söndag 10 februari 2019

เรื่องจริง หรือเท็จ ใครได้ ใครเสีย???





นับตั้งแต่การรัฐประหารปี 2557 เป็นต้นมา  ผมไม่ค่อยได้คิดวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองอย่างเป็นระบบ  เป็นขั้นเป็นตอน....  โดยเอากระบวนการความน่าจะเป็น,  อุปสรรค,  หรือตัวช่วยมากมายมาแจกแจงบนกระดานบอร์ดของตัวเองมากนัก  เพราะรู้สึกว่าคิดไปก็เท่านั้นเหนื่อยเปล่าๆ  อีกทั้งพี่น้องคนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยจำนวนมากมายเหลือเกินที่สูญเสีย   ทั้งชีวิต  เลือดเนื้อ  ทรัพย์สิน  และสถานทางสังคมไปแล้วมากมาย    จึงอยากจะคอยดูให้สถานการณ์มันค่อยๆ คลี่คลายตัวของมันเองออกไป   หรืออาจจะต้องถึงขั้นรอให้คนใน Gen ต่อไปขึ้นมาทำหน้าที่แทน       โดยรอเวลาเหมือนดังเช่นที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 ใช้เวลาถึง 40 ปี  ในการทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อที่จะเลิกทาส.........

แต่ทว่าเมื่อคืนนี้หลังจากที่ได้ฟังพระบรมราชโองการของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เรื่องที่ไม่อนุญาตให้  ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ เข้ามายุ่งเกี่ยวทางการเมืองแล้ว   ผมกลับต้องมาใช้เวลานานมากจนดึกดื่นนั่งวิเคราะห์สถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วบนกระดานบอร์ดของตนเองอย่างจริงจังอีกครั้ง  โดยนำเอาทุกเงื่อนไข  และทุกตัวละคร   และทุกปัจจัยที่มีความเป็นไปได้มาใส่รวมเอาไว้บนกระดานเดียวกันโดยมีเป้าหมายคือ...  “นำพาชาติให้ออกจากหล่มกับดักความล่มสลายทางการเมือง, สังคม, เศรษฐกิจ  และความขัดแย้งในปัจจุบันให้กลับมาสู่ความเป็นปกติสุขอีกครั้ง”.......   จากนั้นก็ลากโยงกันไปมา   เขียนจุดแข็ง  จุดอ่อน  ความเป็นไปได้   ความเสี่ยง   ผลกระทบ  สถานการณ์  ความสูญเสีย  ผลที่ได้รับ  รวมถึงระยะเวลาด้วย.....
                 
ผลที่ออกมาจากการวิเคราะห์ตามความเข้าใจอันน้อยนิดที่ตนเองพอมีอยู่    แต่ก็เป็นความเชื่อว่าได้พิจารณาอย่างรอบด้านมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้แล้วนั้น  “น่ากลัวมากครับ”  ผมไม่ใช่ผู้พยากรณ์และไม่เคยคิดจะเป็นผู้ทำนาย   ผมเพียงแต่วิเคราะห์,  ประเมิน, คาดการณ์   สถานการณ์จากสภาพเป็นจริงของมนุษย์   ของสังคม  และวัฒนธรรมความเชื่อของประเทศไทย   ซึ่งผลสรุปที่ผมวิเคราะห์และประเมินออกมาจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่  8 กุมภาพันธ์  นี้ตั้งแต่ช่วงเข้า จนถึงเวลาที่มีแถลงการณ์ออกมานั้นจะเป็นตัวเร่งให้มีการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวงและรุนแรงขึ้นในประเทศไทย  
                 
ซึ่งเพื่อนๆ  และพี่น้องผู้มีอุดมการณ์เดียวกันจะลองนำสูตรไปวิเคราะห์ดูเองก็ได้ครับ..  ถ้าลองคิดให้รอบด้าน   ค่อยๆ คิด  ค่อยๆ พิจารณาทุกตัวแปร  ทุกเงื่อนไข  แล้วท่านจะมองเห็นภาพที่จะเกิดขึ้นเอง.....
1.  ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ  ตัดสินใจรับเป็นแคนดิเดตนายกให้กับ  ทษช.  ด้วยตนเองโดยพลการไม่ได้ถามความเห็นใครๆ ในราชวงศ์ก่อนเลย (เกิดจากอะไร?)  และถ้าไม่ใช่โดยพลการล่ะ? (ใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์).....  
2.  พระบรมราชโองการนี้เป็นของจริงสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่ทรงอนุญาตจริงจึงออกแถลงการณ์  (ทำไมไม่ทราบมาก่อน? ขนาดประชาชนธรรมดายังระแคะระคาย  ทำไมไม่ห้ามก่อนเป็นการส่วนตัว? ดีกว่ามาฉีกหน้ากันแบบนี้)   และถ้าเป็นของปลอมล่ะ  (ใครปลอม?  ใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์).....  
3.  พรรค  ทษช.  ที่มีนายกทักษิณอยู่เบื้องหลัง  มีทีมงานระดับโลก  และมีดีลอยู่กับสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างใกล้ชิดมาตลอดทำไมถึงทำเรื่องที่พลาดได้ขนาดนี้?......  (และถ้าไม่ใช่การทำพลาด แต่เป็นการจงใจล่ะ  ใครได้ประโยชน์ใครเสียประโยชน์?)....  
4.  ทันที ที่ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตน์ฯ  ประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกให้กับ  ทษช.  ไม่กี่นาทีต่อมา  ลุงตู่ ออกแถลงการณ์ยาวเหยียดเพื่อตอบรับการเข้าเสนอชื่อเป็นนายกให้กับ  พปชร.  ในขณะนั้นทั้งๆ รู้ว่าจะต้องสู้กับใคร  ทำไมลุงตู่ซึ่งอ้างตัวว่าเป็นทหารพระราชาตลอดมาถึงกล้าชน   ขณะที่ในช่วงเวลานั้นคนอื่นๆ  Fade ตัวเองลงหมด  ทำไม?  แล้วกลางดึกก็มีแถลงการณ์สำนักพระราชวังออกมา (และก่อนหน้านั้นก็มีเพจบางแห่งที่ลงข่าวก่อนแล้วว่าจะมีประกาศสำนักพระราชวัง  ทำไมรู้?)..... 
5.  ขณะที่สถานการณ์วันที่ 8 กุมภาพันธ์  ช่วงกลางวันกำลังฝุ่นตลบ  วิ่งกันวุ่น  ลงเพจ  ลงไอจี  ลงทวิตเตอร์  กันวุ่นวาย    แต่คนที่เป็นตัวแปรสำคัญที่สุดของการเมืองไทยหายไปจากจอเรดาร์อย่างสิ้นเชิง   พลเอก อภิรัช คงสมพงษ์  หายไปไหน  ภาพการออกแถลงข่าวทุกครั้งจะต้องประดับเต็มยศและมีเหรียญตราเต็มหน้าอก โดยเฉพาะเหรียญตราทีปังกร  หายไปจากจอเรดาร์โดยสิ้นเชิง   ทำไมถึงหายไป? (หายไปเป็นปกติ  หรือหายเป็นอย่างมีนัยยะ).... 
6.  ประชาชนทั้งฝ่ายประชาธิปไตย  และฝ่าย สลิ่ม  ในที่สุดแล้วใครได้ประโยชน์  และใครเสียประโยชน์จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 8 กุมภาพันธ์  ที่ผ่านมานี้ ? ......... 
7.  ปัจจัยการถูกบีบจากต่างประเทศที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายของมหาอำนาจในปัจจุบันและประเทศไทยกำลังยืนอยู่ในจุดใดบนเวทีโลกขณะนี้?  ผลได้ผลเสียคืออะไร?
                 
ทุกๆ ท่านลองวิเคราะห์ดูเล่นๆ ก็ได้   ซึ่งโดยส่วนตัวผมได้ใช้เวลาวิเคราะห์อย่างรอบด้านแล้ว  โดยนำเอาเรื่องของ  อ.สุรชัย  และพวกที่เพิ่งเกิดขึ้น  มาเป็นหนึ่งในปัจจัยองค์ประกอบ.....รวมถึงปัจจัยเวลาเส้นตายแห่งพระราชพิธีบรมราชาภิเษกด้วย..... ได้ผลออกมาน่ากลัวมากครับ.....   แต่ขอให้ทุกๆ ท่านลองพิจารณาดูเอง  อย่าให้ผมแสดงความเห็นในเวทีสาธารณะ  เลยครับ.....  เพราะผมเชื่อว่าทุกๆ ท่านล้วนมีความรู้  มีความสามารถ  มีสติปัญญา  ที่จะพิจารณาและไตร่ตรองได้ด้วยตนเองครับ




ปัญหาจริงๆ มันอยู่ที่ปมๆหนึ่ง ซึ่งอยู่เหนือเหตุผลไดๆทั้งหมด ปมที่ว่านี้ ผูกอยู่ที่คอประชาชนทั้งประเทศ เมื่อก่อนอาจไม่กระไรนักนัก เพราะแม้มีปมผูกอยู่ที่คอ แต่ก็ยังมีที่ยืนบนเก้าอี้ ยังพอหายใจได้
...
แต่เมื่อนานวันไป คนบนเก้าอี้เริ่มมากเกินไป เก้าอี้รับน้ำหนักไม่ใหวจึงหักลงมา ปมที่ว่าก็เริ่มรัดแน่นขึ้นทุกที ปล่อยไว้นานคงหมดลมหายใจ อาการดิ้นหนีตายจากปมที่ผูกคอ จึงเกิดขึ้นรุนแรงสุดชีวิต
...
ปมคือตัวระบอบ ที่ไม่สามารถเอื้ออำนวยต่อคนทั้งประเทศ เอื้ออำนวยเฉพาะบางคนบางกลุ่ม เมื่อก่อนอาจพอทนไปได้ เพราะคนน้อย ยังหากินไม่ลำบากขนาดนี้ แต่ปัจจุบันคงยากที่จะทำแบบนั้นได้อีก
...
ปมคือตัวระบอบที่ไม่เอื้ออำนวย ก็พยายามรัดคอประชาชนให้ยินยอมตาม ประชาชนที่ยังไม่อยากตาย ก็ดิ้นหนีจากปมสุดชีวิต งานนี้ จึงมองไม่เห็นทางออก มีแค่สองอย่าง ไม่บ่วงขาดก็ประชาชนตาย
...
เรื่องนี้ บทสรุปรวบยอด จึงไม่มีไครได้ มีแต่เสีย โดยเฉพาะประเทศชาติและคนส่วนใหญ่ของประเทศ งานนี้ เสียหายหนัก อาจมีคนส่วนน้อย ที่ดูเหมือนจะได้ แต่สุดท้ายประเทศล่ม ก็ต้องเสียเหมือนกัน

(หมายเหตุ- "การต่อสู้" ปัญญาคืออาวุธ..ติดอาวุธทางปัญญาพัฒนายกระดับปรับเปลี่ยนแนวคิดเป็นแสงสว่างส่องนำทางในการช่วยเหลือปลดปล่อยตัวเองและประเทศชาติออกเป็นไท..โดยปฎิเสธไม่ยอมรับ"อยู่ภายใต้การปกครองในระบอบTyranny"อีกต่อไป )  

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar