tisdag 22 juni 2021

ใบตองแห้ง: ยืม 40 ฆ่าการเมืองใหม่


2021-06-18 12:03

พรรคพลังประชารัฐยื่นแก้รัฐธรรมนูญกลับไปใช้ระบบเลือกตั้งบัตร 2 ใบแบบ 2540 พรรคเพื่อไทยก็เฮด้วย แต่พรรคก้าวไกลค้าน เห็นว่าบัตร 2 ใบ “แบบเยอรมัน” MMP ดีที่สุด

ไม่ว่าจะเถียงกันอย่างไร การแก้ไขประเด็นนี้ผ่านแน่แล้ว เพราะ ส.ว.บอกแล้วว่าเอาด้วยกับ พปชร. แต่ไม่ยอมให้แก้มาตรา 272 ตัดอำนาจ 250 ส.ว.โหวตนายกฯ

การแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องใช้เสียง ส.ว. 1 ใน 3 ใช้เสียงฝ่ายค้าน 20% ดังนั้น ในประเด็นระบบเลือกตั้ง เมื่อ พปชร. พท. ส.ว. เห็นตรงกันก็ฉลุย ตรงกันข้ามกับประเด็นตัดอำนาจ ส.ว. แม้เห็นตรงกันทั้งฝ่ายค้าน ประชาธิปัตย์ ภูมิใจไทย แต่ ส.ว.ไม่เอาด้วยซะอย่าง ใครจะทำไม

จึงเป็นไปได้สูงว่า เลือกตั้งครั้งหน้าจะกลับสู่ระบบบัตร 2 ใบแบบ 2540 แต่มี 250 ส.ว.โหวตนายกฯ

ระบบเลือกตั้ง 3 แบบต่างกันอย่างไร บัตรใบเดียว บัตร 2 ใบ แบบ 40 แบบเยอรมัน

แบบ 40 คือเลือก ส.ส.เขตเป็นหลัก 400 เขต แล้วเอาคะแนนพรรคจากบัตรใบที่ 2 มาเป็น “โบนัส” คำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน



แบบ MMP กลับกันคือ เอาคะแนนพรรคบัตรใบที่ 2 เป็น “ตัวกำหนด” ว่าพรรคไหนควรได้ ส.ส.เท่าไหร่ เช่นพรรค A ได้คะแนนพรรค 28% ก็ได้ ส.ส. 140 คนจาก 500 คน แล้วดูว่าได้ ส.ส.เขตไปแล้วกี่คน สมมติ 102 คน ก็จะได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพิ่ม 38 คน

คุ้นๆ ไหม ก็คล้ายระบบมีชัยนั่นแหละ แต่ระบบ 60 ตัดต่อพันธุกรรมมาร ใช้บัตรใบเดียวต่างเขตต่างเบอร์ บังคับเลือกคนพร้อมพรรค แถมสูตรคำนวณเศษมนุษย์ ต่างจากเยอรมันที่พรรคไหนได้คะแนนไม่ถึง 5% ตัดทิ้งเลย

ระบบ 40 ซึ่งร่างโดยบวรศักดิ์ ก็เอามาจากเยอรมัน แต่แปลงคะแนนพรรคเป็น “ของแถม” ไม่ใช่เป็น “ตัวกำหนด” ผลที่เกิดขึ้นคือ “พรรคใหญ่ได้เปรียบ” เพราะเอาคะแนนพรรคมาคิดซ้ำแล้วแจกเพิ่มใน 100 เก้าอี้

พรรคเพื่อไทยเชื่อว่าระบบนี้จะทำให้ได้ ส.ส.เพิ่ม เพราะเลือกตั้ง 62 ได้ ส.ส.เขต 136 คน แต่ได้คะแนนพรรค 22% ถ้าคำนวณตามระบบเยอรมัน (หรือมีชัย) จำนวน ส.ส.พึงมีคือ 110 คน แต่ได้เกินไปแล้วไม่ให้อีก

ตรงข้าม ถ้าใช้ระบบ 40 คะแนน 22% ยังได้ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เพื่ม 22 คน (รวมทั้งบัตร 2 ใบจะทำให้สามารถปลุกยุทธศาสตร์ เลือกเพื่อไทยเป็น ส.ส.เขตไว้ก่อนเพื่อเอาชนะประยุทธ์)

พรรคก้าวไกลไม่ได้มีปัญหาถ้าใช้บัตร 2 ใบ ดีเสียอีกไม่ต้องส่งทุกเขต เลือกเพื่อไทยไว้ก่อนก็ไม่ว่ากัน (ยกเว้นบางเขตที่คะแนนสูสี) แต่ก้าวไกลมีปัญหาที่เปลี่ยนจากระบบเอาคะแนนพรรคกำหนดจำนวน ส.ส. มาเหลือเพียงโควตาปาร์ตี้ลิสต์ 100 คน

เปรียบเทียบ 62 อนาคตใหม่ได้ 17.8% จำนวน ส.ส.พึงมี 89 คน ได้ ส.ส.เขต 31 คน ถ้าเป็นระบบ MMP จะได้เพิ่ม 58 คน แต่ถ้าเป็นระบบ 40 จะได้เพิ่ม 18 คน

เลือกตั้งครั้งหน้าคะแนนไทยรักษาชาติคืนเพื่อไทยไป แต่ดูจากเลือกตั้งท้องถิ่น ดูจากความตื่นตัวคนรุ่นใหม่ ก้าวไกลยังได้ลุ้น 10% ซึ่งถ้าใช้ระบบ MMP ได้ ส.ส.50 คน แต่ถ้าใช้ระบบ 40 ได้ปาร์ตี้ลิสต์ 10 คน+ส.ส.เขตที่ไม่น่าได้ถึง 10 คน

ถามว่าระบบไหนดีกว่า เพื่อไทยก็บอกระบบ 40 ทำให้ไม่เกิด “เบี้ยหัวแตก” มีโอกาส “แลนด์สไลด์” แต่ถามว่าระบบไหนสะท้อนคะแนนนิยมของประชาชนได้ตรงกว่า เป็นธรรมกว่า เอาเข้าจริงคือระบบ MMP

เพราะในการเลือกตั้ง ส.ส.เขต จะมีเสียงข้างน้อยที่ไม่มีทางชนะ ยิ่งการเมืองเก่าระบบอุปถัมภ์ “บ้านใหญ่” พรรคที่เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่อาจได้แต่ละเขตแค่ 5-10-20% แต่เมื่อเอาคะแนนทั้งประเทศมารวมกัน 10% เขาก็ควรได้ ส.ส. 10% ของสภา ไม่ใช่แค่ 10% ของ 100 คนจากสภา 500

ระบบ MMP จึงเปิดพื้นที่ให้พรรคทางเลือก เช่นอาจเกิดพรรค LGBTQ หรือพรรคศีลธรรมอนุรักษนิยม เป็นระบบเลือกตั้งที่สะท้อนพหุสังคม ไม่ใช่ “เบี้ยหัวแตก”

ถ้าเพื่อไทยบอกว่าระบบ MMP เป็นไปไม่ได้ ส.ว.ไม่ยอมหรอก “กำขี้ดีกว่ากำตด” เอาระบบ 40 ไว้ก่อน ก็ยังพอทำเนา แต่อย่าบอกว่า ระบบ 40 เป็นประชาธิปไตยมากที่สุด

ย้อนมองภาพรวมจะเห็นว่าระบบเลือกตั้ง 60 มุ่งทำลายเพื่อไทย แต่ระบบจัดสรรปันส่วนกลับทำให้เกิดพรรคใหม่ที่อันตรายกว่า ยุบก็ไม่ตาย ปะทุพลังบนถนน หาเสียงด้วยการเมืองใหม่ กลายเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ที่ไม่เอาอำนาจอนุรักษนิยม ส่ง ส.ส.ไปประกัน 112

อย่ากระนั้นเลย กลับไปเสี่ยงกับเพื่อไทยดีกว่า อย่างน้อยก็ไม่แก้หมวด 1 หมวด 2

อย่างไรก็ตาม พปชร.กล้าเสนอ ก็คงเชื่อมั่นว่าเอาชนะได้เช่นกัน แม้เพื่อไทยเชื่อมั่นการกลับมาของพี่โทนี่ข่ม ผนง.เป็นปทปรมะ แต่ พปชร.มีทั้งอำนาจรัฐ อาวุธกระสุน พลังดูด ข้อสำคัญถ้ายังมี 250 ส.ว.ก็บอกชาวบ้านได้ว่า โทนี่ขายฝันเปล่าประโยชน์ ยังไงๆ เราก็เป็นรัฐบาล

เพื่อไทยเชื่อแลนด์สไลด์ พปชร.ก็เชื่อว่ากวาดได้ ซ้ำถ้าชนะกิน 3 ต่อ ชนะเพื่อไทย ตัดตอนก้าวไกล อ้างความชอบธรรมจากเลือกตั้ง ม็อบไล่ไม่ได้ 

ที่มา: ข่าวสดออนไลน์ www.khaosod.co.th/politics/hot-topics/news_6459292

 

ฉีดวัคซีนเอาฤกษ์เอาชัย สร้างภาพได้อาทิตย์เดียว วัคซีนก็มาไม่ทัน ปั่นป่วนทั้งระบบ โรงพยาบาลเลื่อนนัด สธ.ก็โทษจังหวัด โทษโรงพยาบาล บางพื้นที่ได้ไม่ครบ “นักรบชุดขาว” เหลืออดลุกขึ้นมาโวย สธ.ก็จะตั้งกรรมการสอบ รมต.ขู่ฟ้องเอกชน

อปท.ก็ต้องพึ่งตนเอง เพราะรัฐผลักภาระ ปัดความรับผิดชอบ แย่งกันซื้อซิโนฟาร์มที่เข้ามาเป็นตัวเลือก จะยิ่งทำให้ลักลั่นเหลื่อมล้ำ พื้นที่จำเป็นไม่ได้ กลุ่มเสี่ยงไม่ได้ อปท.ไหนมีเงินเยอะคว้าไปก่อน

ความพินาศครั้งนี้ เดินไปทางไหนก็มีแต่คนด่ารัฐบาล ถามว่าถ้าเปลี่ยนนายกฯ ได้ เปลี่ยนรัฐบาลได้ เอาไหม คนส่วนใหญ่ 80% ยกเว้นสลิ่มกับนักการเมืองพรรครัฐบาล จะตอบว่าเอาสิ เบื่อประยุทธ์เต็มที อวดผลงาน ก. ถึง ฮ. ไม่ต้องอ่านก็ตอบข้อ ง. ผนง.

แต่ถ้าม็อบราษฎรรีสตาร์ท กดดันให้แก้รัฐธรรมนูญตัดอำนาจ 250 ส.ว.โหวตนายกฯ แล้วยุบสภา ถามว่าคนไทยส่วนใหญ่เอาด้วยไหม คำตอบคือ ไม่หรอก

นี่ไม่ได้พูดถึงสลิ่ม เอาแค่คนอยากเปลี่ยนประยุทธ์ บางพวกก็กลัวม็อบ “แรง” เกินจากตัวเองต้องการ บางพวกก็กลัววุ่นวายไม่ได้ทำมาหากิน คือถ้าอยู่ ๆ มีคนมาเปลี่ยนประยุทธ์ให้ แบบกลุ่มทนายนกเขาเรียกร้องนายกฯ คนนอก ก็เอานะ แต่ถ้าต้องลงแรงก่อม็อบ ก็กลัวสถานการณ์แย่ลงไปอีก

นิสัยคนไทยหยวนยอมจนเคยชินกับหม้อต้ม 7 ปีรัฐประหาร ถูกจำกัดสิทธิเสรีภาพทางการเมือง ก็ไประบายในโลกออนไลน์ จนลุงพลเป็นผู้ร้ายยิ่งกว่านายพลปล้นอำนาจ 7 ปีเศรษฐกิจยิ่งยากลำบาก ก็ยิ่งหวังพึ่งรัฐ ทั้งที่มองไปข้างหน้ารู้ว่าไร้อนาคต แต่ยอมอยู่อย่างเลี้ยงไข้ดีกว่าเกิดอะไรแตกหัก เดี๋ยวมันจะแย่กว่าที่แย่อยู่นี้

ระบอบประยุทธ์ชูปลาเค็มหลอกเหนือโต๊ะข้าวต้มไปเรื่อย ๆ แบบปี 2559 บอกจะมีเลือกตั้ง 2560 ก็หุ้นขึ้น ตอนนี้ประชาชนไม่พอใจมากก็ออกข่าวยุบสภา แต่เดี๋ยวโควิดจางก็อ้างว่าเป็นผลงาน

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ https://www.kaohoon.com/column/453059

 

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar