คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง อวสานปรองดอง
โดย กาหลิบ
แนวคิดปรองดองเป็นเรื่องจอมปลอมมาตั้งแต่ต้นสำหรับผู้สังเกตการณ์การเมืองที่เอาจริงเอาจังและไม่หลอกตัวเอง แต่เมื่อคำพิพากษาในคดีของนายอำพล ตั้งนพกุล ผู้ที่ชาวประชาธิปไตยเรียกขานอย่างเคารพและเห็นใจว่า “อากง” ปรากฏขึ้น ความจอมปลอมก็กลายเป็นการหลอกลวงอย่างสมบูรณ์
“อากง” ในวัย ๖๑ ปี ถูกพิพากษาให้จำคุก ๒๐ ปี เพราะส่งข้อความผ่านระบบ SMS รวม ๔ ครั้งไปยังโทรศัพท์ของลูกน้องคนหนึ่งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีขณะนั้น ข้อความเหล่านี้ถูกชี้โดยศาลว่าเข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ บวกด้วยฐานความผิดตามพระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ ในที่สุด “อากง” ก็ต้องคำพิพากษาให้รับราชทัณฑ์รวม ๔ กระทง กระทงละ ๕ ปี รวมทั้งสิ้น ๒๐ ปี
“อากง” มีสิทธิ์ยื่นขออุทธรณ์ภายใน ๓๐ วันก็จริง แต่ความโหดเหี้ยมที่เกิดขึ้นในกระบวนการขั้นแรกก็ทำให้มวลชนประชาธิปไตยรู้สึกถึงรสขมในปากและลำคอ จนไม่ปรารถนาจะพึ่งพากระบวนการ “ยุติธรรม” ที่เหลืออีกต่อไป
ใครที่ยังหลงละเมอกับ “การปรองดอง” และ “ความยุติธรรม” ในระบอบปัจจุบัน ถึงเวลาตื่นจากฝันและดื่มด่ำความจริงจากคดีของ “อากง” ได้แล้ว
“อากง” คือบุคคลสามัญธรรมดา ไม่ใช่ผู้นำการเมืองและไม่ใช่แม้กระทั่งนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ความรู้ในเครื่องมือสื่อสารและเทคโนโลยีสมัยใหม่ก็จำกัด อายุอานามก็กว่าหกสิบปี เป็นเพียงชายในวัยเริ่มชราคนหนึ่งที่เจ็บปวดกับความไม่ถูกต้องของบ้านเมืองและประสงค์จะแสดงสิทธิความเป็นคนของตนเองตามเสรีภาพที่เผลอคิดว่าตัวเองมีอยู่เท่านั้น
แกคงเหมือนคนไทยอีกหลายล้านคน ผู้เคยเชื่อในความดีงามของระบอบเก่าๆ และบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญที่เขียนประกันสิทธิและเสรีภาพไว้อย่างหรู
คนไทยใจบริสุทธิ์เหล่านี้คงยังมีอีกมาก มิฉะนั้นเหยื่อทมิฬของระบอบเก่าในข้อหาหมิ่นเบื้องสูงคงจะไม่มากเต็มเมืองถึงขนาดนี้
ในชั่วโมงนี้ข่าว “อากง” กำลังแพร่สะพัดไปตามสื่อระดับโลกอย่างรวดเร็ว เพราะเครือข่ายข่าวที่เราช่วยกันสร้างขึ้นมาด้วยใจ สำนักข่าวฝรั่งเศส, BCC, CNN ฯลฯ เพิ่งจบสิ้นการรายงานข่าวชิ้นแรกของ “อากง” ออกไปสู่โลก และจะมีรายงานข่าวตามมาอีกมาก ทุกรายงานเน้นน้ำหนักที่ความรุนแรงที่ปรากฏในคำพิพากษา
คดีของ “อากง” อาจจะเป็นเส้นแบ่งที่สำคัญของสังคมไทยในอนาคตอันใกล้ เพราะเป็นหลักฐานอันชัดเจนว่าหนทางปรองดองมิได้นำไปสู่ความสงบสุขของสังคมไทยเลย
คอลัมน์หายไปนานหลายสัปดาห์ เพราะติดตามสถานการณ์น้ำการเมืองที่ไหลท่วมคนจนและผู้ที่เริ่มตั้งตัวขึ้นมาด้วยกิจการขนาดเล็กและกลางอย่างที่เรียกกันว่า SMEs อย่างใกล้ชิด จนสรุปได้ว่าคนที่เป็นเจ้าพ่อน้ำเมืองไทยอยู่คนเดียวเป็นคนขนาดไหน น้ำที่เก็บไว้อย่างจงใจเจตนาและการวางแผนอันแยบยลร่วมกับหน่วยราชการและรัฐวิสาหกิจที่จงรักภักดีต่อตัวเขาจนไม่ฟังรัฐบาลของประชาชน ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือประหัตประหารอย่างเลือดเย็นเมื่อพบว่าตัวเขารู้สึกว่ากำลังสูญอำนาจเบ็ดเสร็จไปทีละน้อยๆ ตามวัฏสงสารและสันดานชั่วร้ายของตนเอง
มาตรการหลายอย่างในฝ่ายประชาธิปไตยจึงถูกกำหนดขึ้น เพื่อให้สมกับความเหี้ยมโหดของคนสั่งการทำลายและทำร้ายประชาชน แต่ก่อนการประดาบกันในแง่มุมนั้นจะเกิดขึ้น คดี “อากง” ก็ปรากฏขึ้นเสริมสถานการณ์อย่างสอดคล้องต้องกัน
เหมือนฟ้าดินจะช่วยฉีกกระชากรูปทองให้ออกจากตัวเป็นๆ ของเขาให้ทันใจ
ขอให้พี่น้องไทยทั่วโลกและครอบครัวญาติมิตรที่เป็นคนชาตินั้นๆ ช่วยรวมตัวประท้วงให้ปรากฏชัด ณ สถานเอกอัครราชทูต หรือ สถานกงสุลใหญ่ของไทยในประเทศและเมืองต่างๆ โดยเอาตัวอย่างจากคดี “อากง” เป็นคำอธิบายต่อคนที่ยังไม่เข้าใจในปัญหาวิกฤติไทย สื่อสากลทั่วโลกซึ่งเริ่มเข้าใจว่าผู้ร้ายแห่งการเมืองไทยตัวจริงคือใคร คงจะเข้าช่วยเหลือเผยแพร่กิจกรรมของท่านเพื่อเร่งปฏิกิริยาในระดับสากลต่อไป
ดิ้นรนทำลายตัวเองนักก็ดีแล้ว ขอประกาศรับลูก ณ บัดนี้.
---------------------------------------------------------------------------------
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar