lördag 13 oktober 2018

อัพเดท...กระทู้ อ.Somsak Jeamteerasakul

 
Image may contain: text
สุเทพ เทือกสุบรรณ : "ในหลวงภูมิพลทรงส่งสัญญาณให้สาธารณะรู้ถึงบทบาทของพระราชินีในการรัฐประหาร"
สุเทพ เทือกสุบรรณ : "ในหลวงภูมิพลทรงส่งสัญญาณให้สาธารณะรู้ถึงบทบาทของพระราชินีในการรัฐประหาร"
สุเทพ เทือกสุบรรณ (24 เมษายน 2550) :
"ในคืนวันรัฐประหาร [19 กันยายน 2549] ในหลวงภูมิพลตอนแรกทรงไม่ยอมที่จะพบกับพวกนายพลที่โค่นทักษิณ. แต่ในที่สุด ในหลวงทรงยอมตามต่อการร้องขอของราชินีสิริกิติ์, แต่ในหลวงทรงส่งสัญญาณให้สาธารณะรู้ถึงบทบาทของพระราชินีในการรัฐประหาร ด้วยการที่ทรงเห็นชอบให้เผยแพร่ภาพการเข้าเฝ้าของคณะรัฐประหาร ที่แสดงให้เห็นว่า พระองค์เองในฉลองพระองค์แบบลำลอง ทรงหันพระพักตร์ด้านข้างต่อกล้อง ในขณะที่พระราชินีสิริกิติ์หันพระพักตร์ด้านตรงต่อกล้อง"
สมัคร สุนทรเวช (1 ตุลาคม 2551) :
"พระราชินีสิริกิติ์...ทรงเป็นผู้รับผิดชอบต่อการรัฐประหาร 2549"
...............
อ้างอิง :
สุเทพ เทือกสุบรรณ https://wikileaks.org/plusd/cables/07BANGKOK2304_a.html
สมัคร สุนทรเวช https://wikileaks.org/plusd/cables/08BANGKOK2977_a.html

ความเสื่อมของ คสช. กับ (ความไม่มี)"บารมี" ของวชิราลงกรณ์

ความเสื่อมของ คสช. กับ (ความไม่มี)"บารมี" ของวชิราลงกรณ์
ผมนั่งคิดเรื่องนี้มาหลายวัน การที่ คสช.เสื่อมลงในระยะใกล้ๆนี้ นอกจากเรื่องรูปธรรมความล้มเหลวของ คสช.เองแล้ว (จากเรื่องเศรษฐกิจ ถึงเรื่องนาฬิกา) ผมคิดว่า ในภาพกว้างออกไป ที่เป็น "ภูมิหลัง-ปริบททางประวัติศาสตร์" เรื่องนี้แยกไม่ออกจากการที่กษัตริย์องค์ใหม่เอง - วชิราลงกรณ์ - เป็นกษัตริย์ที่ไม่มีบารมีที่ได้รับการยอมรับในสังคมวงกว้างด้วย
คือตราบใดที่ในหลวงภูมิพลยังอยู่ เผด็จการทหารใดๆขึ้นมามีอำนาจ ก็ยังสามารถอ้างอิงได้ว่า ครองอำนาจเพื่อปกป้องราชบัลลังก์ และด้วยบารมีของรัชกาลที่ 9 คำอ้างทำนองนี้ ไม่ใช่อะไรที่เลื่อนลอยในความรู้สึกของคนจำนวนไม่น้อย "อำนาจนำทางวัฒนธรรม" ของรัชกาลที่ 9 เป็น "แบ๊กกราวน์" อยู่ด้านหลังที่ทำให้เผด็จการทหารที่ครองอำนาจได้ประโยชน์ไปด้วย (เรื่องนี้เป็นอะไรในลักษณะ "แบ๊กกราวน์" ที่มองไม่เห็นเสียเยอะ เป็นในแง่ของความรู้สึก ความคิด เช่น ออกมาเป็นรูปธรรมความรู้สึกทำนอง ถ้าบ้านเมืองวุ่นวาย จะ "ระคายเคืองพระองค์ท่าน" หรือที่มีการพูดกันประมาณว่า "อย่าทำให้พ่อไม่สบายใจ ไม่มีความสุข" เป็นต้น)
ลองนึกย้อนกลับไปช่วงสองปีเศษหลังรัฐประหารที่ในหลวงภูมิพลยังมีพระชนม์ชีพอยู่ (22 พฤษภา 2557 - 13 ตุลาคม 2559 และช่วงที่ตามมาหลังจากนั้นอีกระยะหนึ่ง) กับช่วงหลังจากนั้นจนถึงขณะนี้ ผมคิดว่า บรรยากาศหรือความรู้สึกในสังคมต่างออกไป
การที่วชิราลงกรณ์ทำตัวเป็น "กษัตริย์ไซด์ไลน์" อยู่เมืองไทยไม่ถึงครึ่ง ยิ่งทำให้ "อำนาจบารมี" ของสถาบันกษัตริย์ เจือจางไปอย่างมากเมื่อเปรียบเทียบกับรัชกาลก่อน
อันที่จริง เรื่องนี้ ในระยะยาวออกไป มีนัยยะสำคัญต่อสังคมไทยอย่างมาก (มากกว่าเรื่อง คสช.) สังคมไทยที่อาศัยบารมีีของกษัตริย์ในแง่ตัวบุคคล สำหรับผูกโยงสังคมเข้าด้วยกัน เป็นเหมือน "เอกลักษณ์" ของประเทศ ของความเป็น "คนไทย" กระทั่งเป็นเหมือนศาสนา-ศาดา ทดแทน (substitute religion / substitute Bhuddha) ... ในอนาคตจะอาศัยอะไรมาแทน (ไม่ว่าในแง่อุดมการณ์ สถาบัน หรือกระทั่งตัวบุคคล)...
..............
ภาพประกอบกระทู้ ผมไม่ได้ทำเองนะครับ ระหว่างที่ผมเสิร์ชหาเมื่อครู่ ไปเจอจากเว็บไซต์ "ทีนิวส์" (55) ก็ต้องขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ https://goo.gl/FXKb36 เหมาะพอดีกับเรื่องที่ผมต้องการเขียน


ยืนยันครับ ท่า "ยกอก (อึ๊บ)" เป็น "ท่าพระราชทาน" ของกษัตริย์วชิราลงกรณ์ ผมก็ยังว่า เป็นท่า "บ่อสื่อจ่อ" อยู่นั่นเอง
ยืนยันครับ ท่า "ยกอก (อึ๊บ)" เป็น "ท่าพระราชทาน" ของกษัตริย์วชิราลงกรณ์
(ขอบคุณ "มิตรสหายท่านหนึ่ง" ที่บอกและแค็พภาพกระทู้คุณวาสนามาให้ กระทู้คุณวาสนา อยู่ที่นี่ https://goo.gl/WenmwJ)
ผมก็ยังว่า เป็นท่า "บ่อสื่อจ่อ" อยู่นั่นเอง
แล้วยังงงว่า ไทยรัฐ ทำไมต้องลบคลิป-ข่าวที่ผมแชร์ด้วยก็ไม่รู้ - ดูกระทู้ที่แล้ว - นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่ผมเจอแบบนี้ บางคนอาจจะพอจำได้ ตอนต้นปีที่กษัตริย์ใหม่เริ่มให้มีเดินสวนสนามตรง "หมุดหน้าใส" ไทยรัฐรายงานเป็นคนแรก ผมแชร์ปุ๊บ ไทยรัฐก็ลบไปปั๊บเหมือนกัน :P https://goo.gl/s99hyR

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar