แสงตะวัน
18 พ.ย. 61
สู้..เพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
สภาพการปกครองของไทยในเวลานี้ก็เหมือนประเทศอียิปต์ในปี
พ.ศ 2495 หรือปี ค.ศ. 1952 ที่กษัตริย์เป็นผู้ผูกขาดอำนาจทุกอย่าง
ในทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรมและ ทางศาล ไปจนถึงสื่อสารมวลชน
ซึ่งเรียกว่าระบอบกษัตริย์เผด็จการ(Tyranny)
ในเวลานั้นประเทศอียิปต์ปกครองโดยกษัตริย์ฟารุค
ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่เลวทรามมากชอบนอนกับผู้หญิงอยู่ทั่วไปแม้แต่ตามทุ่งไร่ทุ่งนาก็ไม่เว้นทำตัวเหลวแหลกมีเมียมากมาย(เหมือนกับกษัตริย์รัชกาลที่สี่ที่ห้าในอดีตของไทย
และคนปัจจุบันรัชกาลที่10 ) กษัตริย์ฟารุค ทรยศคตโกงประเทศชาติในขณะที่ประชาชนอียิปต์อดอยากไม่มีจะกิน
ในที่สุดประชาชนทนไม่ได้
ถูกคณะทหารที่รักชาติไม่ยอมก้มหัวให้กษัตริย์นำโดยพันเอก Gamal Abdel
Nasser และ Muhammad Naquip โค่นลง เมื่อวันที่ 26 เดือน กรกฏาคม พ.ศ 2495
แล้วกษัตริย์ฟารุคก็ถูดเนรเทศออกจากประเทศไป
ระบอบกษัตริย์เผด็จการของอียิปต์ก็สิ้นสุดลงจนถึงทุกวันนี้.....
อีกตัวอย่างประเทศเอธิโอเปียในอดีตยุคจักรพรรดิ์
Haile Selassie
ปกครองประเทศด้วยระบอบเผด็จการปล่อยให้ประชาชนอดอยากทุกข์ยากเดือดร้อนไปทุกหัวระแหง
ในขณะเดียวกันตัวจักรพรรดิ์เองและครอบครัวมีชีวิตอยู่อย่างหรูหราฟุ่มเฟือยคตโกงประเทศชาติลักลอบเอาเงินของชาติไปฝากไว้ยังต่างประเทศเป็นจำนวนมากมายมหาศาล
แม้แต่หมาของHaile Selassie ก็ให้กินอาหารจากจานทองคำ.. (เหมือนประเทศไทยในเวลานี้ ยุครัชกาลที่ 10 ของไทยที่ตั้งยศนายพลให้กับหมาของตัวเองมีนายสัตวแพทย์ดูแลอย่างดีรวมทั้งจัดงานวันเกิดให้อย่างหรูหรา ในขณะที่ประชาชนกำลังทุกข์ยากไม่มีจะกินตัวเองและครอบครัวไปเสวยสุขอยู่ต่างประเทศเยอรมัน)
เมื่อประชาชนทนความทุกข์ยากต่อไปไม่ได้
ก็ถูกนายทหารยศพันเอก ชื่อ พันเอก Menqistu Haile Marium
พาลูกน้องเข้าจับตัวจักรพรรดิ์ขังคุกและไล่ออกจากการเป็นจักรพรรดิ์
เมื่อวันที่ 27 ส.ค 2518
แล้วเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นประธานาธิบดีมาจนถึงทุกวันนี้...
ในประเทศเนปาล ฉาก
สุดท้ายของราชวงศ์ชาห์แห่งเนปาลจบลงอย่างอัปยศที่สุด
รัฐบาลใหม่ของเนปาลเตือนให้กษัตริย์คยาเนนทราต้องออกจากพระราชวังในวันที่
28 พฤษภาคม2551 หลังสมัชชาแห่งชาติเปิดประชุมครั้งแรก
พร้อมคำประกาศเลิกสถาบันกษัตริย์
ถือเป็นการสิ้นสุดทั้งราชวงศ์ชาห์แห่งเนปาลที่ปกครองประเทศมายาวนานถึง 239
ปี และระบอบกษัตริย์ในประเทศนี้ไปพร้อมๆกัน
.มี
รายงานว่า พระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ ถูกปลดออกจากฝาตามร้านรวงต่างๆ
รวมทั้งถูกถอดออกจากธนบัตร ขณะที่คำว่า "Royal"ก็ถูกลบออกจากชื่อของกองทัพ
รวมทั้งสายการบินแห่งชาติ
และรัฐบาลได้งดจ่ายเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายของพระองค์ปีละ 3 ล้าน 1
แสนดอลลาร์ และยึดวัง 10 แห่งของราชวงค์คืนชะตากรรมของอดีตกษัตริย์
คยาเนนทราหลังจากนั้นก็คือ
การไฟฟ้าของเนปาลได้จัดส่งบิลไปเก็บค่าไฟฟ้าที่คิดค้างไว้ราว 40 ล้านบาท
โดยบอกว่าทรงติดไว้นับแต่ปี2548เป็นต้นมา...
Saint-Just อธิบายว่า
กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง
เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ
กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ .......
ในสังคมการเมือง
อำนาจเป็นของประชาชนเสมอ เพียงแต่ว่ายุคใดสมัยใด อำนาจนั้นจะถูก “แย่งชิง”
ไปหรือไม่ หรือประชาชนจะมอบอำนาจนั้นให้แก่ใคร ดังนั้น
หากจะย้อนกลับไปหาความเป็นเจ้าของอำนาจ
ในท้ายที่สุดก็จะเจอประชาชนในฐานะเจ้าของอยู่ดี
การอ้างว่ากษัตริย์เป็นผู้ทรงอำนาจ เป็นผู้ปกครอง มาตั้งแต่นมนาน
ในสังคมการเมืองหนึ่งอาจไม่เคยขาดซึ่งสถาบันกษัตริย์เลย
นั่นอาจเป็นการอ้างตามประวัติศาสตร์ของพวกราชาชาตินิยม
ประวัติศาสตร์ของเจ้า ไม่จำเป็นต้องเป็นโค้ดของเรา Saint-Just อธิบายว่า
กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง
เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ
กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ถ้ากษัตริย์เป็นทรราช
นั่นไม่ใช่เพราะความผิดจากการบริหารราชการแผ่นดินของเขา
แต่เขาเป็นทรราชก็ด้วยลักษณะของความเป็นกษัตริย์นั่นแหละ Saint-Just
เสนออย่างชาญฉลาดว่า การที่กษัตริย์ยึดครองอำนาจสูงสุดของประชาชนไปใช้เอง
นั่นแสดงให้เห็นว่าลักษณะของความเป็นกษัตริย์เป็นอาชญากรรมนิรันดร (crime
éternel) ต่อประชาชน
มนุษย์จึงย่อมมีสิทธิสัมบูรณ์ในการลุกขึ้นสู้และติดอาวุธ Saint-Just
อธิบายว่า ไม่มีใครสามารถครองราชย์ได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะ
กษัตริย์ทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นกบฏและเป็นผู้แย่งชิง (usurpateur)
อำนาจของประชาชนไป
ในประกาศคณะราษฎร
“ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่าประเทศของเรานี้เป็นของราษฎร
ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง
บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศมีอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก
พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบ และกวาดรวบทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน
เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎร เพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง”
หากพิจารณาตามแนวทางนี้
ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนหรือไม่ เพราะ
อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนเสมอ ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตลอดกาล
เพียงแต่ว่าบางช่วงบางตอน ถูก “ฉกฉวยแย่งชิง"ขโมยไป และสักวันหนึ่ง
ประชาชนก็เอากลับคืนมาจนได้
ในเวลานี้ประเทศไทยถูกกษัตริย์และครอบครัวปล้นอำนาจประชาชนไป
ปล้นทรัพย์สมบัติของชาติไป ปล้นสิทธิเสรีภาพ ปล้นโอกาศของประชาชน
ปล้นความหวัง ปล้นวัฒนธรรม
บังคับให้คนไทยส่งส่วยตั้งแต่แม่ค้าหาบเร่ไปจนถึงหวยใต้ดินและวงการธุระกิจระดับชาติทุกสาขาอาชีพ
ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ
ล้วนถูกขูดรีดและบังคับให้อยู่ไต้ตีนของกษัตริย์และครอบครัวของกษัตริย์ทั้งนั้น
ประเทศไทยเราได้ตกเป็นทาสของระบอบกษัตริย์เผด็จการมานานแล้ว
ถึงเวลาแล้วที่พี่น้องชาวไทยทั้งหลายจะต้องลุกขึ้นมาทวงถามอำนาจ สิทธิ
เสรีภาพของเรากลับคืนมา
ดังนั้นวันที่ 5 และวันที่ 9 ธันวา
พี่นอ้งชาวไทยทั้งหลายที่ไม่ยอมเป็นทาสภายใต้ระบอบกษัตริย์ทรราชเผด็จการนี้จงใส่เสื้อดำออกมาแสดงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ตามสภาพการณ์ที่พวกท่านสามารถทำได้
ด้วยจิตคารวะ
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar