"The King Can Do No Wrong"
หลักการสำคัญของการมีสถาบันกษัตริย์ในระบอบประชาธิปไตยคือ การที่สถาบันกษัตริย์งดเว้นการกระทำทุกอย่างอันจะนำมาซึ่งคำติฉินนินทาได้ กิจการทุกอย่างแม้จะทำในนามกษัตรย์ แต่หาใช่การกระทำของกษัตริย์เอง The King Can Do No Wrong (กษัตริย์ไม่สามารถทำอะไรผิด) The King Can Do Nothing (ก็เพราะกษัตริย์ไม่สามารถทำอะไรได้)
กษัตริย์จึงเหลือเป็นเพียงสัญลักษณ์ของประเทศเท่านั้น*
การป้องกันไม่ให้สถาบันกษัตริย์ทำอะไรได้ ในกิจการบ้านเมืองเช่นนี้ เพื่อแลกกับการไม่ตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์ แต่ประเทศไทย พร้อมๆกับการเข้ามาเกี่ยวข้องกับกิจการต่างๆ ก็ห้ามการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์พร้อมกันไปด้วย
ปัจจุบัน สถาบันกษัตริย์ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการบ้านเมืองสารพัดอย่าง เรื่องนี้ เกิดอย่างช้าๆ ตั้งแต่ยุคสฤษดิ์เป็นต้นมา
การที่กษัตริย์เข้ามาแทรกแซงการฝึกทหาร และการตั้งตนและภรรยาทั้งคู่เป็นที่ปรึกษาของกรมป่าไม้และกรมราชทัณฑ์ เป็นตัวอย่างล่าสุด
.......................................
* การปิดสภายาวกว่ากำหนดของอังกฤษ จึงเป็นเรื่องของสภา (ครม.) ไม่ใช่เรื่องของควีน ถ้าเปลี่ยนเป็นประธานาธิบดี (เช่นเยอรมันนี) ก็ต้องเป็นเช่นนี้เหมือนกัน (คลิกดูคลิป
Somsak Jeamteerasakul har delat ett inlägg.
ส่งท้ายกระทู้เนื่องในวันเกิดราชินีสิริกิติ์วันนี้ ด้วยการ "รีรัน" กระทู้เมื่อปีกลาย
มีเรื่องเดียวที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ กับ สมัคร สุนทรเวช เห็นตรงกัน คือ
ราชินีสิริกิติ์อยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุนการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ขอให้สังเกต จากปริบทการอภิปรายในกระทู้แรกวันนี้ของผมด้วยว่า ทั้งสุเทพและสมัคร "ตาสว่าง" หรือรู้เรื่องบทบาทของราชินีสิริกิติ์ ก่อนหน้าคนที่จะกลายมาเป็น "เสื้อแดง"
กรณีสุเทพ รู้ล่วงหน้าปีกว่า คือสุเทพบอกทูตอเมริกันตั้งแต่เดือนเมษายน 2550 ในขณะที่สมัครพูดแบบเดียวกันกับทูตอเมริกันในปลายเดือนกันยายน 2551 ก่อนการ "ตาสว่าง" ของคนที่จะกลายเป็น "เสื้อแดง" สองสัปดาห์
มีเรื่องเดียวที่ สุเทพ เทือกสุบรรณ กับ สมัคร สุนทรเวช เห็นตรงกัน คือ
ราชินีสิริกิติ์อยู่เบื้องหลังและให้การสนับสนุนการทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ขอให้สังเกต จากปริบทการอภิปรายในกระทู้แรกวันนี้ของผมด้วยว่า ทั้งสุเทพและสมัคร "ตาสว่าง" หรือรู้เรื่องบทบาทของราชินีสิริกิติ์ ก่อนหน้าคนที่จะกลายมาเป็น "เสื้อแดง"
กรณีสุเทพ รู้ล่วงหน้าปีกว่า คือสุเทพบอกทูตอเมริกันตั้งแต่เดือนเมษายน 2550 ในขณะที่สมัครพูดแบบเดียวกันกับทูตอเมริกันในปลายเดือนกันยายน 2551 ก่อนการ "ตาสว่าง" ของคนที่จะกลายเป็น "เสื้อแดง" สองสัปดาห์
Somsak Jeamteerasakul
สุเทพ เทือกสุบรรณ : "ในหลวงภูมิพลทรงส่งสัญญาณให้สาธารณะรู้ถึงบทบาทของพระราชินีในการรัฐประหาร"
สุเทพ เทือกสุบรรณ (24 เมษายน 2550) :
"ในคืนวันรัฐประหาร [19 กันยายน 2549] ในหลวงภูมิพลตอนแรกทรงไม่ยอมที่จะพบกับพวกนายพลที่โค่นทักษิณ. แต่ในที่สุด ในหลวงทรงยอมตามต่อการร้องขอของราชินีสิริกิติ์, แต่ในหลวงทรงส่งสัญญาณให้สาธารณะรู้ถึงบทบาทของพระราชินีในการรัฐประหาร ด้วยการที่ทรงเห็นชอบให้เผยแพร่ภาพการเข้าเฝ้าของคณะรัฐประหาร ที่แสดงให้เห็นว่า พระองค์เองในฉลองพระองค์แบบลำลอง ทรงหันพระพักตร์ด้านข้างต่อกล้อง ในขณะที่พระราชินีสิริกิติ์หันพระพักตร์ด้านตรงต่อกล้อง"
สมัคร สุนทรเวช (1 ตุลาคม 2551) :
"พระราชินีสิริกิติ์...ทรงเป็นผู้รับผิดชอบต่อการรัฐประหาร 2549"
...............
อ้างอิง :
สุเทพ เทือกสุบรรณ https://wikileaks.org/plusd/cables/07BANGKOK2304_a.html
สมัคร สุนทรเวช https://wikileaks.org/plusd/cables/08BANGKOK2977_a.html
นี่ http://somsakwork.blogspot.com/2008/09/blog-post.html
วชิราลงกรณ์ ร่วมมือกับประยุทธแก้รัฐธรรนูญ
ความจริง ประโยคเพียงประโยคเดียว ถ้าบังเอิญพูดผิด ก็เพียงแต่นัดแนะพูดใหม่ ไม่ได้ยากเย็นอะไร
กระทั่งประเทศที่กษัตริย์ไม่ค่อยยอมอยู่อย่างประเทศไทย ก็อาศัยการตั้งองคมนตรีสักคนมารับหน้าแทนก็ได้
แต่ไหนแต่ไร ผมไม่ค่อยสนใจ แม้ว่าออกจะรำคาญในความบ่ายเบี่ยงของประยุทธ เคยสงสัยอยู่ว่ามันจะยากเย็นอะไร หรือมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร
การทำพิธีซ้ำ แบบพิศดาร พร้อมลายมือชื่อของวชิราลงกรณ์ให้รัฐมนตรีแต่ละคน โดยคณะรัฐมนตรีไม่ต้องเอ่ยคำที่ถูกต้อง (ซึ่งจะสะดวกกว่ามาก)
เห็นได้ชัดว่า วชิราลงกรณ์จงใจแต่แรกที่ต้องการคำถวายสัตย์เท่านี้เอง
พรรคการเมืองที่จงใจไม่แตะต้องเรื่องสถาบันกษัตริย์ก็เพียงแต่รับรู้เท่านั้น
(หมายเหตุ- "ที่มา..ที่เห็น..และเป็นไป" บทสรุปเบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องราวความไม่สงบขัดแย้งวุ่นวายแตกแยกในสังคมไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน...และดำเนินต่อไปในอนาคต (?) ล้วนแล้วมาจากพระราชอำนาจโปรดเกล้าฯ "คำสั่งใบสั่ง ...คือกฎหมาย"นั่นเอง"..)
สุเทพ เทือกสุบรรณ (24 เมษายน 2550) :
"ในคืนวันรัฐประหาร [19 กันยายน 2549] ในหลวงภูมิพลตอนแรกทรงไม่ยอมที่จะพบกับพวกนายพลที่โค่นทักษิณ. แต่ในที่สุด ในหลวงทรงยอมตามต่อการร้องขอของราชินีสิริกิติ์, แต่ในหลวงทรงส่งสัญญาณให้สาธารณะรู้ถึงบทบาทของพระราชินีในการรัฐประหาร ด้วยการที่ทรงเห็นชอบให้เผยแพร่ภาพการเข้าเฝ้าของคณะรัฐประหาร ที่แสดงให้เห็นว่า พระองค์เองในฉลองพระองค์แบบลำลอง ทรงหันพระพักตร์ด้านข้างต่อกล้อง ในขณะที่พระราชินีสิริกิติ์หันพระพักตร์ด้านตรงต่อกล้อง"
สมัคร สุนทรเวช (1 ตุลาคม 2551) :
"พระราชินีสิริกิติ์...ทรงเป็นผู้รับผิดชอบต่อการรัฐประหาร 2549"
...............
อ้างอิง :
สุเทพ เทือกสุบรรณ https://wikileaks.org/plusd/cables/07BANGKOK2304_a.html
สมัคร สุนทรเวช https://wikileaks.org/plusd/cables/08BANGKOK2977_a.html
การปรากฏตัวของ พระสุรเสียงพระราชินีสิริกิติ์ บนเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ต่อเนื่องจากกระทู้ที่แล้วที่เพิ่งโพสต์ นี่คือบางส่วนของคลิปการชุมนุมพันธมิตรฯ ในคืนวันอาสาฬหะบูชา-เข้าพรรษา เมื่อ 10 ปีก่อน (17-18 กรกฎาคม 2551) ผมเอามาจากเว็บไซต์ผู้จัดการ สมัยนั้น เว็บผู้จัดการรวบรวมเผยแพร่คลิปการชุมนุมพันธมิตรได้เป็นระบบครบถ้วนมาก เสียดายตอนนี้หายไปหมดแล้ว ผมเก็บไว้ได้ส่วนหนึ่งและอัพโหลดขึ้นยูทูปเพื่อเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ไว้ ต้องขอบคุณเว็บผู้จัดการมา ณ ที่นี้ด้วย
กรุณาอ่านแบ๊กกราวน์ของเหตุการณ์นี้ ในกระทู้ก่อน https://t.co/ymjTAb9vmp
คลิปนี้ ผมแบ่งเป็น 3 คลิป นี่เป็นคลิปที่ 3 ส่วนอีก 2 คลิปก่อนหน้านั้น ให้ดูจากลิงค์ในคำบรรยายใต้คลิปในยูทูป
https://www.youtube.com/watch?v=LAoEq04JPFk
https://www.youtube.com/watch?v=LAoEq04JPFkต่อเนื่องจากกระทู้ที่แล้วที่เพิ่งโพสต์ นี่คือบางส่วนของคลิปการชุมนุมพันธมิตรฯ ในคืนวันอาสาฬหะบูชา-เข้าพรรษา เมื่อ 10 ปีก่อน (17-18 กรกฎาคม 2551) ผมเอามาจากเว็บไซต์ผู้จัดการ สมัยนั้น เว็บผู้จัดการรวบรวมเผยแพร่คลิปการชุมนุมพันธมิตรได้เป็นระบบครบถ้วนมาก เสียดายตอนนี้หายไปหมดแล้ว ผมเก็บไว้ได้ส่วนหนึ่งและอัพโหลดขึ้นยูทูปเพื่อเป็นหลักฐานประวัติศาสตร์ไว้ ต้องขอบคุณเว็บผู้จัดการมา ณ ที่นี้ด้วย
กรุณาอ่านแบ๊กกราวน์ของเหตุการณ์นี้ ในกระทู้ก่อน https://t.co/ymjTAb9vmp
คลิปนี้ ผมแบ่งเป็น 3 คลิป นี่เป็นคลิปที่ 3 ส่วนอีก 2 คลิปก่อนหน้านั้น ให้ดูจากลิงค์ในคำบรรยายใต้คลิปในยูทูป
https://www.youtube.com/watch?v=LAoEq04JPFk
ราชินีสิริกิติ์กับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
ปีนี้ ครบรอบ 10 ปี ของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ตาสว่าง" ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญไม่เพียงแต่ของวิกฤติการเมืองไทยครั้งนี้เท่านั้น แต่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์การเมืองไทยโดยรวมด้วย นั่นคือ การเกิดกระแสต่อต้านราชวงศ์โดยตรงอย่างกว้างขวาง เหตุการณ์สำคัญที่สุดของปรากฏการณ์ดังกล่าว (ดังที่ทราบกันดี) คือการปรากฏตัวของราชินีสิริกิติ์ในงานศพของผู้ร่วมชุมนุมพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2551
แต่ความจริง เริ่มมี "สัญญาณ" ปรากฏให้เห็นตั้งแต่ก่อน 13 ตุลาคมแล้วว่า ราชินีสิริกิติ์มีความสัมพันธ์ให้การสนับสนุนพันธมิตรฯ เพียงแต่คนส่วนใหญ่ แม้แต่ในหมู่คนที่ไม่นานหลังจากนั้นจะกลายมาเป็น "เสื้อแดง" ก็ยังคิดไม่ถึง
"สัญญาณ" สำคัญที่สุดคือ ในช่วงวันอาสาฬหะ-เข้าพรรษาปีนั้น ซึ่งตกวันที่ 17-18 กรกฎาคม (ปีนี้เลื่อนลงมา 10 วันคือช่วง 28 กรกฎาคมที่เพิ่งผ่านไป) ในที่ชุมนุมพันธมิตรฯ คุณสนธิ ลิ้มทองกุลได้นำเอาคลิปเสียงพระราชินีสิริกิติ์มาเปิดบนเวที คลิปเสียงดังกล่าว โดยเนื้อหาเหมือนกับไม่เกี่ยวกับการเมืองอะไร เป็นเพียงการที่ราชินีอ่านเรื่อง "พระอานนท์" จากหนังสือเล่มหนึ่ง แต่ที่ประหลาดคือ เป็นคลิปเสียงในลักษณะ "ส่วนพระองค์" ไม่เคยมีการเผยแพร่มาก่อน แต่พันธมิตรฯกลับสามารถได้คลิปเสียงดังกล่าวมา มิหนำซ้ำ คุณสนธิยังอธิบายเชื่อมโยงเนื้อหาของคลิปที่ราชินีทรงอ่านหนังสือที่เล่าถึงการที่พระพุทธเจ้าไม่สามารถเอ่ยไล่พระเลวในที่ประชุมสงฆ์ได้ ต้องอาศัยพระโมคคัลลานะช่วยไล่แทน ให้เข้ากับการชุมนุมของพันธมิตรด้วย:
................
[บางส่วนของการพูดของสนธิคืนวันที่ 17-18 กรกฎาคม หลังการเปิดคลิปเสียงพระราชินีสิริกิติ์]
"พระเจ้าอยู่หัวก็เหมือนกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ต้องนิ่งเฉย พระองค์ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมาบอกว่า “ออกไป” หน้าที่นี้ ต้องตกอยู่ที่ผู้มีฤทธิ์ ใช่มั้ย?.....พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เหมือนพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านไม่ได้อยู่สถานะที่จะไปบอกว่าคนนี้ดี คนนี้ชั่ว ใช่มั้ยใช่ แต่พระองค์ทรงทราบด้วยพระทัยของพระองค์เอง ใช่มั้ย ใครทำชั่วอยู่ รัฐบาลทำชั่วอยู่ รัฐมนตรีทำชั่วอยู่ ถวายสัตย์ต่อหน้าพระองค์ท่าน แล้วก็ตระบัดสัตย์วันรุ่งขึ้นทันที อย่าคิดว่าพระองค์ท่านไม่รู้ พระองค์ท่านรู้ แต่ไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่พระองค์ท่านจะทำเช่นนั้น เหมือนพระพุทธเจ้าเช่นกัน ใช่มั้ยใช่ พระพุทธเจ้าเมื่อพึ่งพระโมคคัลลานะ เราไม่ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นทหารเสือพระราชา ทหารเสือพระราชินี แต่เราต้องทำหน้าที่เป็นทหารเสือพระราชา ทหารเสือพระราชินี ใช่มั้ยใช่ พี่น้อง และนี่คือหน้าที่ที่พวกเราได้ทำกัน เหมือนกับสมัยก่อนพุทธกาล ที่พระโมคคัลลานะได้ทำแทนพระพุทธเจ้า พวกเราก็ทำแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใช่มั้ยใช่"
................
วันนี้เมื่อ 10 ก่อน (12 สิงหาคม 2551) ผมได้เผยแพร่บทความเรื่อง "พระบารมีปกเกล้า : พระสุรเสียงราชินีบนเวทีพันธมิตร" ทางเว็บไซต์ประชาไท เล่าถึงการเปิดคลิปเสียงพระราชินีดังกล่าว ตอนนั้นแม้แต่หลายคนที่แอนตี้พันธมิตรฯ ก็ยังลังเล แสดงความเห็นในลักษณะว่า พระราชินีหรือทางวังอาจจะไม่รู้เรื่อง เป็น "การแอบอ้าง" ของสนธิเอง ฯลฯ (ตอนนั้นผมเขียนอยู่บอร์ดฟ้าเดียวกัน และโพสต์บทความนี้ที่นั่นด้วย)
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่นี่ https://prachatai.com/journal/2008/08/17688 หรือที่นี่ http://somsakwork.blogspot.com/2008/09/blog-post.html
ปีนี้ ครบรอบ 10 ปี ของปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "ตาสว่าง" ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญไม่เพียงแต่ของวิกฤติการเมืองไทยครั้งนี้เท่านั้น แต่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของประวัติศาสตร์การเมืองไทยโดยรวมด้วย นั่นคือ การเกิดกระแสต่อต้านราชวงศ์โดยตรงอย่างกว้างขวาง เหตุการณ์สำคัญที่สุดของปรากฏการณ์ดังกล่าว (ดังที่ทราบกันดี) คือการปรากฏตัวของราชินีสิริกิติ์ในงานศพของผู้ร่วมชุมนุมพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2551
แต่ความจริง เริ่มมี "สัญญาณ" ปรากฏให้เห็นตั้งแต่ก่อน 13 ตุลาคมแล้วว่า ราชินีสิริกิติ์มีความสัมพันธ์ให้การสนับสนุนพันธมิตรฯ เพียงแต่คนส่วนใหญ่ แม้แต่ในหมู่คนที่ไม่นานหลังจากนั้นจะกลายมาเป็น "เสื้อแดง" ก็ยังคิดไม่ถึง
"สัญญาณ" สำคัญที่สุดคือ ในช่วงวันอาสาฬหะ-เข้าพรรษาปีนั้น ซึ่งตกวันที่ 17-18 กรกฎาคม (ปีนี้เลื่อนลงมา 10 วันคือช่วง 28 กรกฎาคมที่เพิ่งผ่านไป) ในที่ชุมนุมพันธมิตรฯ คุณสนธิ ลิ้มทองกุลได้นำเอาคลิปเสียงพระราชินีสิริกิติ์มาเปิดบนเวที คลิปเสียงดังกล่าว โดยเนื้อหาเหมือนกับไม่เกี่ยวกับการเมืองอะไร เป็นเพียงการที่ราชินีอ่านเรื่อง "พระอานนท์" จากหนังสือเล่มหนึ่ง แต่ที่ประหลาดคือ เป็นคลิปเสียงในลักษณะ "ส่วนพระองค์" ไม่เคยมีการเผยแพร่มาก่อน แต่พันธมิตรฯกลับสามารถได้คลิปเสียงดังกล่าวมา มิหนำซ้ำ คุณสนธิยังอธิบายเชื่อมโยงเนื้อหาของคลิปที่ราชินีทรงอ่านหนังสือที่เล่าถึงการที่พระพุทธเจ้าไม่สามารถเอ่ยไล่พระเลวในที่ประชุมสงฆ์ได้ ต้องอาศัยพระโมคคัลลานะช่วยไล่แทน ให้เข้ากับการชุมนุมของพันธมิตรด้วย:
................
[บางส่วนของการพูดของสนธิคืนวันที่ 17-18 กรกฎาคม หลังการเปิดคลิปเสียงพระราชินีสิริกิติ์]
"พระเจ้าอยู่หัวก็เหมือนกับสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ต้องนิ่งเฉย พระองค์ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะมาบอกว่า “ออกไป” หน้าที่นี้ ต้องตกอยู่ที่ผู้มีฤทธิ์ ใช่มั้ย?.....พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เหมือนพระพุทธเจ้า พระองค์ท่านไม่ได้อยู่สถานะที่จะไปบอกว่าคนนี้ดี คนนี้ชั่ว ใช่มั้ยใช่ แต่พระองค์ทรงทราบด้วยพระทัยของพระองค์เอง ใช่มั้ย ใครทำชั่วอยู่ รัฐบาลทำชั่วอยู่ รัฐมนตรีทำชั่วอยู่ ถวายสัตย์ต่อหน้าพระองค์ท่าน แล้วก็ตระบัดสัตย์วันรุ่งขึ้นทันที อย่าคิดว่าพระองค์ท่านไม่รู้ พระองค์ท่านรู้ แต่ไม่ได้อยู่ในสถานภาพที่พระองค์ท่านจะทำเช่นนั้น เหมือนพระพุทธเจ้าเช่นกัน ใช่มั้ยใช่ พระพุทธเจ้าเมื่อพึ่งพระโมคคัลลานะ เราไม่ได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นทหารเสือพระราชา ทหารเสือพระราชินี แต่เราต้องทำหน้าที่เป็นทหารเสือพระราชา ทหารเสือพระราชินี ใช่มั้ยใช่ พี่น้อง และนี่คือหน้าที่ที่พวกเราได้ทำกัน เหมือนกับสมัยก่อนพุทธกาล ที่พระโมคคัลลานะได้ทำแทนพระพุทธเจ้า พวกเราก็ทำแทนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ใช่มั้ยใช่"
................
วันนี้เมื่อ 10 ก่อน (12 สิงหาคม 2551) ผมได้เผยแพร่บทความเรื่อง "พระบารมีปกเกล้า : พระสุรเสียงราชินีบนเวทีพันธมิตร" ทางเว็บไซต์ประชาไท เล่าถึงการเปิดคลิปเสียงพระราชินีดังกล่าว ตอนนั้นแม้แต่หลายคนที่แอนตี้พันธมิตรฯ ก็ยังลังเล แสดงความเห็นในลักษณะว่า พระราชินีหรือทางวังอาจจะไม่รู้เรื่อง เป็น "การแอบอ้าง" ของสนธิเอง ฯลฯ (ตอนนั้นผมเขียนอยู่บอร์ดฟ้าเดียวกัน และโพสต์บทความนี้ที่นั่นด้วย)
อ่านบทความฉบับเต็มได้ที่นี่ https://prachatai.com/journal/2008/08/17688 หรือที่นี่ http://somsakwork.blogspot.com/2008/09/blog-post.html
วชิราลงกรณ์ ร่วมมือกับประยุทธแก้รัฐธรรนูญ
ความจริง ประโยคเพียงประโยคเดียว ถ้าบังเอิญพูดผิด ก็เพียงแต่นัดแนะพูดใหม่ ไม่ได้ยากเย็นอะไร
กระทั่งประเทศที่กษัตริย์ไม่ค่อยยอมอยู่อย่างประเทศไทย ก็อาศัยการตั้งองคมนตรีสักคนมารับหน้าแทนก็ได้
แต่ไหนแต่ไร ผมไม่ค่อยสนใจ แม้ว่าออกจะรำคาญในความบ่ายเบี่ยงของประยุทธ เคยสงสัยอยู่ว่ามันจะยากเย็นอะไร หรือมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไร
การทำพิธีซ้ำ แบบพิศดาร พร้อมลายมือชื่อของวชิราลงกรณ์ให้รัฐมนตรีแต่ละคน โดยคณะรัฐมนตรีไม่ต้องเอ่ยคำที่ถูกต้อง (ซึ่งจะสะดวกกว่ามาก)
เห็นได้ชัดว่า วชิราลงกรณ์จงใจแต่แรกที่ต้องการคำถวายสัตย์เท่านี้เอง
พรรคการเมืองที่จงใจไม่แตะต้องเรื่องสถาบันกษัตริย์ก็เพียงแต่รับรู้เท่านั้น
(หมายเหตุ- "ที่มา..ที่เห็น..และเป็นไป" บทสรุปเบื้องหน้าเบื้องหลังเรื่องราวความไม่สงบขัดแย้งวุ่นวายแตกแยกในสังคมไทยจากอดีตจนถึงปัจจุบัน...และดำเนินต่อไปในอนาคต (?) ล้วนแล้วมาจากพระราชอำนาจโปรดเกล้าฯ "คำสั่งใบสั่ง ...คือกฎหมาย"นั่นเอง"..)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar