söndag 17 februari 2019

updated บทเรียนกรณีพันธมิตรฯ มาถึงรณรงค์โหวตโน - ในทีสุดพรรคการเมืองที่ไม่ต้องลงแรงเต็มที่ได้ประโยชน์

Somsak Jeamteerasakul updated his status.
September 6, 2016
บทเรียนกรณีพันธมิตรฯ มาถึงรณรงค์โหวตโน - ในทีสุดพรรคการเมืองที่ไม่ต้องลงแรงเต็มที่ได้ประโยชน์ goo.gl/IIojFH
ถ้าตัดประเด็นเรื่องเป้าหมายการเคลื่อนไหวของพันธมิตรออกไปนะ ผมมองว่า สิ่งที่ต้องนับว่าเป็นเรื่องน่าเสียดายสำหรับการเมืองแบบประชาธิปไตยในประวัติศาสตร์ยุคใกล้มาโดยตลอด คือ ความล้มเหลวของการเคลื่อนไหวมวลชนที่เริ่มมาจากประชาชนเองที่จะกลายเป็นขบวนการที่ถาวร แล้วดอกผลหรือผลประโยชน์ใดๆที่เกิดขึ้นจากการเคลื่อนไหวนั้น ก็ตกเป็นของพรรคการเมืองที่มีอยู่ก่อนแล้ว ที่ในระหว่างการเคลื่อนไหวมวลชนแบบนี้ #ไม่ต้องมาลงแรงด้วยตัวเองเต็มที่
พันธมิตรฯมีความพยายามแปรรูปตั้งเป็นพรรคการเมืองแต่ล้มเหลว ถ้าเราดูย้อนหลังไปถึง 14 ตุลา หรือ พฤษภา 35 ก็เช่นกัน ในที่สุดแล้ว ขบวนการเคลื่อนไหวมวลชนในลักษณะที่เริ่มมาจากประชาชนเอง ก็ลงเอยกลายเป็นพรรคการเมืองที่มีอยู่แล้ว #ที่ในระหวา่งการเคลื่อนไหวนั้นไม่ต้องลงแรงเต็มที่ ได้ประโยชน์ไป

ซึ่งเรื่องนี้ ถ้าเราดูจริงๆนะ แม้แต่การรณรงค์คัดค้านรัฐธรรมนูญ คสช ที่เพิ่งจบไป ก็เข้าข่ายนี้ (อันนี้ผมคิดมาตลอดหลายเดือนที่มีการรณรงค์นะ แต่ไม่ได้เขียนไป) แน่นอน ต่างจากพันธมิตรที่ "ชนะ" หรือบรรลุในเป้าหมาย (แต่ในทีสุด ผลประโยชน์ก็ตกกับพรรคการเมือง) การรณรงค์คัดค้านรัฐธรรมนูญ คสช ไม่ประสบความสำเร็จ แต่สมมุติว่าเกิดการรณรงค์ประสบความสำเร็จขึ้นมา ผมว่าผลก็จะเป็นทำนองเดียวกัน #คือพรรคเพื่อไทย - อันนี้พูดกันตรงๆ - #จะเป็นฝ่ายได้ประโยชน์ที่สุด #โดยที่ระหว่างการรณรงค์นั้นพรรคฯไม่ได้ลงแรงเต็มที่ #จะด้วยเหตุผลอะไรก็แล้วแต่ อันที่จริง แม้แต่ระหว่างการรณรงค์ที่ผลยังไม่ออกมา ผมก็รู้สึกแบบนี้นะ คือเอาเข้าจริง พรรคฯได้ประโยชน์(และจะได้ประโยชน์ถ้าชนะ)จากการรณรงค์มากกว่า คนทีทำการรณรงค์ที่เป็นประชาชนที่ไม่ใช่คนของพรรคเอง
somsak Jeamteerasakul
"พวกคุณอยากทำก็ทำไป พวกผมไม่ทำด้วย แต่ถ้าพวกคุณทำสำเร็จ พวกผมก็เอา"
(กระทู้นี้จะว่าไปเชื่อมโยงกับกระทู้ที่แล้วนะ แต่พูดถึงประเด็นที่ใหญ่ที่สุดของการเมืองขณะนี้ - กระทู้ที่แล้วยกประเด็นย่อยลงไป - ดังนั้น ใครยังไม่ได้อ่านกระทู้ที่แล้ว แนะนำให้อ่านก่อน)
ในวงสนทนากับ "มิตรสหาย" หลายท่าน เมื่อไม่กี่วันก่อน มี "มิตรสหายท่านหนึ่ง" สรุปแบบรวบยอดฟันธงเป็นคำพูดทำนองนี้ ซึ่งผมเห็นด้วยว่าสรุปได้ถูกต้อง
ถ้าถามว่า คุณทักษิณ-เพื่อไทย-นปช และบรรดานักการเมืองสังกัดค่ายนี้ พวกเขาคิดจะ "ล้มอำนาจเจ้า-เปลี่ยนระบอบ" ไหม? - คำตอบคือไม่
แต่ถ้ามีคนอื่นๆทำ จนเกิดการ "ล้มอำนาจเจ้า-เปลี่ยนระบอบ" พวกเขาเอาไหม? - คำตอบคือ เอา
(พูดอีกอย่างประมาณว่า "พวกคุณอยากทำก็ทำไป พวกผมไม่ทำด้วย แต่ถ้าพวกคุณทำสำเร็จ พวกผมก็เอา")นี่แหละคือ "ความพิลึกพิลั่น" ของการเมืองไทยในหลายปีนี้

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar