บีบีซีไทย - BBC Thai
จากบาร์พัทยา สู่ชีวิตแต่งงานในเดนมาร์ก "สมหมาย" คือแม่สื่อแม่ชักที่ช่วยให้หญิงอีสานหลายสิบคนได้แต่งงานและมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
เรื่อง : ก้าวหน้า พงศ์พิพัฒน์
“คุณไม่ได้คิดเรื่องนั้นเมื่อ 24 ปีก่อน คุณก็แค่ตกหลุมรัก” นี่คือคำพูดของชายเดนมาร์กถึงหญิงไทยคนหนึ่งที่เขาพบที่พัทยา
มากกว่า 24 ปีให้หลัง ระยะทางราว 9,000 กม. จากไทย เราอยู่กันที่บ้านชั้นเดียวเรียบง่ายในเมืองเล็ก ๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเดนมาร์ก สิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดอาจเป็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ขนมจีนน้ำยาโคราชหอมกะทิและส้มตำปูปลาร้าที่เผ็ดจนดับคาวหมดสิ้น เป็นฝีมือของสมหมาย ม๊อยเป็ก ผู้หญิงคนเดียวกันกับที่เขาตกหลุมรักในวันนั้น
เขาคงไม่ได้คิดว่าบั้นปลายชีวิตในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย บรรยากาศบ่ายวันเสาร์จะ “ไทย” ขนาดนี้ ซ้ายมือของสมหมายคือหลานสาวสองคนที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ถัดไปคือน้องสาวของสามีเก่า ถัดไปอีกเป็นรุ่นน้องจากหมู่บ้านเดียวกัน ที่กำลังถืออาหารมาเพิ่มบนโต๊ะนั่นคือภรรยาเก่าของหลานชายแท้ ๆ ที่เพิ่งจะย้ายมาเมืองนี้ได้ไม่นาน
ทุกคนบนโต๊ะอาหารล้วนลงเอยแต่งงานกับสามีชาวเดนมาร์กโดยมีสมหมายเป็นแม่สื่อแม่ชัก ไม่รู้กี่ครั้งที่เธอลงโฆษณาหาคู่ในหนังสือพิมพ์ให้ผู้หญิงไทยที่เธอรู้จัก ขับรถรับ-ส่ง จัดเตรียมน้ำชากาแฟเวลาสองฝ่ายมาพบเจอทำความรู้จักกัน ปรับทุกข์ให้คำปรึกษาเมื่อผู้หญิงไทยต้องเริ่มชีวิตแต่งงานในดินแดนและผ่านภาษาที่ไม่คุ้นเคย
“คุณไม่ได้คิดเรื่องนั้นเมื่อ 24 ปีก่อน คุณก็แค่ตกหลุมรัก” นี่คือคำพูดของชายเดนมาร์กถึงหญิงไทยคนหนึ่งที่เขาพบที่พัทยา
มากกว่า 24 ปีให้หลัง ระยะทางราว 9,000 กม. จากไทย เราอยู่กันที่บ้านชั้นเดียวเรียบง่ายในเมืองเล็ก ๆ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเดนมาร์ก สิ่งที่เขาไม่ได้คาดคิดอาจเป็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ขนมจีนน้ำยาโคราชหอมกะทิและส้มตำปูปลาร้าที่เผ็ดจนดับคาวหมดสิ้น เป็นฝีมือของสมหมาย ม๊อยเป็ก ผู้หญิงคนเดียวกันกับที่เขาตกหลุมรักในวันนั้น
เขาคงไม่ได้คิดว่าบั้นปลายชีวิตในประเทศแถบสแกนดิเนเวีย บรรยากาศบ่ายวันเสาร์จะ “ไทย” ขนาดนี้ ซ้ายมือของสมหมายคือหลานสาวสองคนที่เธอเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็ก ถัดไปคือน้องสาวของสามีเก่า ถัดไปอีกเป็นรุ่นน้องจากหมู่บ้านเดียวกัน ที่กำลังถืออาหารมาเพิ่มบนโต๊ะนั่นคือภรรยาเก่าของหลานชายแท้ ๆ ที่เพิ่งจะย้ายมาเมืองนี้ได้ไม่นาน
ทุกคนบนโต๊ะอาหารล้วนลงเอยแต่งงานกับสามีชาวเดนมาร์กโดยมีสมหมายเป็นแม่สื่อแม่ชัก ไม่รู้กี่ครั้งที่เธอลงโฆษณาหาคู่ในหนังสือพิมพ์ให้ผู้หญิงไทยที่เธอรู้จัก ขับรถรับ-ส่ง จัดเตรียมน้ำชากาแฟเวลาสองฝ่ายมาพบเจอทำความรู้จักกัน ปรับทุกข์ให้คำปรึกษาเมื่อผู้หญิงไทยต้องเริ่มชีวิตแต่งงานในดินแดนและผ่านภาษาที่ไม่คุ้นเคย
เกือบ 30 ปีก่อน นอกจากสมหมายแล้ว
แทบไม่มีผู้หญิงไทยอาศัยอยู่ที่เขตทุ (Thy) ทางตอนเหนือของเดนมาร์กเลย
แต่ทุกวันนี้มีผู้หญิงไทยที่อาศัยอยู่แถบนี้ราว 1,000 คนแล้ว
และแทบทั้งหมดผ่านการแต่งงานกับชาวเดนมาร์ก
“นับไม่ได้” คือคำตอบสั้น ๆ ของสมหมายเมื่อถามถึงจำนวนผู้หญิงไทยที่เธอช่วยให้มาได้แต่งงานที่นี่ และคนที่เธอช่วยมาได้ช่วยคนอื่นเป็นทอด ๆ ไปอีกกี่คน
“อยู่เมืองไทยก็อยู่ได้ มันก็ไม่มีใครตาย แต่มันจะไม่ดีขึ้น มันก็อยู่แค่นั้น สู่ลูกสู่เต้าสู่หลานสู่เหลนไป” สมหมายกล่าว
และชายเดนมาร์กคนนี้ก็คงจะไม่ได้คาดคิดเช่นกันว่าเรื่องราวของสมหมายจะกลายมาเป็นภาพยนตร์สารคดี “Heartbound” โดยผู้กำกับเยนูส เม็ตซ์ (Janus Metz) และ ซิน่า พลามเป็ก (Sine Plambech) ซึ่งใช้เวลากว่า 10 ปี ตามติดชีวิตคู่รักหญิงอีสาน-ชายเดนมาร์กหลายคู่ โดยฉายครั้งแรกที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโตเมื่อปลายปีที่แล้ว
“นับไม่ได้” คือคำตอบสั้น ๆ ของสมหมายเมื่อถามถึงจำนวนผู้หญิงไทยที่เธอช่วยให้มาได้แต่งงานที่นี่ และคนที่เธอช่วยมาได้ช่วยคนอื่นเป็นทอด ๆ ไปอีกกี่คน
“อยู่เมืองไทยก็อยู่ได้ มันก็ไม่มีใครตาย แต่มันจะไม่ดีขึ้น มันก็อยู่แค่นั้น สู่ลูกสู่เต้าสู่หลานสู่เหลนไป” สมหมายกล่าว
และชายเดนมาร์กคนนี้ก็คงจะไม่ได้คาดคิดเช่นกันว่าเรื่องราวของสมหมายจะกลายมาเป็นภาพยนตร์สารคดี “Heartbound” โดยผู้กำกับเยนูส เม็ตซ์ (Janus Metz) และ ซิน่า พลามเป็ก (Sine Plambech) ซึ่งใช้เวลากว่า 10 ปี ตามติดชีวิตคู่รักหญิงอีสาน-ชายเดนมาร์กหลายคู่ โดยฉายครั้งแรกที่เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติโตรอนโตเมื่อปลายปีที่แล้ว
การแต่งงานและย้ายถิ่นข้ามชาติไม่ใช่ประเด็นใหม่
แต่ชีวิตของคนพลัดถิ่นอย่างสมหมายและสารคดีเรื่อง “Heartbound”
ก็สะท้อนให้เห็นถึงประเด็นทางสังคม เศรษฐกิจ ไปจนถึงการเมืองไทยที่ไม่เคย
“เก่า” ลงไม่ว่าจะเป็นนิยามของความรัก
ทัศนคติในแง่ลบต่อผู้หญิงอีสานที่แต่งงานกับชาวต่างชาติ
ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ความใฝ่ฝันในสังคมสวัสดิการ ไปจนถึงชีวิตของ
“คนรุ่นสอง” ที่ต้องปรับตัวเข้ากับสังคมใหม่
“ป้าว่าง ก็ไม่มีทำอะไร
ไม่ต้องเกรงใจ” ในวัย 66 ปี
สมหมายยังคล่องแคล่วและอาสาขับรถพาไปทุกที่ในเมืองทิสเต็ด (Thisted)
เมืองเล็ก ๆ
ทางฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือบนคาบสมุทรจัตแลนด์ซึ่งห่างจากกรุงโคเปนเฮเกนราว 6
ชั่วโมงทางรถไฟ
เธอเล่าว่าจุดประสงค์แรกที่ยินดีให้ผู้กำกับมาตามติดชีวิตก็เพราะอยากให้คนเข้าใจชีวิตผู้หญิงอย่างเธอ
“อย่างน้อย อยากให้ฝรั่งรู้บ้างว่า คือเรามา เราก็ไม่ได้หวังมากอบโกยเงินนะ ให้ฝรั่งรู้บ้างว่าผู้หญิงไทยมา มาทำงานกันเกือบตาย ...ไม่ได้มาโรยด้วยกลีบกุหลาบ มาทำงาน ต้องมาเรียนภาษา” สมหมายเล่า
“อย่างน้อย อยากให้ฝรั่งรู้บ้างว่า คือเรามา เราก็ไม่ได้หวังมากอบโกยเงินนะ ให้ฝรั่งรู้บ้างว่าผู้หญิงไทยมา มาทำงานกันเกือบตาย ...ไม่ได้มาโรยด้วยกลีบกุหลาบ มาทำงาน ต้องมาเรียนภาษา” สมหมายเล่า
คำพูดของสมหมายพาให้นึกถึงฉากแรก ๆ ในสารคดีที่หลานสาวเธอขนเสื้อผ้าย้ายเข้าไปลองอยู่กับชายชาวเดนมาร์ก ทั้งสองมีเพียงพจนานุกรมเดนมาร์ก-ไทย หนึ่งเล่มที่คอยเป็นสื่อกลาง “เธอต้องการไม้แขวนเสื้อกี่อัน” - “ห้าอัน” , “อยากอยู่คนเดียวไหม” - “โอเค”
ตลอดเวลากว่า 10 ปี สารคดีเรื่องนี้ตามติดหลายคู่หลายชีวิตด้วยกัน ทั้งในอีสานและเดนมาร์ก จากหลานสาวของสมหมายที่เดินทางมาทำความรู้จักและแต่งงานกับชาวเดนมาร์ก ลูกติดที่ย้ายถิ่นฐานตามมา ปรับตัว และโตจนเริ่มสร้างชีวิตของตัวเอง, หัวใจที่แตกสลายของชายเดนมาร์กอีกคนหนึ่งหลังหย่าร้างกับหญิงไทย, หญิงขายบริการที่พัทยาที่ลงเอยด้วยการกลับบ้านเกิดที่อีสานเพื่อดูแลลูกและพ่อ ต่อสู้กับความยากจนต่อไป ไปจนถึงตัวสมหมายเองที่เริ่มโหยหาอยากกลับบ้านเกิด
ก่อนหน้านี้ เยนูส และ ซิน่า ได้สร้างสารคดีมา 2 เรื่อง ได้แก่ “Love on Delivery” (From Thailand to Thy) และ “Ticket to Paradise” (From Thy to Thailand) ในปี 2007 และ 2008 ตามลำดับ โดย "Heartbound" ถือเป็นภาคสรุปของการเดินทางของตัวละครทั้งหมด
...............................
(หมายเหตุ-".สารคดี"สะท้อนวัฐจักรชีวิตความเป็นจริงพวกชนชั้นล่างที่ด้อยโอกาส"ยากจนไร้การศึกษา ของสังคมไทยที่มีความเหลื่อมล้ำหลากหลายชนชั้น (รวยกระจุกจนกระจาย)
มาหลายชั่วชีวิตคนรุ่นแล้วรุ่นเล่ากับชีวิตที่ต้องต่อสู้(ดิ้นรนปากกัดตีนถีบ)กับปัญหาความยากจน
เพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า???ขายตัว??? แต่งงานกับฝรั่ง??)
เพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า???ขายตัว??? แต่งงานกับฝรั่ง??)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar