ใบตองแห้ง: อายอดอยู่นาน

ประชาไท / 'ใบตองแห้ง' ออนไลน์

Submitted on Mon, 2019-11-18 14:58ใบตองแห้ง

ครม.สัญจรคือวาระหาเสียงอย่างมีความสุขของระบอบประยุทธ์ ได้พบชาวบ้านให้กำลังใจล้นหลาม ไม่ต้องบินหนีย้ายที่จอด ฮ. แบบไปอีสานเจอสมัชชาคนจน ได้ยิ้มแก้มปริ ถ่ายเซลฟี่กับนักศึกษาชูป้ายรักลุง ไม่มีใครชู 3 นิ้ว ให้ถูกลากคอออกไปเหมือนกลุ่มดาวดิน

แถมยังโชว์ฉลาด พูดฝรั่งกับวัว แนะให้นำแม่วัวไปรีดน้ำนมดิบให้เด็กดื่ม จะได้ไม่ต้องกลัวนมโรงเรียนบูดอีกต่อไป

การหาเสียงของระบอบประยุทธ์ ไม่ใช่หาเสียงแบบรัฐบาลทั่วไป แต่แฝงนัยให้ประชาชนยอมรับ “ระบอบประชาธิปไตยจอมปลอม” เช่นอ้างว่าเป็นนายกฯ จากเลือกตั้ง เพราะได้ ส.ส.เกินครึ่ง 250 ส.ว.ยังไม่ทันเลือก ก็ได้เป็นนายกฯแล้ว ซึ่งผิดถนัด เพราะการเลือกนายกฯ ทำในที่ประชุมร่วมรัฐสภา 750 คน ถ้าไม่มี 244 ส.ว. 6 ผบ.เหล่าทัพ พรรคอื่นก็คงไม่ร่วมรัฐบาล
ประยุทธ์ปากหวาน ร้องเพลงกับชาวบ้าน บอกให้ช่วยกันสู้คนไม่ดี ตัวเองอารมณ์เสียบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ขอให้ประชาชนอดทน ให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือรัฐบาล แต่ส่วนที่ประชาชนเรียกร้องต้องการ รัฐบาลนี้ไม่ค่อยมีสตางค
ประยุทธ์บอกกำนันผู้ใหญ่บ้าน ให้คิดอย่างตัวเอง ทำให้ประชาชนมีความสุข อย่าคิดว่ามีปัญหา อย่าทะเลาะเบาะแว้งกันให้เสียเวลา สังคมไทยชอบเชียร์มวย ฯลฯ ไม่ทราบหมายถึงอะไรบ้าง แต่ที่สังคมวิพากษ์วิจารณ์ คือเรื่องความชอบธรรม ของการเข้าสู่อำนาจ การใช้อำนาจ ประยุทธ์กลับบอกว่าเบื่อการเมืองเรื่องทะเลาะกัน สนใจชิงโชคร้อยเดียวเที่ยวทั่วไทย แจกชิมช้อปใช้ ดีกว่า?
เลือกตั้งท้องถิ่น “จะเป็นจะตายกันให้ได้ไม่เข้าใจ” ประเทศไทยอันตรายในช่วงเปลี่ยนแปลง ขอปลอดภัยไว้ก่อน ประยุทธ์พูดโดยไม่มีตรรกะเหตุผล จาตุรนต์ ฉายแสง จึงย้อน ถ้าเลือกตั้งท้องถิ่นเร็วจะตายหรือไง
นี่คือระบอบประยุทธ์ ซึ่งประกาศว่าจะอยู่อีกนาน ประชาชนไม่มีทางเลือกอื่น ถ้าจะอยู่ให้เป็นก็ต้องยอมรับ ต้องยอมปรับตัว เข้าสู่จักรวาลของลุง ซึ่งเป็นโลกเสมือนจริง ที่ไม่มีอเวนเจอร์ มีตู่แต่ผู้เดียว

ในจักรวาลนี้ ซูเปอร์ตู่อยู่ยั้งยืนยงโดยไม่ต้องมีเหตุผล ยกตนเป็นคนดี คนถูก โดยไม่ต้องมีตรรกะ เช่น เดินสายประกาศว่าตัวเองเคารพกฎหมาย ไม่เคยทำผิดกฎหมาย อ้าว จะผิดได้ไง ในเมื่อ 5 ปีอยู่เหนือกฎหมาย เขียนกฎหมาย ออกคำสั่งเป็นกฎหมาย องค์กรอิสระทั้งหลายก็ตั้งมา
อ.สุรชาติ บำรุงสุข บอกว่านี่คือการ Transformer รัฐบาลทหารแปลงร่างเข้าสู่ระบอบไฮบริด ผ่านการเลือกตั้งแบบกึ่งแข่งขัน เสมือนมีการแข่งขัน แต่ล็อกไว้แล้ว เลือกกี่ครั้งก็จะได้เป็นรัฐบาล ฝ่ายค้านก็เป็นฝ่ายค้านต่อไป แต่ทำให้ดูเหมือนมีความชอบธรรม ทั้งที่กลไกรัฐธรรมนูญ วุฒิสภา กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ กองทัพ กอ.รมน. องค์กรอิสระ องค์กรกฎหมายต่างๆ เอื้อไว้หมดแล้ว
ระบอบนี้จะดูเสมือนยังมีฝ่ายค้าน แต่ไม่มีทางชนะ เสมือนวิพากษ์วิจารณ์ได้ แต่ไม่มีผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลง คนไม่ชอบ คนเกลียด ก็ด่าไป หัวเราะเยาะเย้ยไป แต่เปลี่ยนไม่ได้ เพราะกลไกทุกอย่างคุมไว้หมด ไม่สามารถเปลี่ยนโดยการเลือกตั้ง และโดยเงื่อนไขของสังคมสมัยนี้ก็ยากมากๆ ที่จะเกิด 14 ตุลาหรือพฤษภา 35 กระแสสังคมหรือแม้แต่ประชาสังคม ก็มีแนวโน้มนิยมการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จจัดการปัญหาเฉพาะเรื่อง เช่น อาชญากรรม คนนิสัยเลวตามถนน ไปจนกำจัดสารพิษ ถุงก๊อบแก๊บ

ระบอบนี้จึงอยู่อีกนาน แม้เกิดความไม่ชอบธรรมตำตา หรือเห็นคนทำผิดทนโท่ ต้องคำพิพากษาศาลออสเตรเลีย ก็ยังอยู่ได้หน้าตาเฉย ให้สัมภาษณ์โทรทัศน์ว่าเข้าไปทำประโยชน์ในที่หลวง ภบท.5 ก็ทำท่าว่าจะไม่ต้องรื้อฟาร์มไก่ แถมยังด่าฝ่ายตรงข้ามโดยไม่ต้องมีตรรกะ ว่าโดนทักษิณยิ่งลักษณ์เล่นงาน

ครั้นจะแก้รัฐธรรมนูญ แค่ตั้งกรรมาธิการศึกษาแก้ไข อีกฝ่ายก็ศึกษาขัดขวาง หาว่าฝ่ายค้านเห็นแก่ประโยชน์ตัวเอง ไม่เห็นแก่ปากท้องชาวบ้าน ทำประชามติต้องใช้เงิน 2-3 พันล้าน ทั้งที่ ส.ว.แต่งตั้งนั่นแหละค้านเพื่อตัวเอง เพื่อรักษาอำนาจผลประโยชน์ ซึ่งถ้าไม่มี ส.ว. ที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยในระบอบประชาธิปไตย (มีแต่ในระบอบสหพันธรัฐ) ก็ประหยัดงบได้หลายพันล้าน

ปกป้องระบอบตู่ตั้ง 244 ส.ว.+ 6 ผบ.เหล่าทัพมาโหวตให้ตัวเองเป็นนายกฯ ถามจริงว่า ยังมียางกันอยู่หรือเปล่า

นี่คือรัฐธรรมนูญที่ส่งเสริมคนอย่างหนาชัดๆ แต่กลับแปลงร่างเป็นคนดี วัฒนธรรมประเพณีไทยยอมรับด้วยหรือ คนที่แต่งตั้งพวกพ้องสมุนบริวารมาโหวตให้ตัวเอง แล้วรัฐธรรมนูญยังผูกมัด ว่าถ้าจะแก้ไขเพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนผ่านการเลือกตั้ง ก็ต้องให้พวกแต่งตั้งกันเอง ยอมยกมือ 1 ใน 3 มันจะเป็นไปได้อย่างไร

แต่ระบอบนี้ก็จะอยู่ได้อีกนาน ถ้าไม่เกิดวิบัติ ซึ่งรับเละด้วยกันหมด