tisdag 23 februari 2021

Update : ปรัชญาในการต่อสู้กับระบอบกษัตริย์เผด็จการ

โดย แสงตะวัน

12 ก.ค. 18

การต่อสู้กับระบอบกษัตริย์เผด็จการอันเหี้ยมโหดและป่าเถื่อนภายใต้กษัตริย์ทรราชย์คนปัจจุบันที่ใช้อำนาจทุกอย่างครอบงำสังคมไทยในเวลานี้ 
ก่อนอึ่นเราต้องเริ่มจากแนวความคิดหรือทำความเข้าใจในด้านปรัชญาเสียก่อนว่าความหมายของปรัชญานั้นคืออะไร...

ปรัชญาความหมายง่ายๆคือ โลกทัศน์ โลกทัศน์คือทัศนะของการมองโลก ว่าโลกนี้คืออะไร โลกนี้ก็คือวัตถุที่ดำรงคงอยู่ตามธรรมชาติ มีการเคลื่อนไหวและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา  การให้คำจำกัด
 
ความสั้นๆของโลกเช่นนี้เป็นการมองโลกแบบวัตถุนิยมที่เป็นจริงคือโลกนี้เกิดขึ้นมาเองและดำรงคงอยู่ตามธรรมชาติไม่มีใครสร้างขึ้น  โลกนี้เป็นสสารหรือวัตถุที่จับต้องสัมผัสได้ 

แต่ยังมีแนวความคิดอีกแนวหนึ่งที่เชื่อว่าโลกนี้พระเจ้าเป็นผู้สร้างขึ้นมา ซึ่งแนวคิดแบบนี้มีความเชื่อว่า มีพระเจ้าอยู่บนสรวงสวรรค์ดลบันดาลให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของพระเจ้าแม้แต่มนุษย์ที่เกิดมาตลอดจนสัตว์สาวาสิ่งทั้งหลายล้วนเป็นสิ่งที่พระเจ้ากำหนดทั้งนั้น แนวความคิดแบบนี้คือแนวความคิดแบบจิตนิยม เป็นแนวคิดแบบเพ้อฝันไม่มีกฏเกณท์ไม่เป็นวิทยาศาสตร์ผิดหลักของธรรมชาติ

ปรัชญาหรือทัศนะในการมองโลกก็มีสองแนวคิดนี้เองที่กำลังต่อสู้กันอยู่ในโลกของสังคมนุษย์ชาติในเวลานี้ คือแนวความคิดแบบวัตถุนิยมและแนวความคิดแบบจิตนิยม

สมัยก่อนมนุษย์เรายังไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกฏเกณฑ์ต่างๆของธรรมชาติ ไม่สามารถอธิบายสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในจักรภพนี้ได้   จึงเชื่อเอาอย่างงมงายว่าธรรมชาติและสรรพสิ่งทั้งหลายที่เกิดขึ้นในโลกนี้ ล้วนมีสิ่งบันดาลมาจากเบื้องบนเพื่อให้เป็นไปเช่นนั้น  ซึ่งอำนาจจากเบื้องบนนั้นเชื่อกันว่าเป็นอำนาจของพระเจ้า  หรืออำนาจของพวกเทวาอารักษ์  พวกเจ้าโคตรเจ้าตระกูลทั้งหลาย  ผู้ที่เป็นหัวหน้าสังคมที่ถูกเลือกขึ้นในยุคของสังคมบุพกาลเพื่อให้เป็นตัวแทนในการทำพิธีทางไสยศาสตร์นั้น   ต่อมาก็ได้ตั้งตนเองขึ้นเป็นกษัตริย์ หรือ จักรพรรดิ์ ปกครองอยู่ตามดินแดนหรือในแค้วนต่างๆ  บุคคล เหล่านี้ได้ตั้งตนเองขี้นเป็นตัวแทนของพระเจ้า  อ้างว่าพระเจ้าส่งตนลงมาจุติในโลกมนุษย์ หรือเป็นตัวแทนมาจากเบื้องบน ที่สวรรค์ส่งลงมาเพื่อโปรดมนุษย์ และอ้างว่าได้รับอำนาจมาจากสรวงสวรรค์ให้มาปกครองมนุษย์  เช่นจีนในสมัยโบราณมีความเชื่อกันว่าจักรพรรดิ์เป็นโอรสของพระเจ้าส่งลงมาจากสวรรค์  ประเทศญี่ปุ่นสมัยเก่าก็เชื่อกันว่าจักรพรรดิ์เป็นโอรสของพระอาทิตย์มาเกิดเป็นต้น

ความเชื่อเช่นนี้คือต้นเหตุของแนวความคิดที่ทำให้กษัตริย์หรือจักรพรรดิ์ในประเทศต่างๆคิดเอาเองว่า  สรรพสิ่งทั้งหลายทุกอย่างในโลกนี้เช่น ที่ดิน  คนและสัตว์เป็นสมบัติของตนทั้งหมด  
ในประวัติศาสตร์ของกรุงศรีอยุธยายังปรากฏในกฏหมาย  “ ตราสามดวง“ว่า  “ ที่ดินทั้งหลายในแคว้นศรีอยุธยาเป็นของพระเจ้าอยู่หัวโดยพระบรมเดชานุภาพ “  ระบอบศักดินา จึงเกิดขึ้น  อำนาจการปกครองทุกอย่างอยู่ในมือของผู้เป็นหัวหน้าของสังคมแต่ผู้เดียว 
กษัตริย์ หรือจักรพรรดิ์ สามารถใช้อำนาจได้โดยไม่จำกัดขอบเขต  อำนาจเผด็จการโดยสมบูรณ์ของกษัตริย์ก็เกิดขึ้น   ต่อมากษัตริย์ หรือจักรพรรดิ์ ยังได้ตราเป็นกฏหมายขึ้นอีกว่า เมื่อตัวเองตายลงก็ให้ลูกหรือญาติที่สนิทของตนรับช่วงเป็นผู้สืบทอดวงศ์ตระกูลปกครองประเทศสืบต่อไป เป็นการสืบทอดราชสันติวงค์ต่อไปอีกเป็นทอดๆ ดังที่เห็นกันอยู่ในสังคมไทยในเวลานี้

สำหรับในต่างประเทศที่เจริญแล้วระบอบกษัตริย์ได้ถูกโค่นล้มลงไปหมดแล้ว เช่น จีน รัสเซีย ฝรั่งเศส เยอรมันนี เวียตนาม ลาว พม่า หรือ เมียนม่า ฟีลแลนด์  ฯลฯ เป็นต้น ส่วนประเทศที่มีประชาธิปไตยที่ยังมีระบอบกษัตริย์เหลืออยู่กษัตริย์เหล่านั้้นก็อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ   โดยอำนาจสูงสุดเป็นของปวงชนและปวงชนเป็นผู้ใชัอำนาจนั้นปกครองประเทศ เช่น เบลเยี่ยม อังกฤษ สวีเด็น นอรเวย์ เด็นมารค์
สำหรับประเทศไทยกษัตริย์อยู่เหนือรัฐธรรมนูญ อำนาจทุกอย่างรวมศูนย์อยู่ที่กษัตริย์วชิราลงกรณ์แต่ผู้เดียว ดังนั้นวชิราลงกรณ์คือกษัตริย์เผด็จการ ไม่มีคุณงามความดีอะไรที่จะเป็นกษัตริย์ปกครองประเทศ ไม่ได้รับการยอมรับจากประชาชน

เพื่อความอยู่รอดเขาจึงดิ้นรนทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อสร้างภาพให้ตัวเอง ด้วยการมอมเมาโฆษณาชวนเชื่อต่างๆ โดยอาศัยสื่อสารมวลชนและเครือข่ายต่างๆของรัฐที่เขามีอำนาจครอบงำอยู่ในเมืองไทยโหมโฆษณาสร้างภาพด้านเดียวเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นจากความเลวทรามของตัวเองให้ประชาชนสนใจไปทางอื่นเช่นการสร้างภาพเด็ก 13 คนติดในถ้ำหลวง เป็นการก่อกระแสอย่างใหญ่โตที่เกินกว่าเหตุกระจายข่าวไปทั่วโลก   พวกเจ้าพยายามสร้างภาพให้กับตนเองว่าเขาคือพระเจ้าที่มีอำนาจเหนือมนุษย์ธรรมดา   เป็นบุคคลพิเศษที่จะใช้อำนาจทำอะไรกับใครก็ได้แม้แต่กับลูกเมียตัวเอง

ซึ่งวิธีการหรือแนวความคิดแบบนี้  เป็นหลักวิธีคิดแบบจิตนิยมที่มีมาจากสังคมของระบบทาส   โดยเอาจิตของตนไปกำหนดเอากับวัตถุหรือสิ่งของอื่นตามใจชอบโดยไม่คำนึงถึงหลักความเป็นจริง เพราะความเป็นจริงนั้นคือ มนุษย์ในโลกนี้เกิดมาเหมือนกันหมดต่างกันเพียงแต่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชายแต่เนื้อหาหรือธาตุแท้ของมันก็คือมนุษย์ธรรมดา เป็นวัตถุหรือสสารที่เคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนแปลงได้   มนุษย์เกิดขึ้นมาตามธรรมชาติไม่ใช่พระเจ้าเป็นผู้สร้างมา สิ่งแวดล้อมและสภาพการเป็นอยู่ทางเศรษฐกิจเป็นสิ่งกำหนดความคิดของมนุษย์  ไม่ใช่เทวดาหรือเทวาอาลักษ์ที่ใหนอย่างที่พวกเจ้าเขาคิดหรือสร้างภาพให้คนเชื่อ  แนวความคิดของพวกเจ้าคือแนวความคิดแบบจิตนิยม  โดยสร้างภาพสมมุติตนเองเป็นเทวดาให้คนเคารพกราบไหว้บูชา   ทำตัวเป็นตัวแทนของพระเจ้า เพื่อตัวเองจะได้ปกครองคนอื่นได้

ดังนั้นกษัตริย์และครอบครัวของเขาจึงไม่ใช่พวกเทวดาหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อะไร  การใช้สรรพนามเรียกบุคคลเหล่านั้นว่า "พระเทพฯ ฟ้าหญิง  ฟ้าชาย" เป็นเพียงการสร้างภาพให้แก่พวกเขาเองเป็นการสมมุติให้ดูว่าพวกเขาเป็นคนพิเศษเท่านั้น   ถ้าเราไม่เอาจิตไปกำหนดโดยคิดไปเอง หรือเชื่ออย่างงมงายว่าพวกคนเหล่านั้นคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้ว  พวกเขาเหล่านั้นก็เป็นเพียงคนปกติธรรมดาและไม่มีอะไรเกิดขึ้น    ทุกอย่างอยู่ที่จิตของเรา ธาตุแท้ของมนุษย์ก็คือวัตถุหรือสสารที่มีการเคลื่อนไหวเปลี่ยนแปลงได้ มีการเกิด การพัฒนา และดับสูญไปตามกฏของธรรมชาติเท่านั้น

เราอย่าเอาจิตไปกำหนดวัตถุโดยคิดไปเองตามการโฆษณาชวนเชื่อของพวกเขา เมื่อเราเข้าใจแล้วว่าโลกนี้คือวัตถุเราก็จะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกนี้ได้   เช่นถ้าเราต้องการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำเราก็ต้องศึกษาหรือค้นขว้าหาข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับแม่น้ำเสียก่อนจึงลงมือสร้างไม่ใช่เอาจิตไปกำหนดหรือคิดไปเองให้เกิดสะพานขึ้นมา ถ้าเราต้องการเปลี่ยนสังคมเราก็ต้องศึกษาให้เข้าใจสังคมนั้นเสียก่อนว่าเป็นสังคมอะไร เช่นสังคมไทยเป็นสังคมกษัตริย์เผด็จการ ถ้าเราต้องการเปลี่ยนให้เป็นสังคมประชาธิปไตยก็ต้องโค่นล้มระบอบกษัตริย์เผด็จการนั้นลงแล้วสร้างระบอบประชาธิปไตยขึ้นมาแทนซึ่งนี้คือหลักความจริงตามธรรมชาติที่มนุษย์เรามีสิทธิ์จะกระทำได้ซึ่งในหลายประเทศได้ทำสำเร็จมาแล้ว

ดังนั้นทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับตัวเราเองเราต้องปลดปล่อยตัวเราเองก่อนโดยเริ่มจากแนวความคิดที่เป็นวิทยาศาสตร์มองโลกจากหลักของความเป็นจริงตามหลักของธรรมชาติ มีสติเริ่มต้นจากจิตของเราว่าเราจะสู้หรือไม่สู้ถ้าเราตัดสินใจจะสู้ก็ต้องศึกษาค้นหาวิธีการต่อสู้ และต้องรู้ว่าสู้กับใคร ใครคือศัตรูใครคือมิตร  อย่าลืมว่าประชาชนที่ถูกกดขี่เป็นพลังส่วนมากของสังคมถ้าเราตัดสินใจได้และพร้อมใจกันลุกขึ้นสู้โดยการปฏิเสธไม่ยอมรับระบอบกษัตริย์เผด็จการเท่านั้นพวกมันก็อยู่ไม่ได้.

วชิราลงกรณ์ไม่สมควรที่จะเป็นกษัตริย์ 

โดย แสงตะวัน
30 Juli 18

ถ้าอ้างตามความหมายของ Saint-Just ที่อธิบายไว้ว่า " กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและเป็นอาชญากรรมชั่วนิรันดร  นั้น...

"กษัตริย์ใหม่ที่ชื่อวชิราลงกรณ์เหมาะสมที่สุดตรงตามคำอธิบายของ Saint-Just ที่กล่าวไว้ " ...

Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ถ้ากษัตริย์เป็นทรราช   นั่นไม่ใช่เพราะความผิดจากการบริหารราชการแผ่นดินของเขา แต่เขาเป็นทรราชก็ด้วยลักษณะของความเป็นกษัตริย์นั่นแหละ 
Saint-Just เสนออย่างชาญฉลาดว่า การที่กษัตริย์ยึดครองอำนาจสูงสุดของประชาชนไปใช้เอง นั่นแสดงให้เห็นว่าลักษณะของความเป็นกษัตริย์เป็นอาชญากรรมนิรันดร (crime éternel) ต่อประชาชน มนุษย์จึงย่อมมีสิทธิสมบูรณ์ในการลุกขึ้นสู้และติดอาวุธ   Saint-Just อธิบายว่า ไม่มีใครสามารถครองราชย์ได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะ กษัตริย์ทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นกบฏและเป็นผู้แย่งชิง (usurpateur) อำนาจของประชาชนไป "
ยิ่งถ้าเรานึกถึงปริบทของอำนาจและอภิสิทธิ์มหาศาลที่กษัตริย์มีเหนือสังคมไทย ทั้งทางกฎหมายและการเมือง (ทั้งที่เคยมีอยู่นานแล้ว และที่กษัตริย์องค์นี้สร้างเพิ่มขึ้นในรัฐธรรมนูญ และในกฎหมายราชการในพระองค์ล่าสุด) ทางเศรษฐกิจ (ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์และงบประมาณที่รัฐทุ่มเทในการรักษาและโปรโมตสถาบันกษัตริย์) และทางวัฒนธรรมสังคม (การโฆษณาเชิดชูสถาบันกษัตริย์ทุกวันทางสื่อและระบบการศึกษา)ลักษณะสิ้นเปลืองสูญเปล่า การมีอภิสิทธิ์และอำนาจอย่างไร้ความรับผิดชอบ อยู่ในระดับที่เหลือเชื่อและยากจะพบได้ในโลกสมัยใหม่ศตวรรษนี้มากขนาดไหน ก็ลองประเมินกันดู " ( คัดจากบทความ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล )
วชิราลงกรณ์เป็นคนสั่งให้ประยุทธ์ยึดอำนาจจากรัฐบาลยิ่งลักษ์ เมื่อวันที่ 22 พ.ค 2557 ขณะที่ภูมิพลป่วยหนักนอนรอวันตายซึ่งไม่สามารถสั่งการทำอะไรได้     หลังจากภูมิพลตายลง 13 ต.ค. 2559
ต่อมาวชิราลงกรณ์ก็ขึ้นเป็นกษัตริย์รัชกาลที่ 10 ได้รวบอำนาจทุกอย่างไว้ในมือและเพิ่มอำนาจทุกอย่างให้แก่ตนเองยิ่งกว่ารัชกาลที่ 9 ผู้เป็นพ่อเสียอีก    เวลานี้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปในสังคมไทยและทั่วโลกว่าวชิราลงกรณ์คือกษัตริย์จอมเผด็จการที่มีจิตวิตถาร โมโหร้ายเหี้ยมโหดผิดมนุษย์   ประพฤติตัวไม่เหมาะสมที่จะเป็นประมุขของรัฐ เป็นอันตรายต่อชาติ เป็นภัยต่อสังคม  ผลาญเงินภาษีของชาติไปปีละมากมายมหาศาลทำตัวเป็นอันธพาลแห่งชาติ ใช้ชีวิตอย่างเสเพลเสพสุขอยู่ในต่างประเทศ... ฯลฯ

ดังนั้นประเทศไทยและประชาชนชาวไทยจึงไม่มีความจำเป็นที่จะมีกษัตริย์เผด็จการทรราชอย่างวชิราลงกรณ์   ระบอบกษัตริย์เผด็จการทรราชได้ถูกโค่นล้มลงไปแล้วตั้งแต่ปี 2475 ประชาชาติไทยและสังคมไทยจะต้องพัฒนาก้าวไปข้างหน้าสู่ประชาธิปไตย  สู่สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค ความเท่าเทียมกันของการเป็นมนุษย์ ไม่ใช่จะให้อยู่ใต้ตีนของกษัตริย์ทรราช.จึงเป็นสิทธิและหน้าที่โดยชอบธรรมของพี่น้องชาวไทยทุกคนที่จะลุกขึ้นมาโค่นล้มระบอบเผด็จการกษัตริย์นี้ลงแล้ว...

อำนาจทุกอย่างมาจากประชาชนเป็นของประชาชน เพื่อประชาชน และประชาชนเป็นผู้ใช้อำนาจนั้น  เมื่อประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจรัฐแล้วก็จะสามารถบริหารประเทศชาติเพื่อผลประโยขน์ของประชาชนในสังคมตามหลักแห่งความเสมอภาค และความเป็นธรรม มีระบบการตรวจสอบได้ มีระบบการเลือกตั้งที่ยุติธรรมตามระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง

 
 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar