lördag 13 juni 2020

หนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนี ตีพิมพ์บทความเรื่องการอุ้มหายของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์

🍕🇹🇭 หนังสือพิมพ์บิลด์ของเยอรมนี ตีพิมพ์บทความหน้าหนึ่ง เรื่องการอุ้มหายของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ และข้อสันนิษฐานในการพัวพันข้องเกี่ยวของ กษัตริย์วชิราลงกรณ์ และหัวหน้าองครักษ์ของเขา จักรภพ ภูริเดช
.................
— เขาหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในเวลากลางวันแสกๆ —
....ผู้วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ถูกอุ้มหายโดยราชาไทยหรือ?...
โดย แม็กซ์ ดับบลิว โบเด็คเก้อร์
ตีพิมพ์ในวันที่ 12 มิ.ย. เวลา 18.02 น.
มันเกิดขึ้นในที่สาธารณะ สร้างความกระเทือนถึงรากของฝ่ายเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย
ในวันที่ 4 มิ.ย. เวลา 16.4 น. ในกรุงพนมเปญ เมืองหลวงของประเทศกัมพูชา นักต่อสู้ชาวไทย วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ (วัย 37 ปี) กำลังซื้อลูกชิ้นปิ้งในร้านขายของกิน และคุยโทรศัพท์ไปด้วย กับพี่สาวคือ สิทธินันท์ (วัย 47 ปี) ซึ่งยังคงอยู่ในประเทศไทยที่เขาต้องลี้ภัยออกมาเมื่อปี พศ 2557 ตามประสาคนเห็นต่างกับเผด็จการไทย
ทันใด ชายติดอาวุธสามคน จู่โจมประชิดชายหนุ่ม ใช้กำลังฉุดลากเขาไปขึ้นรถโตโยต้า ไฮแลนเด้อร์สีดำ พี่สาวของผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยผู้นี้ ต้องมารับรู้การอุ้มหายอย่างอุกอาจด้วยเสียงจากโทรศัพท์ของน้องชาย ผู้เห็นเหตการณ์ต่างหวาดกลัวที่จะเข้ามาช่วยยับยั้ง ตามที่เห็นได้จากกล้องวงจรปิด สิทธินันท์ ซึ่งเป็นนักข่าวบีบีซี ยังไม่หายช้อคได้กล่าวว่า “เขาร้องให้คนช่วยซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างสิ้นหวัง แล้วเขาร้องว่า “ผมหายใจไม่ออก ...”
การลักพาอุ้มหายเกิดขึ้นในเวลาไม่กี่วินาที แล้วรถก็รีบขับออกไปอย่างรวดเร็ว ด้วยเสียงยางรถยนต์กรีดเสียงเสียดสีพื้นถนน
เรื่องประหลาดก็คือ – แม้ว่าจะมีผู้เห็นเหตุการณ์หลายคน ที่ได้เป็นพยานในการอุ้มหาย และยังได้ให้สัมภาษน์สื่อมวลชน แต่ทางตำรวจของกัมพูชากลับอ้างว่า ไม่มีอาชญากรรมเกิดขึ้นเลย มันเป็นข่าวปลอม, ข่าวปลอม โฆษกทางการตำรวจของกรุงพนมเปญบอกเรา นสพ บิลด์ ทางโทรศัพท์ “ไม่มีอะไรเกิดขึ้นสักหน่อย เราเลยไม่มีการสอบสวน”
นักเขียน และผู้สื่อข่าวด้านสิทธิมนุษยชนชาวสก็อต แอนดรูว์ แม็คเกรเก้อร์ มาร์แชล (วัย 49 ปี) รู้ดีว่า มันเกิดขึ้นอย่างเป็นระบบของฝ่ายกุมอำนาจปกครองไทย ที่จะกวาดล้างผู้มีความเห็นตรงกันข้ามกับฝ่ายปกครอง เขาได้บอก บิลด์ ว่า “วันเฉลิม เป็นผู้ลี้ภัยในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คนที่สิบ ที่โดนเก็บไปแล้ว”
เขาเกรงว่าเรื่องจะจบลงอย่างเลวร้ายที่สุดสำหรับเพื่อนที่เขารู้จักมานานแล้ว “ผมทราบจากแหล่งข่าวที่อยู่ในหน่วยรบพิเศษว่า นักต่อสู้ที่โดนจับไป จะถูกทรมานและฆ่าตายไปหลังจากโดนอุ้มหาย แล้วศพก็จะถูกฝังในที่ห่างไกลผู้คน หรือถ่วงลงน้ำไป ...”
แม็คเกรเก้อร์ มาร์แชล ได้รู้จักกับนักต่อสู้ที่โดนอุ้มหายคนนี้มานานแล้ว “ผมพบวันเฉลิมในกัมพูชาเมื่อปี พศ 2557 หลังจากการรัฐประหารโดยฝ่ายทหาร แล้วทุกคนที่วิพากย์วิจารณ์ฝ่ายกุมอำนาจ ก็โดนจับไปอบรมเปลี่ยนทัศนคติ ใครโดนจับไปขัง ก็จะถูกกลั่นแกล้งทำร้ายในคุก จนกว่าจะยอมสัญญาว่า จะหยุดเรียกร้องประชาธิปไตยอย่างเปิดเผย
แม็คเกรเก้อร์ มาร์แชล ยังกล่าวต่อไปอีกว่า “ในช่วงเวลานั้น วันเฉลิมได้ช่วยคนมากหน้าหลายตา ให้ข้ามพรมแดนเข้าเขมร เพื่อลี้ภัยต่อไปในประเทศที่ปลอดภัยในยุโรป และสหรัฐอเมริกา เขาไม่เคยออกหน้าวิพากย์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ แต่เขาเป็นเป้าที่เข้าถึงได้ง่าย เพราะเขาอยู่ต่อในกัมพูชาหลังจากที่คนอื่นเดินทางออกไปกันหมด เมื่อสถานการณ์กลับมาเป็นอันตรายมากขึ้น
จุดประสงค์ในการอุ้มหายไปของวันเฉลิม ก็เพื่อสร้างความสะพรึงกลัวต่อผู้ที่วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ในประเทศไทย แม็คเกรเก้อร์ มาร์แชลกล่าว กษัตริย์วชิราลงกรณ์ (วัย 67 ปี) ผู้เป็นที่รู้จักกันว่า รามา 10 มีบทบาทสำคัญ ในการลงโทษผู้ลี้ภัยที่เห็นต่าง และอาศัยในโรงแรมหรูที่เมือง การ์มิช-พาทึงเคเค่น เป็นส่วนใหญ
ไม่กี่อาทิตย์ก่อนการอุ้มหาย กล้องวงจรปิดที่คอนโด ได้จับภาพชายคนหนึ่งที่เป็นที่แน่ชัดว่าไม่ได้พักอนู่ที่นั่น เข้ามาในตึกที่วันเฉลิมพักอยู่ แล้วดูโน่นดูนี่เป็นที่น่าสงสัย นักต่อสู้เพื่อมนุษยชนแน่ใจว่า ชายคนนั้น เข้ามาสืบดูทางหนีทีไล่ในตึก ก่อนที่จะมีการลักพาอุ้มตัววันเฉลิมไป
ทางการไทย และฝ่ายในวัง ยืนกรานปฏิเสธไม่รู้ไม่เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการอุ้มหายของวันเฉลิม
มีเรื่องแปลกอยู่ คือ ตามข้อมูลที่บิลด์ได้รับมา หัวหน้าองครักษ์ของราชา จักรภพ ภูริเดช ได้เดินทางกับสายการบินไทย จากกรุงมิวนิค ผ่านปารีส กลับมากรุงเทพฯ ในวันที่ 1 มิ.ย. คนสนิทของราชาคนนี้ไม่เคยห่างไกลจากตัวกษัตริย์เลย และเรื่องแปลกอีกอย่างก็คือ เที่ยวบิน TG 933 เป็นเที่ยวบินขนสัมภาระ ดังนั้น ถ้า ภูริเดช จะขึ้นเครื่องได้ ก็ต้องได้รับอนุญาตเป็นการพิเศษ เมื่อเขามาถึงเมืองไทยแล้ว ไปทำอะไร ไปไหนต่อ หรือกลับมาทำเรื่องลับอะไร ก็ไม่มีใครรู้
และในระหว่างที่มีการวิพากย์วิจารณ์เรื่องสิทธิมนุษยชนอย่างดุเดือด ไปรยา ลุนเบิร์ก (วัย 28 ปี) อดีตนางแบบแฟชั่นชาวไทย ผู้เป็น ทูตสันถวไมตรีของ สำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยของสหประชาชาติ ได้โพสต์ข้อความที่สงวนปากคำกำกวมบนอินสตาแกรมเกี่ยวกับการอุ้มหาย แล้วลบทิ้งไป
ในโพสต์ของนางที่ลบไปแล้วนั้น ลุนเบิร์กได้เขียนว่า นางได้ “ร้องห่มร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดใจ” แต่ “มันไม่ใช่การต่อสู้ของฉัน” เพราะนางต้องการเพียงแต่จะโปรโมท “สันติภาพและเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง”
และต่อมานางได้โพสต์อีกว่า กรณีนี้ เป็นเรื่องที่ “ซับซ้อน และอ่อนไหว” เมื่องทางบิลด์ ได้ถามไป ไปรยา ลุนเบิร์ก ไม่ต้องการแสดงความเห็นใดๆต่อข้อความนั้น
เรื่องการอุ้มหายของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ดูจะกลายเป็นเรื่องร้อนๆทางการเมืองไปแล้ว เมื่อทางบิลด์ ถามไปที่หน่วยสืบราชการลับของเยอรมัน ก็ได้รับคำบอกเล่าว่า ไม่ควรจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้
สำนักงานหน่วยสืบราชการลับของเยอรมนี แจ้งให้ทางบิลด์ทราบเกี่ยวกับบทบาทของ กษัตริย์ รามา 10 รัฐบาลสหสาธรณรัฐแห่งเยอรมนี “ไม่ทราบเรื่องอะไรทั้งสิ้น” องค์กรแอมเนสตี้สากล และองค์กรปกป้องสิทธิมนุษยชนนานาชาติ กำลังวิจารณ์ลูกเล่นที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นของรัฐบาลไทยและกัมพูชาอย่างหนัก
แม้เพียงเป็นการสันนิษฐาน รามา 10 จะมีส่วนเกี่ยวของกับการอุ้มหายผู้วิพากย์วิจารณ์สถาบันฯ ไม่ว่าจะโดยตรงหรือโดยทางอ้อม ก็ตามที รามา 10 ก็คงรอดตัวไปไม่ถูกลงโทษ
มันเป็นกฎหมายที่แจ่มชัด ในย่อหน้าที่ 20 ของรัฐธรรมนูญที่ช่วยเอื้อให้การเป็นต่อของกษัตริย์ไทย “ขอบเขตอำนาจทางศาลของเยอรมันตามบริบทของกฎหมายนี้ ไม่รวมไปถึงตัวแทนของประเทศอื่น หรือผู้ติดตาม ที่ได้รับการเชื้อเชิญจากสหพันธ์สาธารณรัฐแห่งเยอรมนี และอำนาจทางศาลของเยอรมัน ก็ไม่ครอบคลุมไปถึงบุคคลดังกล่าวในย่อหน้าแรก และย่อหน้าที่ 18 และ 19 ซึ่งได้รับข้อยกเว้นจากอำนาจทาตุลาการ ตามกฎหมายทั่วไปของกฎหมายนานาชาติ ข้อตกลงทางกฎหมายนานาชาติ หรือบทบัญญัติทางกฎหมายอื่นๆ”
พูดง่ายๆก็คือ กษัตริย์ที่เป็นที่ย้อนแย้งคนนี้ ได้รับการคุ้มกันทางการทูต โดยที่กฎหมายเยอรมันแตะต้องเขาไม่ได้
การอุ้มหายและชะตากรรมของ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ยังคงเป็นเรื่องลึกลับที่น่าฉงน
ภายใต้แรงกดดันจากสาธารณชน ทางการไทยในขณะนี้ หันมาให้สัญญาว่า จะดำเนินการสืบสวนการอุ้มหายนี้ที่ทางเจ้าหน้าที่ของกัมพูชาอ้างว่า ไม่ได้เกิดขึ้น
พี่สาวและแม่ของวันเฉลิม ซึ่งพักอยู่ที่บ้านในจังหวัดอุบลราชธานี ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ไม่ได้คาดหวังว้า จะได้เห็นหน้าน้องชายและลูกว่ายังมีชีวิตอยู่อีกแล้ว แอนดรูว์ แม็คเกรเก้อร์ มาร์แชลก็ไม่เชื่อว่า จะได้มีโอกาสพบเพื่อนของเขาอีกแล้ว
“การอุ้มหาย และคงจะป็นการฆาตกรรมของนักต่อสู้ วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ในประเทศกัมพูชา เป็นโศกนาฎกรรมที่ย่ำแย่ที่สุด แม็คเกรเก้อร์ มาแชล กล่าว

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar