !!

โดย   แสงตะวัน

ในยุคปัจจุบัน ชึ่งเป็นยุคไฮเทคโนโลยี่ ยุคโลกไร้พรหมแดน   การต่อสู้เรียกร้องของประเทศต่างๆชึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกในปัจจุบันนี้   เกี่ยวกับปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ไม่ มีสูตรสำเร็จกำหนดตายตัวที่จะนำมาเป็นแม่แบบเพื่อใช้แก้ปํญหาให้ลุล่วงไป ได้    เพราะปัญหาความต้องการของแต่ละสังคมไม่เหมือนกัน    นอกจากนี้ยังไม่มีทฤษฎีหรือตำราพิชัยสงครามแบบใหม่มาให้ใช้เป็นแนวทางชี้นำ

ก่อนอื่นพวกเราต้องมาทำความเข้าใจเสียใหม่ว่า  "นายทุนก็คือนายทุน"

พวกพ่อค้านักธุรกิจที่ลงทุนค้าขายก็เพื่อให้ได้กำไร  และกำไรเหล่านี้ได้มาจากไหนก็ได้มาจากการขูดรีดแรงงานของคนงานหรือกรรมกรที่ผลิตสินค้าให้แก่พวกนายทุนซึ่งกำไรจากมูลค่าส่วนเกินแต่ละปีได้ถูกสะสมขึ้นมาเป็นเงินทุนอันมหาศาล... 
ในระบอบทุนนิยมเสรีพวกนายทุนจะมีการแข่งขันกันผลิตเพื่อหากำไรให้มากที่สุด   เมื่อมีการแข่งขันกันอย่างเสรีนายทุนที่มีความอ่อนแอกว่าก็จะแพ้และถูกนายทุนที่มีกำลังเหนือกว่ากลืนกินแล้วกลายมาเป็นนายทุนผูกขาดที่เป็นเจ้าของการผลิตสินค้าในตลาดแต่ผูัเดียว... 

กลุ่มนายทุนผูกขาดในระบอบเศรษฐกิจทุนนิยม ถ้าแข่งขันสู้กันไม่ได้ก็จะเกิดการรวมตัวกัน (ออมซอมกัน หรือปรองดองกัน) อย่างกรณีที่อดีดนายกฯทักษิณ กำลังกระทำอยู่ในเวลานี้  โดยได้ร่วมจับมือกันกับกลุ่มทุนผูกขาดเครือข่ายของกษัตริย์ ตั้งแต่รัชกาลที่ ๙ มาจนถึง "องค์ปัจจุบัน"รัชกาลที่๑๐
นี่คือธาตุแท้ของนายทุน เขาจะขายได้ทุกอย่างแม้แต่ "ประชาชน ประเทศชาติ ไปจนถึงอุดมการณ์ "   ต่างกับผู้นำนักปฏิวัติที่มีอุดมการณ์จะทำงานต่อสู้เรียกร้องเพื่อสังคมส่วนรวม  ทำการเปลี่ยนแปลงนำสังคมเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

"ดังนั้นความคิดแบบพ่อค้านายทุนกับนักปฎิวัติสองสิ่งนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมี อยู่ในตัวคนเดียวกัน "

เริ่ม แรกทักษิณเข้ามาบริหารประเทศโดยผ่านการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยตาม รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ซึ่งระบอบการปกครองไทยโดยแท้จริงยังคงเป็นระบอบเผด็จการราชาธิปไตยอยู่
ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตยตามที่พวกนักวิชาการทั้งหลายเข้าใจ       ( แค่คำโฆษณาหลอกลวงประชาชน) 

รัฐบาลนายกฯทักษิณชนะการเลือกตั้งเข้ามาบริหารประเทศ แต่มีเงื่อนไขทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้อำนาจของ "ระบอบราชาธิปไตย"  ทั้งๆที่ รัฐบาลทักษิณมีหลักนโยบายที่เห็นผลงานสามารถจับต้องได้  ทำให้ประชาชนได้รับผลประโยชน์จากการบริหารของรัฐบาลนายกฯทักษิณ เช่นระบบโครงการ 30  บาทรักษาได้ทุกโรคและโครงการโอทอป เป็นต้น....แต่นโยบายเหล่านี้ก็ไม่ทำให้สังคมเกิดการเปลี่ยนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยได้   ซึ่งถ้าปล่อยให้ประเทศชาติได้มีโอกาสพัฒนาต่อไปภายใต้รัฐบาลของทักษิณ  ทางด้านเศรษฐกิจประเทศชาติก็จะดำเนินก้าวหน้าวิวัฒนาการดีขึ้นเรื่อยๆต่อไปได้...
แต่ระบอบการปกครองแบบ" ราชาธิปไตย" หรือ"ระบอบกษัตริย์เผด็จการ " นั้นยังคงครอบงำสังคมไทยและครอบงำรัฐบาลทักษิณอยู่เหมือนเดิม   (หลังจากการเปลี่ยนแปลง ๒๔๗๕ เป็นต้นมา)

นี่คือธาตุแท้ของ"ระบอบราชาธิปไตย"ที่ขัดขวางต่อระบอบประชาธิปไตยมาตลอดเวลาทุกยุคสมัย   ไม่ว่าโครงการนั้นจะดีอย่างไรก็ไม่สามารถรักษาไว้และพัฒนาต่อไปได้ (ตราบใดที่ระบอบกษัตริย์เผด็จการยังดำรงคงอยู่ ) ถ้าไม่ล้มล้าง"ระบอบกษัตริย์เผด็จการ " นี้ลงเสียก่อน   ซึ่งนายกทักษิณเองเขาไม่ได้มีแนวความคิดที่จะเปลี่ยนแปลงหรือล้มล้างระบอบราชาธิปไตยหรือระบอบกษัตริย์เผด็จการนั้นลง   พวกอำมาตย์ซึ่งเป็นกลุ่มทุนผูกขาดที่หล้าหลัง   เห็นว่าถ้าปล่อยให้ทักษิณบริหารประเทศต่อไปจะเป็นอันตรายแก่ พวกเขา กษัตริย์ภูมิพลจึงสั่งให้ทหารยึดอำนาจจากรัฐบาลของทักษิณ (ที่มาจากการเลือกตั้ง) เมื่อวันที่ ๑๙ ก.ย. ๒๕๔๙   

เมื่อทักษิณถูกพวกอำมาตย์โค่นล้มลง ทักษิณเองก็ยังจะพยายามจะประณีประนอมกับพวกอำมาตย์มาตลอดเวลา  (เป็นเวลาถึง ๑๒ปี.).  นี่คือตัวตนธาตุแท้ของพวกนายทุนผูกขาด เมื่อถึงจุดๆหนึ่ง "เพื่อความอยู่รอดและปกป้องรักษาผลประโยชน์ของตนเอง"  พวกเขาจะร่วมจับมือกัน...

นี่คือธาตุแท้ของพวกนายทุน ก่อนอื่นเขาจะคำนึงถึงแต่ผลประโยชน์ของตนเองและครอบครัวเท่านั้น  และมองเห็นประชาชนเป็นเพียงแค่แรงงานที่เขาขูดรีดเพื่อผลิตสินค้าสร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองและครอบครัวเขาเท่านั้น

ตราบจนถึงทุกวันนี้ทักษิณก็ยังเชื่อมั่นยอมรับในการปกครองแบบเดิม"ระบอบราชาธิปไตย"  ไม่เคยคิดที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองให้มาเป็นระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง  โดยเปิดเผยตัวตนออกมาสนับสนุนร่วมมือกับรัชกาลที่๑๐ "กษัตริย์โจรทรราชองค์ใหม่"ปล้นทรัพย์สินของประเทศชาติ  ขูดรีดกดขี่ข่มเหงหลอกลวงประชาชนชาวไทยต่อไป...
ธาตุแท้ พฤติกรรมการตีสองหน้าของทักษิณคือ ด้านหนึ่งร่วมมือกับพวกเจ้า อีกด้านทรยศหักหลังหลอกลวงประชาชนที่สนับสนุนเขา "ม็อบคนเสี้อแดง" ไปให้ทหารฆ่าตายที่ราชประสงค์  เมื่อวันที่  ๑๙ พ.ค ๒๕๕๓ เป็นจำนวนมากกว่า ๕๐๐ คน  และบาดเจ็บสูญหายอีกกว่า ๑๐๐๐ คน  โดยที่ไม่มีความรับผิดชอบแต่อย่างใด(?) ไร้ความเป็นมนุษย์ ... นี่คือธาตุแท้ของทักษิณ
ความคิดความคาดหวังของประชาชนไทยส่วนใหญ่ของประเทศที่คิดว่าทักษิณจะเป็นผู้ที่จะนำประเทศชาติ และประชาชนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้น... จงลืมเสียเถิด  !!

 เพราะจุดประสงค์ที่แท้จริงของทักษิณคือต้องการใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือต่อรองในการต่อสู้เพื่อใช้ปกป้องรักษาผลประโยชน์และอำนาจของนายทุนและเครือข่ายธุระกิจของกลุ่มทุนผูกขาดของพวกนายทุนเท่านั้นเอง  ทักษิณเป็นคนทะเยอทะยานกระหายอำนาจเป็นคนเห็นแก่ตัวเป็นนักฉวยโอกาศเป็นคนฉลาดแกมโกง การที่เขาร่วมมือกับวชิลาลงกรณ์เพราะเขามองการณ์ไกลเขารู้ว่าราชวงค์นี้จะไปไม่รอดแล้วหลังจากที่ภูมิพลตาย และราชินีสิริกิตย์ก็เป็นบ้าเสียจริต และรู้ว่า วชิลาลงกรณ์เป็นคนไม่ฉลาดมีความประพฤติไม่ดีประชาชนชาวไทยไม่ยอมรับ เป็นช่วงที่ราชวงค์อ่อนแอที่สุดเขาจึงวางแผนที่จะครอบงำพวกเจ้าโดยเชิดวชิราลงกรณ์ไว้เพื่อเป็นโล่ห์อำพรางและจะสร้างตัวเองขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศภายใต้ระบอบ "  ทักษิณเผด็จการอันมีกษัตริย์เป็นประมุข " สืบต่อไป

ฉะนั้นประชาชนต้องเข้าใจ  จะมาเรียกร้องให้ทักษิณเปลี่ยนแนวคิดจากนายทุนมาเป็นผู้นำของ การปฎิวัติเปลี่ยนแปลงสังคมนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เพราะเขาไม่มีความจริงใจต่อประชาชน 
 ซึ่งเวลาได้เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าทักษิณไม่มีอุดมการณ์และความจริงใจกับประชาชน   เขาเพียงต้องการรักษาอำนาจและผลประโยชน์ทางธุระกิจเพื่อทำมาหากินกับระบอบกษัตริย์เผด็จการที่กำลังเน่าเฟะอยู่ในเวลานี้ต่อไปและเพื่อสนองความกระหายอำนาจของเขาแค่นั้นเอง

ฉะนั้นการที่จะปฏิวัติเปลี่ยนแปลงสังคมจากระบอบเผด็จการทรราชราชาธิปไตยไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้นั้น..   จึงเป็นหน้าที่และจิตสำนึกของ ประชาชนไทยทุกคนต้องร่วมมือช่วยกันลุกขึ้นต่อสู้เรียกร้องเพื่อให้ได้มาเองไม่มีใครยกให้ฟรีๆ..   และไม่ใช่จะนั่งรอนอนรอคอยพึ่งทักษิณและพรรคการเมืองของเขา หรือพรรคการเมืองสารพัดพิษและนักการเมืองทั้งหลายที่กำลังออกมาโฆษณาประกาศขายตัวเพื่อรับใช้ระบอบกษัตริย์เผด็จการอยู่ในเวลานี้.

เรื่องหมอหยองใครสั่งฆ่า ?

เรื่องหมอหยองใครสั่งฆ่า ?

"หมอหยอง:วังไทยเครื่องในเน่ายังจะเอากันตายอีกหลายตลบ"สุริยัน อริยวงศ์โสภณ

 ข่าวลับกรองแล้ว 1 พฤศจิกายน 2558 

"หมอหยอง:วังไทยเครื่องในเน่ายังจะเอากันตายอีกหลายตลบ"
สืบความลับจับมาตีแผ่เผยแพร่เป็นประจำในขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนียเวียโดยกลุ่มเสียงประชาชนไทย(สปท.)  http://thaiscandemo.blogspot.com/
*ทำไมหมอหยองและทีมงานจึงถูกกวาดล้างอย่างหฤโหด? ใครเป็นคนทำ? และทำไมจึงต้องทำอย่างนี้?...ไม่ต้องถามเพราะคนที่ทำไม่บอกและก็บอกแล้วว่าห้ามถาม!! เพราะเป็นเรื่องของมือที่มองไม่เห็นที่มีหลายมือ...คำตอบมีเพียงว่า "วังไทยเครื่องในเน่ายังจะเอากันตายอีกหลายตลบ" แต่ก่อนจะถึงมือที่มองไม่เห็นในฐานะคนสั่งการจะตายชาวบ้านทั้งเหลืองทั้งแดงจะต้องตายกันก่อนอย่างที่เห็น
*นามสกุล "วารุณประภา" ก็ไม่ใช่เล็กๆ แต่ก็ต้องไปรับศพ พ.ต.ต.ปรากรม  คนในครอบครัวอย่างโศกเศร้าและห้ามทุกคนในครอบครัวพูด  ในเงื่อนไขต้องรีบเอาไปเผาทันทีจึงจะรับไปได้, ส่วนศพ พลตรี พิสิฐศักดิ์ เสนีวงศ์ ณ อยุทธยา ในฐานะราชองครักษณ์ใกล้ชิด,เห็นนามสกุลก็รู้เป็นสายพันธุ์เจ้าเหลืองก็ยิ่งหนักใหญ่, อ้างว่าฆ่าตัวตายเอง, อย่าว่าแต่ไม่มีใครในครอบครัวที่จะกล้าพูดแม้แต่ข่าวหนังสือพิมพ์ที่เป็นทางการก็ไม่ให้ลงทั้งๆที่ยศและตำแหน่ง, เครื่องราช, สายสกุลต้องได้รับพระราชทานเพลิงศพก็ต้องเผากันอย่างเงียบๆ
*ใกล้ครบรอบปีการกระโดดตึกตายในค่ายทหาร (ตามข่าว)  ของ พ.ต.อ.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ ยศสูงระดับ ผบก.1 กองปราบสายตรงของ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่จับนายแต่ลูกน้องก็ต้องไปกระโดดตึกตายทันทีและก็นำไปเผาในวันนั้นทันทีสูตรเดียวกันกับ พ.ต.ต.ปรากรม คือญาติๆไม่กล้าถามและไม่กล้าสงสัย
*ตาสว่างกันหรือยังเสื้อเหลืองเพื่อน หมอหยอง และ เพื่อนปรากรม?...ยังอยากจะตายตามไปรับใช้เจ้าในชาติหน้ากันอีกใหม?

*สำหรับเสื้อแดงชัดแล้ว ต้องเปลี่ยนระบอบ เท่านั้นชีวิตคนไทยจึงจะดีขึ้น...เสื้อเหลืองส่วนหนึ่งคงตาสว่างแต่อีกส่วนยังแกล้งโง่แต่คงแกล้งโง่ได้อีกไม่นานก็ต้องเห็นความจริงว่าในครอบครัวอลเวงนี้เลวทุกคน "เห็นประชาชนผู้เสียภาษีเลี้ยงตัวเองเป็นข้าทาส"...เห็นข้าทาสที่รับใช้ใกล้ชิดเป็นมดปลวก...ใช้ให้ไปหาเงินมาถวายมีปัญหาก็ฆ่าทิ้ง...แม้แต่คนที่เข้ามาเป็นเมียเป็นผัวก็ไม่เว้น วันนี้ศพหมอเก้ง ผัว จุฬาภรณ์ ยังหาทรากไม่เจอแต่ก็ช่วยกันตอแหลด้วยจงรักภักดีว่า "ยังไม่ตายบวชพระอยู่ที่นั่นอยู่ที่นี่!!" แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่เคยมีข่าวจริงรอดมาให้เห็นเลย

*ถ้าไม่รู้ว่าเขาหาเงินกันอย่างไรให้พลิกไปอ่านข่าวลับกรองแล้วเมื่อ 1ธันวาคม2557 สปท.เคยจำแนกไว้แล้ว(กดลิ้งดูใหม่ยังทันสมัย)
-------------

ข่าวลับกรองแล้ว 1 ธันวาคม 2557
-------------
*สปท.บอกให้เอาบุญสำหรับทหารตำรวจเหลืองที่ยังหน้ามืดตาบอดต้องการจะรับใช้หาเงินถวายแล้วไม่ต้องตาย, แบบนี้ไม่มีอันตรายถึงชีวิตคือ (1) หาส่งส่วยตามระบบคือเก็บส่วยหวย, บ่อน, ซ่องกระหรี่ จากสถานีตำรวจระดับอำเภอส่งขึ้นจังหวัด, ภาค, จนถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติแล้ว ผบ.ตร.,ผบ.ชน.นำขึ้นถวายทุกพระองค์ (หากมีการโกงกันบ้างในเส้นสายข่าวรั่วบ้างแต่ไม่ถึงคนรับสูงสุดก็ไม่เป็นไร) และท่านทุกพระองค์ก็จะช่วยคุ้มครองให้ทุกคนที่ช่วยเก็บส่วยถวายได้มีอยู่มีกินอิ่มหนำสำราญแบ่งส่วนกันไปด้วย การไม่อนุญาติให้ทุกรัฐบาลนำหวยใต้ดินขึ้นบนดินและไม่อนุญาติให้เปิดบ่อนคาสิโนที่ถูกต้องตามกฎหมายเหมือนประเทศทั่วไปเพราะจะทำให้ทุกคนขาดรายได้ (เจ้ามือหวยขนาดเล็กตามอำเภอต้องจ่ายมือละ 30,000-50,000 บาท ต่อเดือน,ส่วนมือใหญ่ต้องแสนขึ้นอำเภอหนึ่งมีเจ้ามือ 5-8ราย)/ (2) จัดตีกอล์ฟ, จัดกีฬาต่างๆรายได้ถวายเป็นพระราชกุศล  (3) พ่อค้านายทุนแบ่งกำไรที่ตราครุฑหน้าบริษัทช่วยให้เสียภาษีน้อยลงก็จะนำเงินไปถวายแล้วก็ได้ออกข่าวทีวีสองทุ่ม

*การหาเงินที่เป็นอันตรายและต้องระวังและตายมาหลายคนแล้วคือการจัดหาเงินเพียงต่อเดียวแล้วทูลเกล้าถวายเลยเพราะตรวจสอบการอมและเกิดการระแวงได้ง่าย, ก่อนหน้านี้ก็มีตายเซ่นสังเวยให้เห็นแล้วเช่น นาย ประเสริฐ วงศ์ลาวัลย์ ทั้งๆที่หนีไปบวชแล้วก็ถูกสังหารในผ้าเหลืองทิ้งศพไว้ที่จังหวัดชัยนาทเมื่อ 18 กันยายน 2552 (ถามอากู๋เกิลดูได้) หรือล่าสุดการตายของ 'เสี่ยอู๊ด' นายสิทธิกร บุญฉิม นักสร้างพระคนดังที่มีผลงานล่าสุดคือสร้าง'พระสมเด็จเหนือหัว' ขายทุกส่วนราชการและทุกรัฐวิสาหกิจ, ก็ต้องติดคุกสังเวยแบบเดียวกับหมอหยองเพราะอมหัวคิวมากไปแต่ถวายทูลเกล้าน้อยและสุดท้ายก็ต้องจบชีวิตอย่างมีปริศนา (หลังออกจากคุก) ในโรงแรมที่จังหวัดพิษณุโลก, หรือแม้แต่ท่านผู้หญิงวิริยา ที่จัดหาเงินถวายเป็นประจำตามสั่งก็ถูกขับไล่ไม่ให้เข้าวังเมื่อไม่พอพระทัยและระแวงตามคำเพ็ดทูลของขี้ข้าด้วยกันเป็นต้น, การหาเงินที่รับจากผู้จ่ายสายตรงต่อเดียวถึงผู้รับเลยนี้อันตรายมากถ้าพลาดหรือผิดอารมณ์เป็นตายหรือติดคุกมืดอย่างทรมานดังเช่นหมอหยองและพรรคพวกวันนี้ (แต่สำหรับผู้ที่มีเกราะคุ้มกันชั้นท่านผู้หญิงหรือวรชายาก็อาจจะรอด)

*วิธีหาเงิน "แนวพระราชนิยม" ที่ทำกันทุกคนในครอบครัวอลเวง คือตั้งมูลนิธิสารพัดมูลนิธิเพื่อทำการค้าและรับเงิน (บีบ) บริจาคเพื่อการกุศล (บังหน้า) และการจัดโครงการกิจกรรมตามพระราชประสงค์ซึ่งลักษณะนี้กำลังเป็นที่นิยมของบรรดาไพร่, หมอดูและพวกทรงเจ้าเข้าผีที่เห็นช่องทางเพราะบรรดา มรว.,มล.เชื้อพระวงศ์ทั้งหลายส่วนมากจะหน้าบางไม่กล้าเข้าพบเพื่อตบทรัพย์บรรดาเจ้าสัว,ดังนั้นวันนี้รอบๆทุกพระองค์แม้แต่เทพถ่างในส่วนงานหาเงินขึ้นทูลเกล้าก็จะมีพวกนามสกุลไพร่เปลี่ยนใหม่ดึงกันเป็นสายเข้ามารับใช้ใต้เบื้องยุคลบาทเป็นแถวเป็นทิวซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นละครสมบทบาทตามแต่พระทัยประสงค์ (สอพลอ) ถึงขนาดประทับทรงได้ทุกรัชกาล (รัชกาลที่ 9 ถ้าไม่มีการกวาดล้างหมอผีความงมงายคงได้ประทับทรงเร็วๆนี้)
*ก่อนหมอหยองจะโด่งดังถึงขนาดเจ้าสัวซีพีและเบียร์ช้างต้องเอาเงินไปถวายผ่านพร้อมกราบไหว้หมอหยองต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ
ว่าที่รัชกาลที่10 ก็หากินรับงานประทับทรงตั้งศาลพระพรม, ดูฮวงจุ้ยทั้งในไทยและอาเซี่ยนแม้แต่บริษัทกาแฟดาวเรืองในลาวยังเคยพึ่งบารมี 'เทพหยอง' ,เมื่อไต่ระดับขึ้นเรื่อยๆถึงขั้นหมอบคลานปัดละอองธุลีที่พระเกือกฟ้าชายได้, มีหรือที่ตำรวจทหารจะไม่หวังพึ่งเทพหยองในการถวายเงินเพื่อเลื่อนยศ

*หมดหมอหยองยังมีอีกหลายหมอทั้งที่อยู่รอบตัวทุกพระองค์และพร้อมจะเดินเข้าไปตายใหม่อีก  เพราะความหอมของผลประโยชน์และอำนาจที่อบอวลอยู่ในวัง,และยิ่งได้นายกฯโง่ๆแบบประยุทธ์ที่พร้อมจะปิดประเทศเพื่อปกป้องครอบครัวอลเวงก็ยิ่งเป็นหลักประกันในผลประโยชน์ของพวกไพร่ที่สอพลอเพราะหมายถึงเม็ดเงินงบประมาณจำนวนมากที่ คสช.จะประเคนไปให้วัง  เพื่อทำโครงการเหลวไหลต่างๆซึ่งแม้จะเสี่ยงภัยแต่กำไรสูงจึงจูงใจมาก

*อำนาจมาก, ผลประโยชน์มาก, งมงายมากและห้ามตรวจสอบจากสาธารณะคือลักษณะพิเศษของวังไทย ซึ่งเป็นต้นเหตุของความขัดแย้งของแต่ละวังของทุกคนในครอบครัวอลเวงรวมทั้งขี้ข้าที่ต่างวังก็ทะเลาะกัน...รายงานข่าวจากชั้นในว่า..จะมีใบปลิวบัตรสนเท่ห์ของขี้ข้าที่ด่าแทนนายและด่ากันเองว่อนข้ามวังกันทุกวันดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะเกิดเหตุที่ผิดปกติเช่นการจับกุมและสังหารโหดในราชสำนักซึ่งได้กลายเป็นตัวเร่งให้ประชาชนต่าสว่างอย่างรวดเร็วและอย่างมีประสิทธิภาพ

*ทำไมต้องสังหาร?...เพราะรู้เรื่องเน่าๆในวังมากและเคยไว้วางใจให้ไปทำเรื่องเน่าๆนั้นด้วยเมื่อเกิดปัญหาเจ้าไม่พอใจจะต้องดำเนินคดีก็กลัวว่าพวกนี้จะปากสว่างแล้วไปทำให้แล้วไปทำให้ประชาชนตาสว่าง

*เกิดการรัฐประหารเพื่อราชสำนักไม่ถึง 6 เดือนก็เกิดการกวาดล้างในราชสำนักกรณี ศรีรัศมิ์-พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธ์ จนถึง นายบุญธรรม บุญเทพประทาน (ป๋าชื่นไพร่คนดังย่านพระราม 9 ) ต้องติดคุกคดีบุกรุกอุทยานแห่งชาติเขาเทพประทาน อ.ปากช่องและพ่วง 112 ด้วยคงจำกันได้,พอเริ่มขึ้นปีที่ 2 ของ คสช.ก็เกิดคดีไพร่หมอหยองและพวกขึ้นอีก...อย่างนี้ คสช.จะตอบคำถามสังคมอย่างไรเพราะการรัฐประหารไม่ได้ทำให้ราชสำนักมั่นคงขึ้นเลย

*นับแต่นี้ไปเรื่องเน่าที่หลากหลายแนวจะปรากฎขึ้นเรื่อยๆเพราะการแตกร้าวในวังใกล้ถึงจุดแตกหักและยิ่ง คสช.ใช้อำนาจเถื่อนโดยใหทหารมือสังหารเข้าไปจัดการกับผู้ต้องหาตามความประสงค์ของราชสำนักโดยผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างป่าเถื่อนทั้งตำรวจ, ศาลและทหาร ร่วมมือกันหมดต่างประเทศก็ยิ่งต่อต้าน,ราชสำนักก็จะยิ่งพังทะลายเพราะกลายเป็นเป้าหมายการโจมตีของนานาชาติ,และเมื่อประธานใหญ่ใกล้สิ้นใจนับแต่นี้เหตุการณ์ต่างๆก็จะถาโถมมากยิ่งขึ้น...ภาวะอาการป่วยที่รักษาไม่ได้เช่นนี้หมอไทยแผนโบราณวินิจฉัยโรคว่าเป็นโรคน้ำเหลืองเสียเครื่องในเน่าจะมีอาการผุผองเกิดขึ้นตามร่างกายเรื่อยๆจนเน่าตายไป...แต่อีกไม่นานมันจะพุผองที่ตาทั้งสองข้างวันนั้นก็จะเห็นคนชั้นสูงสูงตายและติดตะรางกันแทนไพร่กันบ้างซึ่งจะเป็นเหตุการณ์ที่มากับการรัฐประหารซ้อนในภาวะที่มีวิกฤติการตายของกษัตริย์ภูมิพล...อีกไม่นานอีกไม่นาน!!

*ข่าวหมอหยองนอกจากจะเป็นอันตรายต่อราชสำนักแต่ก็มีผลดีคือทำให้เปลี่ยนความสนใจลืมเรื่องของประธานคณะกรรมการงมงายแห่งชาติที่นอนหมดสภาพอยู่ที่ศิริราชชั้น 16 ไปได้ชั่วครู่ใหญ่ๆ...แต่สปท.ไม่เคยลืมเพราะหัวใจของวิกฤติอยู่ที่นั่นและทันทีที่เป่าแตรสังเพลงธรณีกรรแสงจะเห็นการเปลี่ยนฝักเปลี่ยนฝ่ายกันยุ่งเหยิงอินุงตุงนังกันในวันนั้น,การจัดขั้วอำนาจใหม่ใครจะฟัดใครจะหนักหน่วงกว่าที่ฟัด พงศ์พัฒน์ กับ หมอหยองและ ปรากรม กันในวันนี้

รวมคลิปและภาพถ่ายของ The Mad King

รวมคลิปและภาพถ่ายของ The Mad King

กระทู้รวมมิตร: รวมคลิปและภาพถ่าย ที่กษัตริย์วชิราลงกรณ์ไม่อยากให้คนไทยดู (แต่คนทั่วโลกได้ดูกันแล้ว)


Somsak Jeamteerasakul added 11 photos and a video.
กระทู้รวมมิตร: รวมคลิปและภาพถ่าย ที่กษัตริย์วชิราลงกรณ์ไม่อยากให้คนไทยดู (แต่คนดูกันไปทั่วโลกแล้ว)

กระทู้รวมมิตร: รวมคลิปและภาพถ่าย ที่กษัตริย์วชิราลงกรณ์ห้ามคนไทยดู (แต่คนดูกันไปทั่วโลกแล้ว)*
ความจริง ถ้าใครจำได้นะ ตอนที่ผมโพสต์คลิปวิดีโอ "เดินกินไอติมกับคุณก้อย" เมื่อวันที่ 12 เมษา ผมเขียนว่า "จริงๆ ก็ไม่ได้มีอะไรนะ คือภาพนิ่งที่ออกมาก่อนหน้านี้ก็ครอบคลุมส่วนใหญ่ที่มีในคลิปนี้แล้ว...." (กระทู้นี้ https://goo.gl/TvGiZd ซึ่งถูกเฟซบุ๊คบล็อกในเมืองไทยตามหมายศาล ขณะนี้ มียอดวิวราว 486,000 และยังมีคนที่ได้ดูจากการโพสต์ของคนอื่นๆในที่อื่นๆอีกมาก) และเมื่อทางการไทยเอาหมายศาลไปขอให้เฟซบุ๊คบล็อก ผมก็เขียนว่า มีคนแนะนำให้ผมโพสต์ซ้ำ เพื่อทำความยุ่งยากให้ทางการไทย ต้องไปขอหมายศาลมาบล็อกใหม่ (หมายศาลต้องขอเป็นแต่ละ url) ซึ่งผมก็บอกว่า ขี้เกียจทำ ไม่อยากให้ตำรวจและศาลซึ่งยังไงก็กินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ต้องสิ้นเปลืองเวลา ใครในเมืองไทยยังอยากดู ก็คงดูได้ไม่ยากอยู่แล้ว (ดูกระทู้นั้นที่นี่ https://goo.gl/HHAxjf)
แต่นี่ผมเห็นทางการไทย โดยคำสั่งกษัตริย์ ยังบ้าไม่เลิก ขนาดล่าสุด ขู่ว่า แค่ดูเฉยๆ ไม่ไลค์ ไม่คอมเม้นท์ ไม่แชร์อะไรเลย ก็อาจมีความผิด (ดูกระทู้ก่อน https://goo.gl/7rZO7q)
ผมเลยขอ "จัดให้" เสียเลย เอาคลิปและบรรดาภาพต่างๆ โพสต์รวมทั้งหมดให้ดูในที่นี้ (ซึ่งล้วนแต่ถ่ายในที่สาธารณะทั้งสิ้น ภาพประเภทถ่ายในที่รโหฐาน - ซึ่งผมก็มีอยู่ ไม่ใช่ไม่มี เช่นภาพท็อปเลสในสระน้ำ หรือภาพ "ถือไป๊ป์" - ผมไม่โพสต์เอง)
นอกจากคลิปและภาพ ซึ่งมาจากต่างประเทศ (จากคุณ Andrew และ Bild) แล้ว ผมแถมภาพชุด "คุณก้อย" ไปไหว้พระรูปทรงม้า ไม่นานก่อน "หมุดคณะราษฎร" จะถูกขโมยไป และแทนที่ด้วย "หมุดหน้าใส" ตามคำสั่งกษัตริย์ด้วย - ภาพชุดนี้ ตอนโพสต์ ก็โดนทางการไทยบล็อกเช่นกัน
เอ้า รีบไปขอหมายศาล ส่งให้เฟซบุ๊คเร็วครับ
.................
* วันก่อน "มิตรสหายท่านหนึ่ง" เล่าเรื่องขำๆให้ฟังว่า เขาไปประชุมทางวิชาการแห่งหนึ่งในต่างประเทศ มีพวกนักศึกษาชาติต่างๆมากันมากมาย เจอนักศึกษาอินเดียคนหนึ่งซึงเขาไม่เคยรู้จักมาก่อน ปรากฏว่า หมอนั่นมาทักเขา เรื่องคลิปและภาพชุดนี้ ถามว่า "Is he on drugs?" ("เขาติดยาหรือเปล่าน่ะ?" - หมายถึงจัสตินน่ะ) 555 แสดงว่าโด่งดังไปทั่วโลกจริงๆ
** จนป่านนี้ ยังมีคนพยายามบอกว่า ภาพและคลิปทั้งหมดนี้ "ตัดต่อ" หุหุ ง่ายๆเลยนะครับ ถ้าภาพพวกนี้ตัดต่อ สถานทูตไทยสามารถฟ้องสื่อเยอรมันและสื่ออื่นในต่างประเทศ เรียกค่าเสียหายหลายสิบล้านได้เลยครับ แต่พนันเท่าไรก็ได้ว่า ไม่กล้าทำ เพราะรู้ดีว่าเป็นภาพจริงทั้งนั้น
ที่ขำหน่อยคือ มีคนไปคอมเม้นท์ที่กระทู้ของ "นักแต่งเพลงท่านนั้น" (เรื่องได้สาส์นหวานซึ้งน่ะ) ดังนี้
"เห็นก็รู้ว่าภาพตัดต่อทุเรศ...ภาพของผู้หญิงก็หุ่นกะเทยชัดๆ..."
ผมอ่านแล้ว "ฉุนกึก" ขึ้นมาเลยนะเนี่ย พูดจริงๆ มาว่า "คุณก้อย" ได้ไง หุ่นเธอออกจะเซ็กซี่ (ผมยังชอบดูเลย แฮ่) แหม เดี๋ยวโดนเรียกมาตบหรอก

อัพเดท..กระทู้ อ.Somsak Jeamteerasakul



***เผื่อใครไม่รู้นะ เห็นผมพูดเรื่องแผนสร้างวังคอมเพล็กซ์มหึมาของเขาหลายกระทู้ ... ตัวเขาเองน่ะ ไม่อยู่ในไทยแล้วนะครับ กลับเยอรมันไปแล้ว อ่านเพิ่มเติม ...


***"วังวชิราลงกรณ์คอมเพล็กซ์" เอาแบบเต็มๆ อาจจะเป็นแบบนี้? วชิราลงกรณ์มีไอเดียทำ "วังคอมเพล็กซ์" แบบนี้เลยไหม? ผมยืนยันไม่ได้ แต่เขามีไอเดียในการทำวังกลางเมืองโดยรวมพื้นที่บริเวณนั้นเข้าด้วยกัน ค่อนข้างแน่ เหลือแต่ว่า จะคลุมพื้นที่เท่าไหน จะทำได้จริงๆหรือไม่

***FYI: ทิศทางเคลียร์พื้นที่สร้าง "วังวชิราลงกรณ์คอมเพล็กซ์" ดูเป็นจริงมากขึ้นๆ "ทรัพย์สินฯจ่อขอคืนที่ดินสวนดุสิต-สวนสุนันทา...อ่านเพิ่มเติม.."

***ความเป็นไปได้ว่า "วังวชิราลงกรณ์คอมเพล็กซ์" จะมีขนาดรูปร่างหน้าตาอย่างไร?
 อ่านเพิ่มเติม

***ปูทางสร้างวังใหญ่วชิราลงกรณ์ อีกหนึ่งจังหวะก้าว?  

วชิราลงกรณ์ได้ภาษีราษฎรไปใช้ตามใจชอบ 1 หมื่นล้านบาท

ข่าวในพระราชสำนัก: งบประมาณปีหน้า (2562) วชิราลงกรณ์ได้ภาษีราษฎรไปใช้ตามใจชอบราว 8 พันล้านบาท ถ้ารวมงบสร้างซ่อมวัง อีก 2 พันล้าน ก็เป็นราว 1 หมื่นล้านบาท

ข่าวในพระราชสำนัก: งบประมาณปีหน้า (2562) วชิราลงกรณ์ได้ภาษีราษฎรไปใช้ตามใจชอบราว 8 พันล้านบาท ถ้ารวมงบสร้างซ่อมวัง อีก 2 พันล้าน ก็เป็นราว 1 หมื่นล้านบาท
ร่างงบประมาณปีหน้า ที่ผ่านการ "รับหลักการ" จากสภาตรายาง (แบบหลับๆตื่นๆ) เมื่อไม่กี่วันก่อน ได้จัดสรรเงินราว 8 พันล้าน - 1 หมื่นล้านบาท ให้วชิราลงกรณ์ไปควบคุมใช้จ่ายตามใจชอบ
8 พันล้าน คือ คิดจากงบส่วนที่ในเอกสารงบประมาณเรียกว่า "ส่วนราชการในพระองค์" จำนวน 6,800,000,000 (หกพันแปดร้อยล้านบาท) + กับส่วนที่ขอในนามสำนักปลัด กระทรวงกลาโหม เป็น "งบอุดหนุน" เพื่อ "สนับสนุนการถวายความปลอดภัย สถาบันพระมหากษัตริย์" อีกราว 1.2 พันล้านบาท (1,278,970,800) รวมกันเป็น = ราว 8 พันล้านบาท (8,078,970,800)
งบที่ขอในนามกลาโหมนี้ บางส่วนคงจะใช้สำหรับ "หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัยรักษาพระองค์" (ปีกลายจะระบุไว้เลย ปีนี้ไม่ได้ระบุไว้) ซึ่งอันที่จริง ตามกฎหมายส่วนราชการในพระองค์ 2560 จัดอยู่ใน "ราชการในพระองค์" ด้วย ยิ่งกว่านั้น ตาม พรบ.ถวายความปลอดภัยที่ออกมาปีกลาย งานด้านถวายความปลอดภัยทั้งหมด ไม่ว่าหน่วยงานไหนเกี่ยวข้อง จะต้องขึ้นตรงต่อการวางแผนและสั่งการจากหน่วยถวายความปลอดภัยของวชิราลงกรณ์ ภายใต้การบัญชาของราชเลขานุการในพระองค์ ดังนั้น "งบอุดหนุน" ถวายความปลอดภัยที่ทำในนามกลาโหมนี้ คือนำไปดำเนินการโดยวชิราลงกรณ์เอง
ส่วนที่คิดเป็น 1 หมื่นล้าน คือ รวมงบประมาณที่ขอในนามกรมโยธาธิการ กระทรวงมหาดไทย ที่เรียกว่า "โครงการสนับสนุนกิจกรรมพิเศษหลวง" เพื่อ "สนับสนุนการออกแบบ ก่อสร้าง และบำรุงรักษากิจกรรมพิเศษหลวงในเขตพระราชฐาน" พูดง่ายๆคือ งบฯสร้าง-ซ่อมแซม-บำรุงรักษาวังต่างๆ (ผมมีตัวอย่างรายละเอียดการใช้งบฯส่วนนี้ ซ่อม-สร้างวังวชิราลงกรณ์ในอดีตอยู่ เช่นในการเบิกงบซ่อมวังครั้งหนึ่งในปี 2557 มีงบสำหรับ "ห้อง FUFU HOUSE" ["บ้านคุณฟูฟู"] เป็นเงิน 5,500 บาทด้วย เป็นต้น) งบฯส่วนนี้ สำหรับปีหน้า ราว 2 พันล้านบาท (2,276,829,000) เมื่อรวมกับ 8 พันล้านข้างต้น ก็จะเป็นราว 1 หมื่นล้านบาท (10,355,799,800)
(ในอดีต อาคารวังต่างๆอยู่ในการดูแลของสำนักพระราชวัง ซึ่งโดยทางการขึ้นต่อนายกรัฐมนตรี ปัจจุบัน สำนักพระราชวังจัดเป็นส่วนหนึ่งของ "ราชการในพระองค์" ที่กษัตริย์มีอำนาจควบคุมสิทธิ์ขาดโดยสิ้นเชิง)
...........
หมายเหตุ:
(1) เกี่ยวกับงบราชการในพระองค์ปี 61 (ปีนี้ อนุมัติปีกลาย) ดูกระทู้ปีกลายของผม อันนี้ https://t.co/gL9bE9nAMj
และอันนี้ https://t.co/NJDIwWw9VP (2) เทียบกับงบราชการในพระองค์ปี 61 (รวมงบฯด้าน "หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย") ราว 7 พันล้านบาท ในปี 62 ที่จะถึง เป็น 8 พันล้านบาท คือเพิ่มขึ้นราว 1 พันล้านบาท
(3) งบฯปี 61 ถ้ารวมงบฯสร้าง-ซ่อมวัง (ในกระทู้ปีกลาย ผมไม่ได้รวมไว้) ที่อยู่ในกรมโยธาฯด้วยราวเกือบ 2 พันล้านบาท (1,999,670,000) ก็จะเป็นงบฯปี 61 ราว 9 พันล้านบาท (เทียบปี 62 ตัวเลขข้างต้น 10,355,799,800)
(4) ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ (ราชการในพระองค์ หน่วยบัญชาการถวายความปลอดภัย + งบฯสร้าง-ซ่อมวัง) เป็นงบที่กษัตริย์เป็นผู้มีอำนาจเด็ดขาด ควบคุมดูแล ใช้จ่าย ตามใจชอบโดยตรง ไม่ได้รวมถึงงบประมาณของหน่วยงานต่างๆ ที่ตั้งไว้เกี่่ยวกับสถาบันกษัตริย์ เช่น งบปี 62 ที่เพิ่งผ่านการรับรองไป ในกระทรวงกลาโหม มีงบที่เรียกว่า "โครงการเทิดทูนป้องกัน รวมทั้งตอบโต้และทำความเข้าใจมิให้มีการล่วงละเมิดสถาบันกษัตริย์" จำนวน 23,505,000 บาท (ยี่สิบสามล้านห้าแสน) ด้วย เป็นต้น
#กษัตริย์มีไว้ทำไม

รัชกาลที่ ๑๐ กษัตริย์ที่ไม่สมควรเป็นกษัตริย์

รัชกาลที่ ๑๐ กษัตริย์ที่ไม่สมควรเป็นกษัตริย์

 

ในหลวงรัชกาลที่10, สมเด็จพระบรมฯ
โดย แสงตะวัน

ถ้าอ้างตามความหมายของ Saint-Just ที่อธิบายไว้ว่า " กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและเป็นอาชญากรรมชั่วนิรันดร  นั้น...
"กษัตริย์ใหม่ที่ชื่อวชิราลงกรณ์เหมาะสมที่สุดตรงตามคำอธิบายของ Saint-Just ที่กล่าวไว้ " ...
Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ถ้ากษัตริย์เป็นทรราช   นั่นไม่ใช่เพราะความผิดจากการบริหารราชการแผ่นดินของเขา แต่เขาเป็นทรราชก็ด้วยลักษณะของความเป็นกษัตริย์นั่นแหละ 
 
Saint-Just เสนออย่างชาญฉลาดว่า การที่กษัตริย์ยึดครองอำนาจสูงสุดของประชาชนไปใช้เอง นั่นแสดงให้เห็นว่าลักษณะของความเป็นกษัตริย์เป็นอาชญากรรมนิรันดร (crime éternel) ต่อประชาชน มนุษย์จึงย่อมมีสิทธิสมบูรณ์ในการลุกขึ้นสู้และติดอาวุธ   Saint-Just อธิบายว่า ไม่มีใครสามารถครองราชย์ได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะ กษัตริย์ทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นกบฏและเป็นผู้แย่งชิง (usurpateur) อำนาจของประชาชนไป "
ยิ่งถ้าเรานึกถึงปริบทของอำนาจและอภิสิทธิ์มหาศาลที่กษัตริย์มีเหนือสังคมไทย ทั้งทางกฎหมายและการเมือง (ทั้งที่เคยมีอยู่นานแล้ว และที่กษัตริย์องค์นี้สร้างเพิ่มขึ้นในรัฐธรรมนูญ และในกฎหมายราชการในพระองค์ล่าสุด) ทางเศรษฐกิจ (ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และงบประมาณที่รัฐทุ่มเทในการรักษาและโปรโมตสถาบันกษัตริย์) และทางวัฒนธรรมสังคม (การโฆษณาเชิดชูสถาบันกษัตริย์ทุกวันทางสื่อและระบบการศึกษา)ลักษณะสิ้นเปลืองสูญเปล่า การมีอภิสิทธิ์และอำนาจอย่างไร้ความรับผิดชอบ อยู่ในระดับที่เหลือเชื่อและยากจะพบได้ในโลกสมัยใหม่ศตวรรษนี้มากขนาดไหน ก็ลองประเมินกันดู " ( คัดจากบทความ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล )
วชิราลงกรณ์เป็นคนสั่งให้ประยุทธ์ยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษ์ เมื่อวันที่ 22 พ.ค 2557 ขณะที่ภูมิพลป่วยหนักนอนรอวันตายซึ่งไม่สามารถสั่งการทำอะไรได้     หลังจากภูมิพลตายลง 13 ต.ค. 2559
 
ต่อมาวชิราลงกรณ์ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 10 ได้รวบอำนาจทุกอย่างไว้ในมือและเพิ่มอำนาจทุกอย่างให้แก่ตนเองยิ่งกว่ารัชกาลที่ 9 ผู้เป็นพ่อเสียอีก    เวลานี้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในสังคมไทยและทั่วโลกว่าวชิราลงกรณ์คือกษัตริย์จอมเผด็จการที่มีจิตวิตถาร โมโหร้ายเหี้ยมโหดผิดมนุษย์   ประพฤติตัวไม่เหมาะสมที่จะเป็นประมุขของรัฐ เป็นอันตรายต่อชาติ เป็นภัยต่อสังคม  ผลาญเงินภาษีของชาติไปปีละมากมายมหาศาลทำตัวเป็นอันธพาลแห่งชาติ ใช้ชีวิตอย่างเสเพลอยู่ในต่างประเทศ... ฯลฯ
 
ดังนั้นประเทศไทยและประชาชนชาวไทยจึงไม่มีความจำเป็นที่จะมีกษัตริย์เผด็จการทรราชอย่างวชิราลงกรณ์   ระบอบกษัตริย์เผด็จการทรราชได้ถูกโค่นล้มลงไปแล้วตั้งแต่ปี 2475 ประชาชาติไทยและสังคมไทยจะต้องพัฒนาก้าวไปข้างหน้าสู่ประชาธิปไตย  สู่สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ความเท่าเทียมกันของการเป็นมนุษย์ ไม่ใช่จะให้อยู่ใต้ตีนของกษัตริย์ทรราช.จึงเป็นสิทธิและหน้าที่โดยชอบธรรมของพี่น้องชาวไทยทุกคนที่จะลุกขึ้นมาโค่นล้มระบอบเผด็จการกษัตริย์นี้ลง แล้วให้การสนับสนุนการก่อตั้งสหพันธ์รัฐไทตามแนวนโยบายที่ทางสหพันธ์รัฐไทได้ก่อตั้งขึ้นโดยอำนาจทุกอย่างมาจากประชาชนเป็นของประชาชน เพื่อประชาชน และประชาชนเป็นผู้ใช้อำนาจนั้น  เมื่อประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจรัฐแล้วก็จะสามารถบริหารประเทศชาติเพื่อผลประโยขน์ของประชาชนในสังคมตามหลักแห่งความเสมอภาค และความเป็นธรรม มีระบบการตรวจสอบได้ มีระบบการเลือกตั้งที่ยุติธรรมตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

Image may contain: 3 people, people standing

บีบีซีไทย - BBC Thai

บีบีซีไทย - BBC Thai
Image may contain: 3 people, people standing and outdoor
("จำอวด".พวกเครือข่ายสายป่านTyrant)
ครบ 5 ปี “เป่านกหวีด” ชุมนุม กปปส. กับ 6 วันของปฏิบัติ “เดินคารวะแผ่นดิน”
31 ต.ค. 2556 เสียงนกหวีดแรกดังขึ้นที่สถานีรถไฟสามเสน เพื่อต่อต้านการผลักดันร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) นิรโทษกรรม "ฉบับสุดซอย" ของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก่อนกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการชุมนุมบนท้องถนนครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ภายใต้การบริหารจัดการของ 9 อดีตสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นำโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ซึ่งต่อมาเรียกตัวเองว่าคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป..คลิกดู-. See More
เผยบทเพลงที่เคยถูกบีบีซีห้ามออกอากาศในอดีต เพราะมีเนื้อหาเกี่ยวกับการเมือง ระบอบกษัตริย์ และเรื่องเพศที่ขัดต่อศีลธรรมอันดีของบ้านเมือง
บีบีซีไทย - BBC Thai

การตีสองหน้าของทักษิณ ออกมาหลอกลวงประชาชนอีกคร้้งเพื่อจะกลับมาเสวยอำนาจแทนเจ้า...


Image may contain: 15 people, people smiling

(อุบลรัตน์ กับสองอดีตนายก ทักษิณและยิ่งลักษณ์น้องสาวขณะที่ไปชมบอลโลกด้วยกันที่รัสเซีย เดือน ก.ค.18 . 12 ปีให้หลังจากการเขียนบทความ.)  

 


 

12 ปี จาก 19 กันยายน 2549 ถึง 19 กันยายน 2561

วันนี้ผมอยากให้ทุกท่านลองวางใจให้เป็นกลาง แล้วหลับตานึกว่าจากวันนั้นถึงวันนี้ ท่านคิดว่าประเทศไทยเจริญขึ้นแล้วหรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นระบบการศึกษา ระบบราชการบริการประชาชน ยาเสพติด การสาธารณสุข กระบวนการยุติธรรม เศรษฐกิจของท่านเองรวมถึงความสุขของท่านและคนรอบตัวท่าน สุดท้ายคือศักดิ์ศรีประเทศและความภูมิใจของท่าน

เรามีการปฏิวัติ 2 ครั้งใน 12 ปี ปฏิวัตินายกฯที่เป็นพี่น้องกันและได้รับความนิยมสูงสุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย แน่นอนมีคนได้ดีและร่ำรวยจากการปฏิวัติทั้ง 2 ครั้ง แต่คนที่แย่ลงในหลายมิติมีมากกว่า และไม่สำคัญเท่ากับประเทศไทยที่เรารักถูกมองแย่ลงในสายตาคนทั้งโลก เราถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะหันหน้ามาปรึกษาหารือกันเพื่อบ้านเมือง หรือว่าเราจะตะแบงฟาดฟันกันฝ่ายเดียว ทั้งๆที่เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นที่ต่างกัน ชอบไม่เหมือนกัน บางคนต้องถึงกับชีวิต บางคนเจ็บป่วย บางคนติดคุก บางคนถูกกลั่นแกล้งทางธุรกิจ ทางอาชีพและตำแหน่งหน้าที่ราชการ จนอยากจะตะโกนแรงๆ ว่าเราคนไทยด้วยกันไม่ใช่หรือ

แล้ววันนี้เราช้ำกันพอแล้วหรือยัง ประเทศช้ำพอแล้วหรือยัง รอยยิ้มของไทยที่เรียกว่ายิ้มสยามหายไปไหนหมด แล้วเราจะอยู่กันแบบนี้ ในขณะที่โลกเขากำลังเอาสมองไปคิดค้นสิ่งใหม่ นำความเจริญให้ประเทศเขาแต่เรากำลังล้าหลังในทุกๆด้าน ถ้าเราเปิดใจกว้าง ไม่เป็นกบน้อยในกะลา เราจะรู้ว่าเราต้องปรับปรุงและพัฒนาอีกเยอะ เทคโนโลยีที่ทั้งโลกกำลังใช้ประโยชน์มันกำลังจะไล่ล่าประเทศที่ปรับตัวไม่ทันและไม่คิดปรับตัว

ในโอกาสครบรอบ 12 ปีนี้ ผมขอเปิดอกว่าผมเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศไทยเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นผมต้องสูญเสียความสุข ความอบอุ่นในครอบครัวผม ที่พ่อแม่ลูกเราอยู่ด้วยกันอย่างอบอุ่นมาตลอด ต้องมาพรากจากกัน ผมเสียใจที่คนที่รักผม สนับสนุนผมถูกรังแก แต่คงไม่เสียใจเท่าประเทศที่ผมรัก แผ่นดินที่ผมเกิด และเติบโตมา ซึ่งครั้งหนึ่งได้ทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ต้องมาตกอยู่ในสภาวะแบบนี้ ถึงแม้ว่าผมมีอายุที่กำลังก้าวเข้าปีที่ 70 แล้ว แต่ผมเสียดายประสบการณ์ที่สั่งสมมาทั้งชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 12 ปีที่ออกมา ซึ่งน่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ 12 ปี แล้วยังไม่ลืมผม ยังส่งผ่านความรักความปรารถนาดีมาถึงกันเสมอมา สุดท้ายนี้ผมขออโหสิกรรมให้กับทุกคนที่ให้ร้ายกลั่นแกล้งผมมา ณ ที่นี้ด้วย