onsdag 1 november 2017

ความรู้สึกจงรักภักดีของชนชั้นกลางในเมืองต่อในหลวงภูมิพล ส่วนสำคัญมาจาก need ของการมีความรู้สึกเชิงคุณธรรมกับตัวเอง

Image may contain: 2 people, people standing and text
Somsak Jeamteerasakul added 4 new photos.
ความรู้สึึกจงรักภักดีของชนชั้นกลางในเมืองต่อในหลวงภูมิพล ส่วนสำคัญมาจาก need ของการมีความรู้สึกเชิงคุณธรรมกับตัวเอง
ความรู้สึกจงรักภักดีของชนชั้นกลางในเมืองต่อในหลวงภูมิพล ส่วนสำคัญมากส่วนหนึ่งมาจาก need หรือ "ความต้องการ" ของการมีความรู้สึกเชิงคุณธรรม ความรู้สึกเชิง "อัตลักษณ์" ให้กับตัวเอง (อันที่จริง ผมอยากทับศัพท์ need เพราะในภาษาอังกฤษ มีเซ้นซ์ที่ต่างและเข้มข้นกว่าคำว่า "ต้องการ" ในภาษาไทยอยู่) เรื่องนี้ค่อนข้างอธิบายให้เข้าใจยากสักหน่อย แต่ลองนึกแบบง่ายๆว่า เราทุกคนมี need ที่จะ "รู้สึกดี" ต่อตัวเอง และต่อชุมชน สังคม และประเทศที่ตัวเองอยู่
วิธีการ (ที่ทำโดยไม่รู้ตัว) สำคัญอย่างหนึ่งคือ การที่เรา identify หรือ "โยง" ตัวเองเข้ากับอะไรบางอย่างที่ดูสูง pure (บริสุทธิ์) มีความดี ความงาม ยิ่งกว่าสิ่งที่เราเจอในชีวิตปกติประจำวัน (ซึ่งเต็มไปด้วยความอัปลักษณ์ ความยุ่งเหยิง ฯลฯ) โดยที่สิ่งนั้น ไม่ได้จำเป็นว่าต้องมีคุณสมบัติที่ว่าอยู่จริงๆ - นั่นคือเป็นอะไรที่บางอย่างที่เรา "สร้าง" หรือ "สมมุติ" ขึ้นมาเองให้มีคุณสมบัติสูงส่ง ฯลฯ แล้ว "โยง" ตัวเราเข้ากับสิ่งที่มีความสูงส่ง ฯลฯ ที่เราสร้างเองนั้น
นี่เป็น need หรือแรงผลักดันอย่างเดียวกับที่ทำให้เกิดไอเดียทำนองเรื่อง nation (ชาติ) และ God (พระเจ้า)
และด้วยความที่ (ก) ชนชั้นกลางในเมืองของไทย มี "ราก" จากคนจีนเสียเยอะ หลังจากผ่านเวลายาวนานหลายทศวรรษ ความเป็น "จีน" ก็หายไป และมาถึงระดับลูกหลาน ก็กลาย "เป็นคนไทยไปหมด" แต่ขณะเดียวกัน ปัญหาที่ตามมาคือ การขาด "เอกลักษณ์" ของตัวเอง จะโยงกับความเป็นจีนก็ไม่ได้ เพราะไกลเกิน (ทั้งในแง่เวลาและระยะทาง)
(ข) ระบบทางคุณธรรมในสังคมไทย คือ ศาสนาพุทธ ความจริงก็อ่อนแอในแง่คำสอนและในแง่ความเป็นองค์กร ("สังฆะ") มาก
นี่คือ "ฐาน" ของการชูในหลวงภูมิพล อย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ซึี่งเป็นอะไรที่ใหม่ เพิ่งเกิดขึ้นในช่วงตั้งแต่ประมาณครึ่งหลังของทศวรรษ 2530 เป็นต้นมา ก่อนหน้านั้น แค่ย้อนไปที่ทศวรรษ 2520 ก็ยังไม่มีกระแสชูในหลวงภูมิพลในชนชั้นกลางในเมืองแบบนี้
need หรือ ความต้องการจะ "รู้สึกดี" ต้องการมี "เอกลักษณ์" หรือ identify ตัวเอง เข้ากับบางอย่างที่ใหญ่กว่า สูงส่งกว่า บริสุทธิ์กว่า ดังกล่าว ทำให้เกิดการ projection - ผมหาคำแปลไทยที่ถูกใจไม่ได้ ประมาณว่า "ฉาย" บางสิ่งบางอย่างที่ทำให้ "รู้สึกดี" #จากความรู้สึกส่วนลึกของตัวเอง #ไปหาสิ่งอื่น - ในกรณีนี้ คือในหลวงภูมิพล - คือการ "สร้าง" "ภาพปฏิมา" บางอย่างขึ้นมา แล้ว identify หรือ "โยง" ตัวเอง เข้ากับ "ภาพปฏิมา" นั้น
(เรื่อง "ในหลวงทรงงานหนัก" ฯลฯ จริงๆแล้วก็เป็น "ตีม" ที่ "เพิ่งสร้าง" และเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการที่ว่านี้)
ปรากฏการณ์สำคัญที่มีให้เห็นอย่างกว้างขวางในยุคนี้ คือการ "เขียนเรื่อง" ในหลวงภูมิพลที่ไม่ได้มีอยู่จริง แต่เป็นเรื่องที่ทำให้ "รู้สึกดี" และเมื่อเรา "โยง" หรือ identify ตัวเองเข้ากับเรื่องดังกล่าว - เข้ากับ "ในหลวงภูมิพล" ในฐานะ "ข้ารองพระบาท" - ก็ทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเอง
สารพัดเรื่องตั้งแต่ "36 ขั้นบันไดชีวิต" "ในหลวงทรงขับรถ ยอมติดไฟแดง แวะซื้อโอเลี้ยง" "ในหลวงทรงร้องไห้" ฯลฯ
และ กรณี "จดหมายจากในหลวงถึงพระเทพ"
ซึ่งคุณ Piracha Krewkrajang นำมาเผยแพร่อีกไม่กี่วันนี้ - ดูภาพประกอบแรก ตัวกระทู้จริงอยู่ที่นี่ ขณะนี้มีคนไลค์กว่า 3 หมื่น 2 พัน และแชร์กว่า 5 หมื่น 3 พัน https://www.facebook.com/jajar16666/posts/1528759347172006
ใครที่เคยติดตามที่ผมเขียนตั้งแต่สมัยเว็บบอร์ดเมื่อสิบปีก่อน อาจจะจำได้ว่า "จดหมาย" ที่ว่า ไม่ใช่พระราชหัตถเลขาจริงๆ แต่มีผู้เขียนขึ้นในปี 2547 (ผู้เขียนใช้นามว่า "ว.แหวน" - ดูภาพประกอบที่สอง) แล้วมีการนำไปเผยแพร่กันต่อๆไป โดยเข้าใจผิดว่าเป็นพระราชหัตถเลขา ซึ่งเรื่องนี้ก็มีคนเคยไปสืบค้น และแจ้งให้ทราบกันทางบอร์ดพันทิพ ตั้งแต่เมื่อปี 2549 แล้ว (ดูภาพประกอบที่สาม)
คลิกดูภาพ- 4 new photos.
Image may contain: 1 person, text


อีกตัวอย่าง - ดังที่เขียนไป มี need ในชนชั้นกลาง ที่ต้องการรู้สึกดีเชิงคุณธรรม ซึ่งนำไปสู่การ "เขียนในหลวง" ขึ้นเอง
อีกหนึ่งตัวอย่างล่าสุดของการ "เขียนในหลวง"
เหมือนที่ผมโพสต์ไปเมื่อเช้า มี need ในหมู่ชนชั้นกลางในเมือง ที่ต้องการ "ความรู้สึกดี" เชิงคุณธรรม แล้วนำไปสู่การ "เขียนในหลวง" ขึ้นมา (ใครยังไม่ได้อ่านกระทู้ที่แล้ว ดูได้ที่นี่ครับ https://goo.gl/p2Nkav)
กรณีล่าสุด คือการที่เพจ HotNews69 เอาข้อเขียนหนึ่งมาเผยแพร่ บอกว่าเป็น "บทสัมภาษณ์ ร.10 และพระเทพ" แล้วสำนักข่าว TNEWS - ทีนิวส์ และอีกหลายเว็บไซต์ก็เอาไปเผยแพร่ต่อ ตอนนี้ ทั้งเพจดังกล่าว และทีนิวส์ ลบข้อความนั้นออกแล้ว แต่ยังมีอีกหลายเว็บ และอีกหลายคนทางออนไลน์เผยแพร่ต่อ - ผมได้ยินเรื่อง "บทสัมภาษณ์" นี้ครั้งแรกจากรายการใต้ดิน "ลุงสนามหลวง" เมื่อหลายชั่วโมงที่แล้ว ซึ่งทั้ง "สนามหลวง" และคนอื่นๆ ที่เอาข้อความมาพูดวิจารณ์ ก็คิดว่าเป็นบทสัมภาษณ์จริง
อันที่จริง ตั้งแต่สมัย "36 ขั้นบันไดชีวิต" "จดหมายถึงพระเทพ" ฯลฯ ผมอ่านครั้งแรกก็รู้ว่า ไม่น่าจะใช่ของจริง คือเอาเข้าจริง คนรักเจ้ายุคหลังส่วนใหญ่ ไม่ได้ศึกษาในหลวง ไม่ได้ศึกษาเจ้าจริงๆ ไม่รู้ว่า สำนวนภาษา และระบบคิดของในหลวงหรือเจ้าองค์อื่นเป็นอย่างไร และแสดงออกมาในลักษณะการเขียนหรือพูดอย่างไร ถ้าศึกษา อ่านข้อความพวกนี้ก็น่าจะสะดุดใจแต่แรกว่า ไม่น่าจะใช่ ไม่ใช่วิธีพูดหรือเขียนของในหลวงหรือเจ้าองค์อื่นเลย (รวมถึงเรื่องอย่าง "ขับรถติดไฟแดง")
เรื่องนี้ ความจริง มีมาตั้งแต่ปีกลาย ผู้เขียนข้อความนี้คือคุณ พศิน อินทรวงค์ เขียนหลังวันสวรรคต 2-3 วัน แล้วก็มีผู้เข้าใจผิดว่า เป็น "บทสัมภาษณ์" ร.10-พระเทพ ตั้งแต่ตอนนั้น (ดูกระทู้เริ่มแรกของเขาที่นี่ https://goo.gl/ZwWouW และดูที่มีการชี้แจงหลังจากมีคนเข้าใจผิด ได้ที่นี่ https://goo.gl/F7SLCc)
เมื่อวานนี้ หลังจากมีกระแสเผยแพร่ "บทสัมภาษณ์" อีก คุณพศินได้โพสต์ซ้ำ และชี้แจงใน "หมายเหตุ" ตอนท้ายโพสต์อีกครั้ง (ดูที่นี่ https://goo.gl/5TKcg7)
แน่นอน เรื่องนี้คุณพศินเอง ไม่ใช่คนรับผิดชอบที่ทำให้เกิดความเข้าใจผิด เพราะเขาเขียนโดยรู้ตัวว่าเป็นการเขียนของเขาเอง แต่เอาเข้าจริง ลักษณะการเขียนของคุณพศิน ก็เข้าข่ายประกฎการณ์ที่ผมพูดไว้ตั้งแต่กระทู้ที่แล้ว คือการพยายาม project "ความดีทางคุณธรรม" ไปที่ในหลวง เป็นตัวอย่างหนึ่งของความพยายาม "เขียนในหลวง" สิ่งที่เขียนซึ่งคุณพศินคิดเองว่า เป็นอะไรของในหลวง (ในหลวงคิดอย่างนั้นอย่างนี้ ในเรื่องนั้นเรื่องนี้) ความจริง ไม่ได้มีฐานจากข้อเท็จจริงและการศึกษาโดยละเอียดลึกซึ้ง (เอาตัวอย่างง่ายๆนะ ที่เขียนว่า "พ่อยืนอยู่ข้างคนจนเสมอ" น่ะ ในระบบวิธีคิดในหลวง ไม่ได้คิดแบบนี้หรอกครับ ยืนยันได้)
................
บางเว็บไซต์ ที่ยังเผยแพร่ "บทสัมภาษณ์" อยู่
https://www.siamsabay.com/387 (โพสต์ลิงค์ทางเพจเฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/siamsabay.co…/posts/124057281602066)
http://www.khaodeesood.com/2017/10/10_26.html (โพสต์ลิงค์โดยเพจ https://www.facebook.com/testclips/posts/1271342652970823)
อันนี้ มีคนไปทำขึ้น YouTube เลย
https://www.youtube.com/watch?v=L6jejNLRAX0

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar