ชีวิต ตัวตน และอุดมการณ์ ของสมยศ พฤกษาเกษมสุข หลังห้าปีที่ถูกจองจำ ...
นับถึงเดือนมกราคม 2559
ก็จะเป็นเวลามากกว่าสี่ปีแล้ว ที่สมยศ พฤกษาเกษมสุข อดีตบรรณาธิการวารสาร
Voice Of Taksin และนักกิจกรรมทางสังคมต้องสิ้นอิสรภาพ
เพราะมีการเผยแพร่บทความที่เข้าข่ายหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯสองชิ้นในวารสารที่เขาทำหน้าที่บรรณาธิการ
(ดูรายละเอียดคดีบนฐานข้อมูล ที่นี่)
สี่ปีอาจเป็นเวลาที่ยาวนานสำหรับคนที่คอยหวังอะไรบางอย่าง
โดยเฉพาะหากสิ้นอิสรภาพในรั้วกรงขัง และสำหรับผู้ต้องโทษบางคน
สี่ปีมันอาจนานเกินไป จนดวงตาไร้แววประกายชีวา แต่สำหรับสมยศ
ภาพมัวพร่าของเขา ขณะชูมือแจกรอยยิ้มกว้างในห้องสมุดเรือนจำ ที่ถูกเผยแพร่บนเว็บข่าวในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2558 น่าจะเป็นสิ่งยืนยันว่า ห้องขังที่พันธนาการไม่อาจทำลายจิตวิญญาณนักสู้ของเขาได้
ภาพสมยศสมัยหนุ่มๆ (อนุเคราะห์โดยภรรยาของสมยศ)
สูญสิ้นอิสรภาพ
นอกจากงานประจำ เป็น บรรณาธิการ
และนักกิจกรรมทางสังคมที่่เคยเคลื่อนไหวทั้งประเด็นสิทธิของผู้ใช้แรงงานและเสรีภาพในการแสดงออก
สมยศเริ่มหารายได้เสริมโดยการทำทัวร์ประมาณปี 2549
30 เมษายน 2554 สมยศ พฤกษาเกษมสุข
เดินทางพร้อมลูกทัวร์สู่ชายแดนไทย-กัมพูชา
เมื่อคณะทัวร์มาถึงด่านอรัญประเทศ
สมยศเข้าพิธีตรวจลงตราออกนอกประเทศเช่นเดียวกับลูกทัวร์ของเขา
เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองพบว่าสมยศเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลอาญา
จึงควบคุมตัวและประสานเจ้าพนักงานจากส่วนกลางให้คุมตัวเขากลับไปดำเนินคดีต่อที่กรุงเทพฯ
ก่อนที่จะถูกแจ้งข้อหาข้อหาหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา
112
ข้อหาที่ร้ายแรงข้อหาหนึ่งแห่งยุคสมัยจากการเผยแพร่บทความหมิ่นประมาทพระมหากษัตริย์ฯ
2 บทความในนิตยสาร Voice of Taksin ที่เขาเริ่มรับหน้าที่บรรณาธิการในปี
2553
'จุ๊บ' ภรรยาของสมยศเล่าว่า สมยศเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีและเชื่อว่าแม้ในสถานการณ์ที่เลวร้าย ความหวังยังมีอยู่เสมอ
อาจจะเป็นด้วยตลอดชีวิตการทำงาน
สมยศขลุกอยู่กับประเด็นที่ยากจะชนะมาโดยตลอด เช่นประเด็นสิทธิแรงงาน
สมยศจึงเชื่อมั่นว่า การสู้คดีจะได้รับความเป็นธรรมอย่างเต็มที่ซึ่งรวมถึงสิทธิให้ประกันตัว
ตลอดระยะเวลาสี่ปีกว่าสมยศยื่นคำร้องขอประกันตัวรวม 16 ครั้ง
ด้วยความหวังว่าวันหนึ่ง จะได้รับความเป็นธรรม
น่าเสียดายที่เขาต้องพบเจอกับความผิดหวังทุกครั้งเพราะเหตุว่า
คดีนี้เป็นคดีร้ายแรง มีโทษสูงและผู้ต้องหาอาจหลบหนี แม้จะไม่ได้ประกันตัวระหว่างสู้คดี แต่สมยศก็เลือกที่จะสู้คดีให้ถึงที่สุด
ชีวิตในรั้วเรือนจำ
สมยศที่ศาลจังหวัดเพชรบูรณ์
การปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในเรือนจำไม่ใช่เรื่องง่าย
เพราะนอกจากจะถูกจำกัดอิสรภาพแล้ว
ยังต้องใช้ชีวิตภายใต้กฎระเบียบที่เคร่งครัดทั้งกินอยู่อย่างจำกัด
เมื่อเข้าไปอยู่ในเรือนจำแรกๆ สมยศบ่นเรื่องอาหารอยู่บ่อยๆ
แต่หลังๆเขาก็ปรับตัวได้ และไม่บ่นเรื่องอาหารอีก
รองจากอาหาร
ความน่าเบื่อหน่าย ว้าเหว่ จากกิจวัตรจำเจ
เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สมยศและนักโทษหลายคนต้องเผชิญ
เขาเลือกใช้หนังสือเป็นเครื่องมือคลายเหงา
แต่ในห้องสมุดเรือนจำมีหนังสืออยู่อย่างจำกัด โดยมากเป็นหนังสือธรรมะ
หรือนิยาย สมยศจึงต้องอาศัยอ่านหนังสือด้านสังคมหรือประวัติศาสตร์ที่เพื่อนๆหรือญาติส่งเข้าไปให้เช่น
ชีวประวัติและการต่อสู้เพื่ออุดมกาณ์ ของ มหาตะมะ คานธีและ เนลสัน
แมนเดลลา การอ่านชีวประวัตินักต่อสู้ที่เคยติดคุกอาจเป็นกำลังใจให้สมยศได้ระดับหนึ่ง
แต่สิ่งที่น่าจะทำให้เขามีกำลังใจมากจนยืนหยัดอยู่ได้แม้ถูกจองจำ
น่าจะเป็นกำลังใจจากคนจำนวนมากที่แวะเวียนมาเยี่ยม
หลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมปี 2553 มีคนถูกจับกุมในคดีการเมือง กระทั่งต้องโทษ
ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเป็นจำนวนมาก ทางเรือนจำผ่อนผันกฎระเบียบการเยี่ยม
อนุโลมให้นักโทษการเมืองออกมาพบญาติในรอบและห้องเยี่ยมเดียวกันครั้งละหลายคน
ขณะที่ญาติและเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทางการเมืองก็สามารถเข้าไปเยี่ยมผู้ต้องขังการเมือง
พร้อมๆกันซึ่งบางครั้งจำนวนคนไปเยี่ยมก็มากจนล้นห้อง
สมยศจึงไม่ได้มีแค่ญาติมาดูแลความเป็นอยู่
แต่มีเพื่อนร่วมอุดมการณ์ทั้งที่เคยรู้จักและไม่เคยรู้จักโดย
มาคอยอัพเดทสถานการณ์บ้านเมือง
รวมถึงขอคำแนะนำเรื่องแนวทางการทำกิจกรรมทางการเมืองรวมอยู่ด้วย บท
สนทนาและกำลังใจจากผู้มาเยือนจึงเป็นเสมือนหยดน้ำที่หล่อเลี้ยงไม่ให้กำลังใจของสมยศแห้งเหือด
รัฐประหารที่เปลี่ยนวิถี "คนห้องกรง"
22 พฤษภาคม 2557 กลุ่มทหารในนามคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ทำรัฐประหาร
ประกาศใช้กฎหมายและออกกฎระเบียบหลายฉบับที่มีเนื้อหา
ที่กระทบสิทธิเสรีภาพการแสดงออกของคนในประเทศ
กระทั่งคนที่เป็นผู้ต้องขังในเรือนจำเองก็ได้รับผลกระทบไปด้วย ช่วงหนึ่งถึง
สองเดือนแรกหลังการรัฐประหาร
เรือนจำพิเศษกรุงเทพยังคงเปิดให้เพื่อนร่วมอุดมการณ์
มาเยี่ยมนักโทษการเมืองได้เช่นเดิม
แต่มีเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบมาตั้งกล้องถ่ายภาพผู้มาเยี่ยมและยืนสังเกตการณ์บริเวณจุดพักญาติของเรือนจำด้วย
ต่อมาในเดือนกรกฎาคม 2557 คสช.ออกคำสั่งฉบับที่ 84/2557 เปลี่ยนตัวอธิบดีกรมราชทัณฑ์
อธิบดีคนใหม่มาพร้อมกับนโยบายที่เข้มงวดขึ้น
ระเบียบที่กำหนดให้ผู้ต้องขังระบุรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าเยี่ยมไม่เกิน 10 คน
ถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวด คนที่ถูกดำเนินคดีด้วยมาตรา 112
ถูกกำหนดให้เยี่ยมในห้องพิเศษที่ติดกระจกกั้นรูระบายอากาศทำให้ผู้ต้องขังและญาติต้องสื่อสาร
ผ่านเครื่องโทรศัพท์ไม่สามารถตะโกนคุยกันได้
ด้านการรับรู้ข่าวสาร
ก่อนมีรัฐประหารผู้ต้องขังยังได้อ่านหนังสือพิมพ์ฉบับเก่าๆบ้าง
แต่หลังจากนั้น แม้แต่หนังสือพิมพ์ฉบับเก่าๆผู้ต้องขังก็ไม่มีอ่าน
สำหรับสมยศ
การรัฐประหารทำให้ชีวิตของเขาที่ไร้อิสรภาพอยู่แล้วต้องเลวร้ายลงไปอีก หลัง
'กฎ10คน' ถูกบังคับใช้
ผู้มาเยี่ยมสมยศจึงเหลือแค่ญาติกับเพื่อนสนิทไม่กี่คน
บทสนทนาจึงเน้นไปที่ชีวิตความเป็นอยู่มากกว่าสถานการณ์ทางการเมือง
ทำให้คนที่ตื่นตัวทางการ
เมืองอย่างสมยศรู้สึกอึดอัด
ความน่าสงสัยว่าเจ้าหน้าที่ราชฑัณฑ์
ติดเครื่องดักฟังโทรศัพท์ในห้องที่ผู้ต้องขังคดี112และญาติใช้สนทนากัน
ทำให้เขาและคู่สนทนาไม่สามารถสื่อสารกันได้อย่างอิสระ
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ก็เข้มงวดเรื่องส่งหนังสือเข้าไปเรือนจำมากขึ้น หนังสือที่ญาติฝากเข้าไปให้สมยศในช่วงหลังมักถูกตีกลับ ขณะที่หนังสือที่เขาได้รับและนำไปไว้ในห้องสมุดก่อนหน้านี้ก็ถูกตีกลับมาให้ญาติทั้งหมด แต่สิ่งที่เอ่ยมาทั้งหมดคงไม่ร้ายแรงเท่าถูก"ติดตาม" เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะคอยติดตามดูว่าสมยศคุยกับใครคุยเรื่องอะไรแล้วคอยรายงานผู้บังคับบัญชา ซึ่งเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องร้ายแรงที่สมยศยากจะรับได้
ตัวตน- อุดมการณ์
ภาพสมยศขณะอยู่ในเรือนจำ จากเฟซบุ๊กของ สงวน คุ้มรุ่งโรจน์
ภาพสมยศชูมือพร้อมรอยยิ้มกว้างที่ถูกเผยแพร่ในช่วงปลายปี
2558 น่าจะเป็นสิ่งที่แสดงว่า ท่ามกลางสถานการณ์อันหดหู่
ที่ต้องสิ้นอิสรภาพมากว่า 4 ปี และบรรยากาศที่บีบคั้นหลังรัฐประหาร 2557
กำลังใจของสมยศยังไม่เลือนหาย เป็นไปได้ว่า ตลอดระยะที่ผ่านมา
สมยศทำงานในประเด็นที่ยากจะเป็นผู้ชนะมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นสิทธิแรงงาน
หรือการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112
สิ่งหนึ่งที่น่าจะทำให้สมยศยังมีกำลังใจดีแม้ในสถานการณ์ที่ดูจะมืดมน
คงเป็นความรู้สึกว่าตัวเขาเองยังทำอะไรให้คนอื่นได้อยู่บ้าง
ครั้งหนึ่งเพื่อนของสมยศมาเยี่ยมเขาที่เรือนจำ
สมยศขอให้ซื้อแปรงสีฟันยาสีฟัน
เมื่อเพื่อนคนเดิมมาเยี่ยมเขาในอีกไม่กี่วันให้หลัง
สมยศก็ขอให้เพื่อนซื้อแปรงสีฟันกับยาสีฟันให้อีก
เมื่อเพื่อนของเขาติงว่าเพิ่งซื้อให้ทำไมถึงให้ซื้ออีก สมยศก็บอกว่า
ของที่ซื้อให้คราวก่อนเอาให้ผู้ต้องขังเข้าใหม่ไปแล้ว
เพื่อนของสมยศเล่าให้ฟังว่า
สมยศมักจะมีขันสบู่ยาสีฟันสำรองเอาไว้ต้อนรับผู้ต้องขังคนใหม่ที่ญาติอยู่ไกลไม่สามารถมาซื้อของใช้ได้ นอกจากนี้สมยศก็มักเป็นเพื่อนคุยและให้คำแนะนำกับผู้ต้องขังคนอื่นๆ เรื่องการปรับตัวให้เข้ากับชีวิตในเรือนจำ
ความมีน้ำใจ
ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ต้องขังแดนหนึ่งเรือนจำพิเศษกรุงเทพ
ซึ่งถือเป็นแดนแรกรับ ทั้งผู้ต้องขังคดีการเมืองและผู้ต้องขังคดีอื่นๆ
เพื่อนของสมยศเล่าว่า
เคยมีผู้ต้องขังที่ออกจากเรือนจำโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบของสมยศ โดยบอกว่า
ช่วงที่อยู่ในเรือนจำเคยได้คำแนะนำและความช่วยเหลือจากสมยศ
จึงมีความระลึกถึง ก่อนหน้าที่เรือนจำจะบังคับใช้กฎ 10 คน
ก็มีอดีตผู้ต้องขังที่เคยได้รับความช่วยเหลือจากสมยศแวะเวียนไปเยี่ยมเขาอยู่บ้าง
ไม่เพียงแต่ผู้ต้องขัง
ผู้คุมเรือนจำจังหวัดเพชรบูรณ์ที่สมยศเคยไปอยู่ช่วงสั้นๆระหว่างรอการสืบพยานก็
เคยโทรมาถามสารทุกข์สุขดิบของเขาเช่นกัน
เพราะช่วงที่สมยศไปอยู่ที่นั่นเคยขอให้ญาติและเพื่อนๆช่วยกันระดมบริจาคเสื้อหนาวให้ห้องพยาบาลของเรือนจำเพื่อแจกจ่ายให้ผู้ต้องขังที่ไม่มีใช้
'ม่านฉากหลัง'การต่อสู้
ตลอดเวลาที่ถูกจองจำ 'พี่จุ๊บ'
ภรรยาของสมยศคือผู้ที่คอยมาเยี่ยมส่งข้าวปลาอาหารและของใช้จำเป็นอื่นๆให้รวมทั้ง
กำลังใจ พี่จุ๊บเล่าว่า
โชคดีที่งานของเธอมีความยืดหยุ่นเรื่องเวลาจึงสามารถมาเยี่ยมสามีได้เฉลี่ยอาทิตย์ละครั้ง
สมยศเองก็ไม่ได้ห่วงทางบ้านมากนัก เพราะ พี่จุ๊บเอง
ก็มีงานที่มั่นคงขณะที่ลูกชายก็เรียนจบและมีงานทำแล้ว
จะห่วงก็แต่ลูกสาวที่ยังเรียนอยู่
แม้ว่าสมยศจะไม่ค่อยส่งจดหมายกลับบ้านเพราะเจอภรรยาเกือบทุกสัปดาห์อยู่แล้วแต่ก็เคยส่งจดหมายถึงลูกสาวอยู่บ้างด้วยความเป็นห่วง
การถูกจองจำของสมยศกระทบกับครอบครัวบ้างแต่อาจจะไม่มากเกินกว่าครอบครัวเขาจะรับได้
สมยศทำงานในองค์กรพัฒนาเอกชนหรือองค์กรภาคสังคมอื่นๆมาโดยตลอด
รายได้ของเขาจึงไม่ใช่รายได้หลักของครอบครัว ภรรยาของสมยศเล่าว่า
นับตั้งแต่เริ่มสร้างครอบครัว
เธอเป็นกำลังหลักในการหารายได้เข้ามาบ้านโดยตลอด
การที่สมยศติดคุกจึงอาจไม่กระทบกับครอบครัวมากนัก
อาจจะกระทบบ้างในเรื่องการจัดสรรเวลามาเยี่ยมสมยศแต่งานของเธอเป็นงานที่มีความยืดหยุ่นเรื่องเวลา
จึงพอจะจัดสรรเวลามาเยี่ยมได้
นอกจากนี้ลูกทั้งสองก็โตและเข้าใจถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
นอกจากนี้ ครอบครัว"พฤกษาเกษมสุข" เป็นครอบครัวที่เปิดกว้าง
ภรรยาของสมยศรู้ดีว่างานที่สมยศทำไม่สามารถเป็นรายได้หลักของครอบครัวได้
แต่เธอก็เคารพในสิ่งที่เขาทำและเลือกที่จะใช้ชีวิตกับเขา
เช่นเดียวกับครั้งที่เขาเลือกจะสู้คดีถึงที่สุดแทนการรับสารภาพให้คดีจบเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษออกมา
ภรรยาและลูกของสมยศก็เคารพการตัดสินใจและคอยช่วยเหลือเป็นกำลังใจให้
ซึ่งการสนับสนุนของครอบครัวก็น่าจะเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง
ที่ทำให้สมยศยังมีกำลังใจยืนหยัดอยู่ได้แม้จะไร้อิสรภาพมาเกือบห้าปี
ห้าปีที่ผ่านพ้นไป กับอีกหกปีที่จะผ่านเข้ามา
ภาพสมยศ ผลงานของ อ้าย เหว่ย เหว่ย
23 มกราคม 2556 ศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกสมยศเป็นเวลาสิบปี ด้วยมาตรา 112 และให้นำโทษจำคุกหนึ่งปีในคดีหมิ่นประมาทพล.อ.สพรั่ง กัลยานมิตร ที่รอลงอาญาไว้มาบวกเพิ่ม ทำให้สมยศถูกลงโทษจับคุกรวม 11 ปี ต่อมาในเดือนกันยายน 2557 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น หากคำพิพากษาศาลฎีกาที่จะออกมาในอนาคตอันใกล้เป็นไปในแนวทางเดียวกับศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ สมยศก็จะเหลือโทษจำคุกอีกประมาณหกปีสี่เดือน
ความหวังที่ศาลฎีกาจะพิพากษาเป็นอื่นโดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันดูจะเลือนรางแต่สมยศก็ยังพอมีหวังอยู่บ้าง ประมาณเดือนตุลาคม 2558 ศาลฎีกาลดโทษเอกชัย นักโทษคดี 112 อีกคนหนึ่งที่ถูกจำคุกมาตั้งแต่ปลายเดือนมีนาคม 2556 จากโทษจำคุกสามปีสี่เดือนเหลือสองปีแปดเดือน สมยศจึงมีความหวังว่าศาลฎีกาอาจลดโทษให้เขาอยู่บ้าง แต่หากศาลฎีกาไม่ลดโทษให้ สมยศก็พร้อมจะอยู่ในเรือนจำจนครบกำหนดโทษโดยจะไม่ขอพระราชทานอภัยโทษ
แม้การขอพระราชทานอภัยโทษจะเป็นทางหนึ่งที่ทำให้สมยศพ้นโทษกลับมาอยู่ครอบครัวได้เร็วขึ้น
แต่เขาตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่เลือกเดินทางนั้น
เพราะสมยศเชื่อโดยบริสุทธิ์ใจว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด
หากจะขอพระราชทานอภัยโทษ สมยศจะต้องเขียนฎีกาซึ่งมีเนื้อหาเป็นการสำนึกในความผิดและเสียใจกับการกระทำของตัวเองอย่างสุดซึ้ง
ซึ่งนั่นก็จะขัดต่อความเชื่อที่แท้จริงของเขา
แม้จะทำให้ได้อิสรภาพเร็วขึ้น
แต่มันก็จะทำให้เขาถูกจองจำด้วยความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต
สมยศจึงเลือกที่จะสู้คดีให้ถึงที่สุด หากแม้ศาลฎีกาจะพิพากษาเป็นที่
สุดว่าเขามีความผิด สมยศก็พร้อมจะยอมรับโทษจนครบกำหนด
ซึ่งครอบครัวของสมยศก็พร้อมจะเดินไปข้างๆเขาตลอดช่วงเวลายากลำบากและรอวันที่จะได้รับเขา...กลับบ้าน
อ่าน 112 The Series สมยศ: Give my Dad the Right to Justice เรื่องเล่าของสมยศผ่านการต่อสู้ของลูกชาย ที่นี่
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar