lördag 19 november 2011

ขอแนะนำ บทวิเคราะห์การเมืองที่น่าสนใจสำหรับผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยทั้งหลาย โดยปูนนก

เหตุการณ์นับตั้งแต่ท่านนายกยิ่งลักษณ์เข้ามาบริหารงานเป็นนายกรัฐมนตรี จนถึงปัจจุบัน ถ้าพิจารณาในแง่มุมต่างๆ อย่างรอบคอบและถี่ถ้วน จะเห็นได้ว่า การขยับเขยื้อน เคลื่อนไหว ในแต่ละย่างก้าวทั้งฝ่ายเพื่อไทย (อนุมานว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย... ชั่วคราว) และฝ่ายต่อต้าน (อนมานว่าเป็นฝ่ายเผด็จการอมาตย์...ถาวร) ล้วนเป็นการต่อสู้กันทางการเมืองอย่างเอาเป็นเอาตาย และแหลมคมทุกช็อต ทุกเม็ด...

ทันทีที่ท่านนายกยิ่งลักษณ์เข้ามารับตำแหน่ง.. น้ำก็เริ่มท่วม.. ความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อประเทศและประชาชนเรียกได้ว่าถึงขั้น “หายนะของประเทศ” เพราะเกิดขึ้นพร้อมๆ กันเกือบทั่วทั้งประเทศ และเขตเศรษฐกิจอีกนับไม่ถ้วน..

คลื่นแห่งความสูญเสีย, ความขัดแย้ง และการกล่าวหาถาโถมเข้าใส่ท่านนายกยิ่งลักษณ์ อย่างชนิดที่ปัดป้องไม่ทันตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง ท่านนายกและทีมงานต้องระดมสรรพกำลังอย่างเต็มความสามารถแก้ไข และบรรเทาหายนะในครั้งนี้ ขณะที่ผู้ก่อการ และพรรคพวก ได้แต่นั่งดูการแก้ไขของรัฐบาล และทีมงาน อย่างกระหยิ่มยิ้มเยาะ.. และให้สมุนรับใช้ออกมาถากถางกล่าวหาท่านนายกเป็นระยะๆ ตามแต่โอกาสจะอำนวย รวมทั้งมีการวางยาในการทำงานจาก ผู้ว่า กทม. อีกต่างหาก.. ทั้งหมดก็เพียงเพื่อจะทำลายความน่าเชื่อถือของคำทำนายที่มีมานานจนหาต้นกำเนิดไม่ได้ว่า

“จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง” ....นารีหมายถึงผู้หญิง..กริยาขี่ คือการเดินทาง..หรือควบคุม.. ม้าขาวหมายถึงความบริสุทธิ์, ความดีงาม.. คทาหมายถึงอำนาจ หรือสิทธิอำนาจที่มีอยู่ หรือได้รับมา.. มุ่งสู่ดาวหมายถึง..การเดินทางเพื่อไปสู่สิ่งที่ไกลกว่า หรือดีกว่าปัจจุบัน.. สร้างความหวังความหมายก็น่าจะตรงตัวตามข้อความ.. ทั้งหมดเป็นการพิเคราะห์และตีความตามความเข้าใจของผมเอง ไม่ขอกล่าวอ้างว่า ถูกหรือผิด แต่ผมเข้าใจเช่นนี้..

เหล่านี้คือคลื่นที่ถล่มโจมตีท่านนายกยิ่งลักษณ์จนซวนเซในเบื้องแรก.. ถึงขั้นที่ ท่านนายกยิ่งลักษณ์ต้องยกเลิกการเดินทางไปร่วมประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก หรือ เอเปคครั้งที่ 19 ในระหว่างวันที่ 12-14 พ.ย. ที่สหรัฐอเมริกา โดยได้มอบหมายให้นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ เดินทางไปร่วมประชุมแทน..เพื่อจะได้ช่วยเหลือประชาชน และตั้งรับทางการเมืองให้เต็มที่...


ในที่สุดเมื่อเวลาผ่านไปด้วยการทำงานที่ตั้งใจจริง อย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ท่านนายกยิ่งลักษณ์และทีมงานก็เริ่มตั้งหลักได้.. และได้รับความนิยมชื่นชอบ, ความศรัทธาจากประชาชนในแทบทุกพื้นที่ที่ท่านนายกย่างกรายไปโดยไม่ต้องสร้างภาพด้วยใจจริง ข้อกล่าวหา, คำถากถาง, หยามเหยียดได้กลับกลายเป็นหอกแหลมคมที่ย้อนกลับไปทิ่มแทงผู้กล่าวหา และฝ่ายเผด็จการอมาตย์อย่างเจ็บปวดแทบทุกครั้ง ที่ประชาชนได้นำการทำงานที่เห็นตรงหน้าของรัฐบาลท่านนายกยิ่งลักษณ์ ไปเปรียบเทียบกับการทำงานสมัยรัฐบาลนายกอภิสิทธิ์ ทำให้เสียงของคำกล่าวหาเริ่มเบาลง



และในที่สุดไม้เด็ดที่เกิดจากการขยับตัวทางการเมืองของฝ่ายพรรคเพื่อไทยโดยการปล่อยข่าวว่า มีการประชุมลับของ ครม. เรื่องจะทูลเกล้าให้ออก พรฎ. อภัยโทษ (ซึ่งผู้ที่ได้รับผลจาก พรฎ. นี้จะมีท่านนายกทักษิณรวมอยู่ด้วย) ก็ถูกปล่อยออกมา (โดยใครไม่แน่ชัด) แต่ที่แน่ๆ กลายเป็นประเด็นทางการเมืองใหม่ที่ร้อนแรงขึ้นมาทันที.. และร้อนแรงชนิดที่สภาต้องเปิดการประชุมพิเศษเพื่อให้ฝ่ายค้านได้ตั้งกระทู้ถามสดขึ้น.. ความร้อนแรงของประเด็น พรฎ. นี้มีมากจนแทบทุกสังคม แม้แต่ใน Social Network ก็เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นที่พูดถึงกันอย่างครึกโครม.. นั่นหมายความว่า..
1. รัฐบาลสามารถทำให้กระแสการโจมตีท่านนายกยิ่งลักษณ์ ที่ฝ่ายเผด็จการอมาตย์กำลังใช้ความทุกข์ยากของพี่น้องประชาชนมาเป็นเครื่องมือนั้น หยุดลงได้อย่างสิ้นเชิง เพราะหันมาสนใจเรื่อง พรฎ. แทน

2. ท่านนายกยิ่งลักษณ์สามารถใช้ความอ่อนน้อมถ่อมตน.. ความเป็นสตรี.. ความเป็นคนนิ่งและสุขุมลึกซึ้ง ทำงานช่วยเหลือประชาชนต่อไปได้โดยไม่มีใครมาขวางอีก


3. ท่านนายกยิ่งลักษณ์สามารถดำเนินการทางการเมืองระดับนานาชาติได้ โดยปราศจากพรรคฝ่ายค้านหรือสมุนเผด็จการอมาตย์มาโจมตีได้เลย

4. ท่านรองนายกเฉลิม ได้พูดในสภาอย่างชัดเจนว่า “สิ่งที่รัฐบาลทำได้ทำอยู่ภายใต้กฏหมายโดยไม่ผิดเพี้ยน.. และเรื่อง พรฎ. ยังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน ยังต้องนำไปให้อีก 2 องค์คณะเป็นผู้พิจารณา จึงจะสามารถนำทูลเกล้าได้”.. ซึ่งก็หมายความว่าเรื่อง พรฎ. นี้อาจจะไม่ผ่านก็ได้.. หรืออาจจะมีการแก้ไขอีกก็ได้.. สรุปก็คือ ทุกอย่างยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย ณ ปัจจุบัน


5. ฝ่ายเผด็จการอมาตย์หลง เข้าไปเล่นในประเด็น พรฎ. จนกระทั่งเปิดช่องให้ รัฐบาลเป็นฝ่ายได้เปรียบทางการเมืองได้อย่างชนิดที่แก้ตัวไม่ได้เพราะ.. a. รัฐบาลไม่ได้ทำในสิ่งใดที่ผิดกฏหมาย.. b. เรื่อง พรฎ. ก็ยังไม่มีข้อสรุป.. c. ท่านนายกยิ่งลักษณ์ไม่ได้เข้าร่วมประชุมเพราะไปช่วยประชาชนที่ จ. สิงห์บุรี (ไม่ได้หนีไปมัลดีฟ)

6. รัฐบาลสามารถดำเนินการเรื่องที่สำคัญที่สุดได้โดยไม่มีใครมาให้ความสนใจอีกเลย..(ระดับลิ่วล้ออมาตย์) คือ การค่อยๆ พิจารณาและดำเนินการที่จะออกแถลงการณ์ หรือประกาศยอมรับอำนาจของ ICC (ศาลอาญาระหว่างประเทศ) โดยไม่จำเป็นต้องขอการอนุมัติจากสภาฯ

จากข้อสังเกตทั้ง 6 ประการนั้นสามารถเห็นได้ชัดเจนถ้าสังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นสักเล็กน้อย.. โดยเฉพาะข้อที่ 6 ถ้าไม่มีการดำเนินการเรื่องนี้ในทางลับ พอ. สรรเสริญ (ไก่อู) คงไม่ออกมาปัดความรับผิดชอบจากคดีสังหารหมู่ประชาชน 91 ศพ เมื่อปี 2553 ว่า ทำตามคำสั่งของ ศอฉ. อย่างแน่นอน แม้แต่ก่อนหน้านั่น ผบ.ทบ. ก็ออกข่าวยืนยันว่า “ทหารไม่เคยมีมติว่านายกบกพร่องใน 12 เรื่องที่เป็นข่าวออกมานั้น”... เหล่านี้หมายความว่าอะไร

หมายความว่า ทหาร เริ่มออกตัวว่า ถ้าจะมีความรับผิดชอบใดๆ เกิดขึ้นจากกรณีสังหารหมู่ประชาชน 91 ศพ.. ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบก็คือ นายกอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ในฐานะผู้สั่งการ..

ผมไม่ทราบว่าใครเป็นทีมงานในเรื่องการดูแลการขับเคี่ยวทางการเมืองของท่านนายกยิ่งลักษณ์บ้าง.. แต่เชื่อแน่ว่าไม่ว่าจะเป็นใครคนเหล่านั้น “ไม่ธรรมดา” และไม่ธรรมดาชนิดที่บอกได้ว่า “เป็นมือมหากาฬ” เลยทีเดียว

หลังจากน้ำลดลงเข้าสู่ภาวะปกติปีหน้านี้แหละครับ..เราจะได้เห็น “ของจริง” ที่ท่านนายกยิ่งลักษณ์ และทีมงานจะนำมาต่อกรกับเผด็จการอมาตย์.. ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นพี่น้องประชาชนที่รักประชาธิปไตยทุกท่าน จะได้เห็น

“จะมีหนึ่งนารีขี่ม้าขาว ควงคทามุ่งสู่ดาวสร้างความหวัง” ของจริง

ปูนนก

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar