"ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีกษัตริย์รีโมทคอนโทรลเป็นประมุข" *
9 เดือนครึ่งที่ผ่านมา กษัตริย์วชิราลงกรณ์ใช้เวลาอยู่ในเยอรมัน 4 เดือนกับ 3 สัปดาห์
(* รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 2 ควรจะกล่าวไว้)
ไหนๆ ไม่กี่วันนี้ ผมพูดถึงการ "โนโชว์" ของกษัตริย์วชิราลงกรณ์ แม้แต่ในวันเกิดตัวเอง (ที่ให้รัฐและสังคมทุ่มเงินมหาศาลจัด) เลยขอถือโอกาสอัพเดตข้อมูลเรื่องการไปอยู่ในเยอรมันของเขา
ตั้งแต่ในหลวงภูมิพลสวรรคตเมื่อ 9 เดือนครึ่งที่แล้ว (13 ตุลาคม 2559) วชิราลงกรณ์ไปอยู่เยอรมัน 5 ครั้ง ถึงวันนี้รวมเป็นเวลาประมาณ 4 เดือนกับ 3 สัปดาห์แล้ว ดังนี้
มาเยอรมันครั้งที่ 1 : วันที่ 28 ตุลาคม - 10 พฤศจิกายน 2559
มาเยอรมันครั้งที่ 2 : วันที่ 13 มีนาคม - 5 เมษายน 2560
มาเยอรมันครั้งที่ 3 : วันที่ 15 เมษายน - 8 พฤษภาคม 2560
มาเยอรมันครั้งที่ 4 : วันที่ 13 พฤษภาคม - 7 กรกฎาคม 2560**
มาเยอรมันครั้งที่ 5 : วันที่ 10 กรกฎาคม - ปัจจุบัน**
**(ถ้าไม่นับว่า เขากลับไทยแค่ 2 วัน งานเข้าพรรษากับอาสาฬหบูชา วันที่ 8-9 เดือนนี้ ต้องนับว่า เขากำลังไปนานกว่าทุกครั้ง คือถ้านับจาก 13 พฤษภา ก็ 2 เดือนกว่าแล้ว)
ล่าสุด ผมได้รับการบอกมาว่า เขามีกำหนดการกลับไทยครั้งต่อไป วันที่ 7 สิงหาคม แต่เรื่องนี้ ก็ไม่สามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซนต์ (ทุกครั้งที่มีคนบอกเรื่องกำหนดการไป-กลับของเขา จะบอกสำทับด้วยว่า "He's unpredictable") ก็คอยดูกันต่อไปว่า จะใช่หรือไม่
(อันที่จริง ผมคุยเล่นๆกับบางคนว่า ถ้าเขาฉลาดหรือมีเซ้นซ์ของความรับผิดชอบหน่อย วันแรกที่มีเรื่องน้ำท่วมสกลนคร เขาควรรีบบินกลับมาทันที แต่อย่างว่านะ เขาขี้เกียจเกินไปน่ะ อยู่ขับเครื่องบินเล่นแถวยุโรปสบายกว่า)
อย่างที่ผมพูดไปหลายครั้ง ไม่มีประเทศใดในโลก (กรณีประเทศเครือจักรภพ ไม่นับ เพราะเป็นกรณีพิเศษ) ที่ยอมให้ประมุขของประเทศ ไปใช้ชีวิตในต่างประเทศมากขนาดนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ถ้าพิจารณาถึงการรวบอำนาจ รวบสมบัติสาธารณะ และใช้จ่ายเงินงบประมาณสาธารณะอันมหาศาลแบบนี้
ระดับที่สังคมไทยยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ เป็นอะไรที่น่าอนาถ และเหลือเชื่อ เรียกว่าหาไม่ได้ในโลกแล้ว พูดแบบเปรียบเปรยได้ว่า เหมือนปล่อยให้กษัตริย์ตบหน้า ถ่มน้ำลายใส่ แล้วประชาชนยังก้มลงกราบ และเอาน้ำลายหรือรอยโดนตบไปบูชา
........................................................
บีบีซีไทย - BBC Thai
"หลายวาทกรรมของนายกฯ
แสดงให้เห็นถึงการปฏิเสธประชาธิปไตย
และต้องการประชาธิปไตยเพียงแค่เป็นเครื่องมือในการสร้างความชอบธรรมแก่อำนาจของตัวเอง
และอำนาจของตัวเองภายหลังการเลือกตั้งมากกว่า"
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar