กบเลือกลุงตู่ :คอลัมน์ ใบตองแห้ง
ในฐานะคนรุ่น 60 อัพด้วยกัน บางครั้งก็ปลื้มลุงตู่ ว่าพูดจาเก่งจัง ยกสำนวนโวหารพร่ำสอนคนรุ่นลูกรุ่นหลาน พูดไปบ่นไปกลับถูกใจคน ยิ่งว่ายิ่งบ่นยิ่งคะแนนนิยมล้นหลาม วิจารณ์สื่อแรงๆ สื่อก็ไม่ยักหลาบจำ ถ่ายภาพด้วยกันยังยิ้มแย้มแจ่มใส สมแล้วที่จะบินไปจับมือกับทรัมป์ เป็นผู้นำอินเทรนด์ พูดได้พูดดีไม่ต้องเกรงใจใคร นี่ถ้าหยุดพูดไปซัก 7-8 วัน ประเทศคงป่วย
ไม่กี่วันก่อนสัญจรอีสาน ลุงตู่พูดกับวัวกับกบ อธิษฐานเป็นเจ้าชายกบ ครั้นมาภาคกลางก็เล่านิทานอีสป “กบเลือกนาย” เตือนใจชาวบ้านอย่าเลือกนกกระสา ไม่เหมือนท่านที่เข้ามาด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทำงานเพื่อลูกหลาน
แต่เอ๊ะ พูดยังงี้แล้วทำไมไม่เสนอตัวให้ชาวบ้านเลือกละครับ คนอยากเลือกลุงตู่เยอะจะตาย เสียดายรอบนี้ท่านมาแบบไม่ได้เลือก ไม่ได้เชิญ มาเอง ยึดเอง ไหนๆ ก็ไหนๆ รอบใหม่ท่านน่าจะให้ชาวบ้านได้เลือก
เพียงแต่การเลือกตั้งก็เป็นอย่างที่วีระ สมความคิด พูดไว้ คือไม่ใช่ “เลือกนาย” แต่ “เลือกลูกจ้าง” มาทำงานรับใช้ประชาชน ไม่พอใจเมื่อไหร่ก็ไล่ได้ ไม่เหมือนการยึดอำนาจซึ่งเข้ามาเป็น “นาย” แถมบอกว่าใครไล่ยังไงก็ไม่ไป
ปัดโธ่ ไม่ใช่ซิโก้นะ จะได้ลั่นปากไม่ชนะลาออก ประเทศชาติไม่ใช่ของเล่น เอามาเดิมพันแบบนั้นได้ไง
ใช่เลย คนนิยมลุงตู่วันนี้มีมากมาย ทำโพลล์ทีไรคะแนนพุ่ง 80-90% แต่ถ้าได้คะแนนเป็นที่ 2 อย่างโพลล์สถาบันพระปกเกล้า ต้องลนลานชี้แจงว่าสังคมเข้าใจผิด สื่อเอาไปเทียบกันเอง ที่ทักษิณเป็นที่ 1 คือปี 2546 ไม่ใช่โลกปัจจุบัน ตอนนั้นคนไทยยังโง่อยู่
คำถามคือคะแนนนิยมล้นหลามขนาดนี้ถ้ามีเลือกตั้ง ลุงตู่ลงเบอร์ 1 ชาวบ้านจะเลือกไหม เอ๊ะ โพลล์ไม่น่าจะโกหก แต่คำตอบอาจไม่ใช่ก็ได้ เพราะคะแนนนิยมลุงตู่วันนี้ ไม่ใช่นิยมลุงตู่ในระบอบเลือกตั้ง แต่นิยม “ระบอบประยุทธ์” ที่มี ม.44 ออกคำสั่งเป็นกฎหมาย แก้ปัญหาสารพัดด้วยยาทัมใจ ใครผัวทิ้งยังมาร้องได้
พวก “กบเลือกนาย” ที่เรียกหารัฐประหาร เขาเลือกนายครับไม่ใช่เลือกลูกจ้าง อุตส่าห์เป่านกหวีดปิดเมืองขัดขวางเลือกตั้ง แล้วยังต้องเลือกอีกทำไม เขาเลือกระบอบอำนาจเบ็ดเสร็จ ไม่ใช่เลือกการแข่งขันด้วยคะแนนนิยม มีเลือกตั้งก็ไม่ได้เลือกพรรคการเมือง แต่เลือกระบอบนายกฯ คนนอก ส.ว.แต่งตั้ง กรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ตามรัฐธรรมนูญและคำถามพ่วงที่ผ่านประชามติ 16 ล้านเสียง
นิทานอีสปกบเลือกนาย พูดไปก็ไลฟ์บอย เพราะมีเลือกตั้งก็เหมือนไม่มี ในเมื่อรัฐธรรมนูญล็อกไว้แล้ว ว่าจะต้องเปลี่ยนผ่านจาก “ระบอบประยุทธ์” ไปสู่ “ระบอบนายกฯคนนอก” ช่วงเวลาจากนี้ไป ก็เหลือแต่ให้คนไทยค่อยๆ ทำใจ ว่าจะไม่ได้เห็นประชาธิปไตยและการเลือกตั้งอย่างที่คุ้นเคยกันมาร่วม 30 ปี
สถานการณ์ต่อจากนี้ จะอยู่ใต้กระแสชวนเชื่อว่า ถ้าอยากให้ “การเมืองนิ่ง” หุ้นขึ้น ทำลายสถิติ 23 ปี ไทยแลนด์ 4.0 EEC นักลงทุนญี่ปุ่นแห่มา 600 คน ฯลฯ ประชาชนก็ต้องยอมให้บ้านเมืองสงบ ภายใต้นายกฯ คนนอก ที่จะมีพรรคการเมืองเป็นแค่ตัวประกอบ เพราะนักการเมืองไม่มีทางบริหารประเทศได้ภายใต้กลไกรัฐธรรมนูญนี้
สิ่งที่พูดๆ จะสำเร็จหรือไม่ก็ตาม ปัญหาเศรษฐกิจจะแก้ได้หรือไม่ก็ตาม ไม่ว่ามันจะแย่แค่ไหน คนไทยก็จำใจ เพราะไม่มีทางเลือก ถ้าระบอบนี้คว่ำ คนก็กลัวจะนำไปสู่กลียุค อย่าพูดเรื่อง “โค่นเผด็จการ” หมดยุค 14 ตุลา “ฟ้าสีทองผ่องอำไพ” ไปตั้งนานแล้ว (ไม่เชื่อไปถาม เอนก เหล่าธรรมทัศน์)
ปัญหาน่าจะมีอย่างเดียว คือในขณะที่ให้ชาวบ้านพยายามทำใจ ท่านผู้นำกลับไม่สามารถทำใจรับกระแสวิจารณ์ ยังอารมณ์เสียกับนักข่าวข้ามสัปดาห์ ถึงแม้เคยประกาศว่า ยอมเส้นเลือดสมองแตกตายเพื่อชาติ
อยากอยู่ไปนานๆ ก็ต้องปรับตัวรับกระแสวิจารณ์บ้าง สังคมไทยก็เป็นอย่างนี้ จะมีกระแสเป็นพักๆ เหมือนเปิดกาน้ำให้ระบาย แต่ท่านไม่ได้มาจากเลือกตั้ง ไม่ต้องกังวล ใครก็ไล่ไม่ได้ ไม่รู้จะหงุดหงิดไปทำไมให้เสียสุขภาพ
โถ ขนาดพระแนะนำให้กำจัดไวรัสในสมอง ทำจิตให้ว่าง มือต้องว่าง อย่ายึดถือไม่ยอมวาง ท่านยังแย้ง ยังปล่อยวางไม่ได้ พระให้นับ 1 ถึง 10 แต่นับได้ถึง 3 ก็โมโหแล้ว
น่าเป็นห่วงจริงๆ กบยังหวังพึ่งพิงเป็นอีกสิบปี ระบอบนี้สำคัญที่ตัวบุคคลนะครับ
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar