คอลัมน์ เมืองไทยหรือเมืองใคร?
เรื่อง ศาลปกครอง (รัฐบาล)
โดย กาหลิบ
ความ
จริงเราต้องขอบคุณ นายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุงของพรรคประชาธิปัตย์
ที่รับงานมาสร้างข่าวเรื่อง นายถวิล เปลี่ยนศรี
เลขาธิการสำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ
เพราะดูเหมือนจะพยายามให้เกิดความรู้สึกว่าโยกย้ายอย่างไม่เป็นธรรม
กระตุ้นความคิดเคียดแค้นอาฆาตมาดร้าย
สุดท้ายก็เอาวาทกรรมที่คงไปนอนคิดมาทั้งคืนออกมาใช้
นั่นคือสนับสนุนวิธีการยื่นฟ้องต่อตุลาการศาลปกครองว่าถูกกลั่นแกล้งรังแก
โดยเรียกกลยุทธ์นี้ว่า “ถวิลโมเดล” ยุให้ข้าราชการอื่นๆ ทำอย่างเดียวกันนี้อีก
เหตุ
ที่ต้องขอบคุณ
เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลพรรคเพื่อไทย
เมื่อเขาหลุดปากออกมาว่าเขาพูดเพื่อใครหรือทำเพื่อใคร
เราจะได้มองตามไปที่เขาชี้ แล้วก็ต้องช่วยฉายไฟให้มันสว่างไสวไปตรงนั้น
นาย
นริศฯ ช่วยเอ่ยคำว่า ตุลาการศาลปกครอง ออกมา ทำให้เรานึกขึ้นได้ว่า
ในกระท่อมไม้ไผ่ที่เราเรียกกันว่ารัฐบาลของประชาชนนั้น
มันมีหอกข้างแคร่อยู่ที่ใดบ้าง
ไม่ต้องมาเจื้อยแจ้วอธิบายว่า ตุลาการศาลปกครองเกิดขึ้นตามรัฐธรรมนูญฉบับ พ.ศ.๒๕๔๐ อันเป็น “ฉบับประชาชน” เพื่อประกันความเป็นธรรมในการใช้อำนาจรัฐในกรณีที่ประชาชนคนธรรมดาถูกคนมีอำนาจในรัฐบาลกลั่นแกล้ง เพราะพูดอีกก็ถูกอีก
แน่จริงแลดูผลที่เกิดขึ้นจริงในช่วง ๔ ปีที่ผ่านมากันดีกว่าว่า มันเป็นไปตามหลักการที่ว่านั้น หรือมันชัดเจนว่าเป็น “หลักกู”
เพราะ
ดูจะบังเอิญเสียเหลือหลาย ศาลปกครองโผล่ขึ้นมามีบทบาททีไร
มักจะเป็นในช่วงรัฐบาลเสียงข้างมากที่ประชาชนเลือกขึ้นมาทุกทีไป
แต่ในช่วงรัฐบาลศักดินา-อำมาตย์ “ศาล” กลับเงียบเฉยไม่เป็นข่าวโด่งดัง ราวกับลาไปพักร้อนเสวยสุขกันที่อื่นหมด ไม่ว่ารัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์หรือรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
แต่ในช่วงรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร รัฐบาลสมชาย และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ก็เกิดการขุดศพขึ้นมาใช้เป็นผีดิบซอมบี้กันอย่างรื่นเริง
ยุให้ทำเป็นสูตรเลยด้วยซ้ำ อย่างที่ฝรั่งเรียกว่า โมเดล คือเอาเป็นตัวแบบหรือต้นแบบเลย
รัฐ
ธรรมนูญฉบับ พ.ศ.๒๕๔๐ นั้น มีกลไกที่เรียกว่าก้าวหน้าหลายอย่าง
เหนือกว่ารัฐธรรมนูญที่ผ่านมาทุกฉบับ รวมทั้งฉบับ พ.ศ.๒๕๑๗ หลังเหตุการณ์
๑๔ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๑๖
ที่เคยถือเป็นอันดับหนึ่งในความเป็นรัฐธรรมนูญของประชาชน
เรื่องนี้คงไม่ต้องถกเถียง และเราต้องนึกขอบคุณสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ
(ส.ส.ร.) ชุดนั้นให้มาก
ปัญหากลับมาอยู่ที่ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.๒๕๔๐ เป็น “ของดี” ที่ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือของระบอบการปกครองที่เลว
เสมือนให้ดาบคมๆ กับโจรก็ไม่ปาน
สุด
ท้ายเมื่อฝ่ายประชาชนถูกหลอกล่อครั้งแล้วครั้งเล่าให้ยอมรับระบอบ
ศักดินา-อำมาตย์ โดยไม่ได้อะไรกลับมาเลยแม้แต่เศษเนื้อข้างเขียง
ฝ่ายตรงข้ามกับประชาชนเขาก็กะล่อนพอที่จะเอามรดกของมวลชนอย่างรัฐธรรมนูญ
ฉบับ พ.ศ.๒๕๔๐ มาปรับใช้ให้เป็นประโยชน์ในมุมของเขา
ตามกลยุทธ์นี้ ศาลปกครองก็ไม่ต่างอะไรจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ คณะกรรมการการเลือกตั้ง ตลอดจน “องค์กรอิสระ” อื่นๆ ไปจนถึงวุฒิสภา
ก็
วุฒิสภาเดียวกับที่เลือกตัวแทนส่วนใหญ่ของฝ่ายศักดินา-อำมาตย์มานั่งจัดสรร
ผลประโยชน์อันมหาศาลในกิจการสื่อสารมวลชนและโทรคมนาคมของชาติซึ่งจะส่งผล
อย่างมากต่ออำนาจควบคุมทางสังคมใน กสทช. นั่นแล
เพราะฉะนั้น “ถวิลโมเดล” มันไม่มีดอก
แผ่นดินนี้มีแต่อำมาตย์โมเดลอย่างเดียวเท่านั้น
บางเวลาเขาเอากองทัพมารัฐประหาร บางครั้งเขาก็เอาองค์กรอิสระมาล้มรัฐบาล และบางคราวเขาก็เอาผู้พิพากษาเข้ามาช่วย
สรุปแล้วก็โมเดลเก่าแก่ลายคราม... เอาปืนของประชาชนมาฆ่าประชาชนนั่นเอง.
(หมายเหตุ- ทหาร ศาล สื่อมวลชน องค์กรอิสระ และพรรคประชาธิปัตย์
คือเครื่องมือของกษัติย์ภูมิพล เขาจะใช้เครื่องมือเหล่านี้เมือเขาต้องการ
ดังตัวอย่างในบทความนี้... ความจริงที่ปฏิเสธไม่ได้
)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar