måndag 11 februari 2019

"สถานกงสุลพระราชทาน" ณ มิวนิกหรือ ทำเนียบรัฐบาลไทย (สาขาสอง) เป็นเมืองหลวงแห่งที่สองของไทย(ที่พำนักนอกราชอาณาจักรของประมุขไทย)


ไทยประกาศปิด "สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นครมิวนิก" และเตรียมเปิด "สถานกงสุลใหญ่ ณ นครมิวนิก" แทน
พูดง่ายๆคือปิด เพื่อ "อัพเกรด" สำนักงานตัวแทนประเทศไทยในมิวนิก-รัฐบาวาเรียและรัฐบาเดิน-เวือร์ทเทมแบร์ก
"กงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์" ที่ปิดไป นี่คือระดับต่ำสุด มีไว้ออกวีซ่าเท่านั้น ไม่ใช่นักการทูตอาชีพ ไม่ใช่คนไทยด้วยซ้ำ ท่านสุดท้ายก่อนปิด คือ Mrs. Barbara Riepl (กงสุลกิตติมศักดิ์) โดยมี Mrs. Stephanie Reinhart เป็นเลขานุการ

ทุกวันนี้ ประเทศไทยมีสำนักงานตัวแทนประเทศในเยอรมัน คือ สถานเอกอัตรราชทูตไทย ณ กรุงเบอร์ลิน และมีสถานกงสุลใหญ่แห่งเดียวคือ "สถานกงสุลใหญ่ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต" ซึ่งเป็นที่เข้าใจได้ เพราะแฟรงก์เฟิร์ต เป็นเมืองศูนย์กลางธุรกิจ ส่วนที่เหลือเป็นเพียง "สถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์" ที่ มิวนิก (ที่ปิดนี้), ฮัมบูร์ก, ชตุทท์การ์ท, และ ดึสเซลดอร์ฟ

ทำไมต้อง "อัพเกรด" ที่มิวนิกเป็น "สถานกงสุลใหญ่"?
ผมว่า ความจริงที่ว่า ทุกวันนี้ ประมุขประเทศไทยอยู่ที่มิวนิก กว่าครึ่งของปี (ตัวเลขปีกลาย 7 เดือนใน 12 เดือน) คงเป็นปัจจัยสำคัญแหละ กฎหมายหลายฉบับของไทย ไป "ออกประกาศเป็นกฎหมาย" ในระหว่างกษัตริย์ไทยอยู่ในมิวนิกนี่แหละ เรียกว่า ทรง "เซ็นชื่อ" หรือ "เอ๊กเซอร์ไซส์อำนาจอธิปไตยของประเทศไทย" ณ นครมิวนิกหลายครั้งหลายหนแล้ว

จะว่าไป อันที่จริง น่าจะ "อัพเกรด" ให้มากกว่านี้ด้วยซ้ำนะ เช่น เปลี่ยนเป็นกระทรวงต่างประเทศไทย (สาขาสอง) หรือ ทำเนียบรัฐบาลไทย (สาขาสอง) - หรือให้สุดๆไปเลย เจรจากับเยอรมัน ขอเอามิวนิกเป็นเมืองหลวงแห่งที่สองของไทยเสียเลย ฮี่ฮี่

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar