นิ่มแต่เคี้ยวไม่ง่าย!
วัน เวลา เวียนบรรจบครบรอบ 5 ปีเต็ม เหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ตามจังหวะบังเอิญจงใจ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในสถานะ “อดีตผู้นำพลัดถิ่น” ที่ถูกปฏิวัติโค่นล้มอำนาจ นั่งเครื่องบินเจ็ทส่วนตัว บินโฉบมาปักหลักอยู่ที่ประเทศกัมพูชา ป้วนเปี้ยนๆห่างชายแดนประเทศไทย ใกล้บ้านเกิดเมืองนอนแค่คืบ
โดยบรรยากาศที่กรุงพนมเปญเหมือนที่จัดงานชุมนุม “คนรักทักษิณ” เต็มไปด้วยหัวขบวนกลุ่ม นปช. แกนนำ และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมถึง ส.ว.ในเครือข่าย ตบเท้าต้อนรับกันคึกคัก
“นายใหญ่” ยังเดินเกมการตลาดช่วงชิงพื้นที่ข่าว รักษามวลชนเสื้อแดงไว้อย่างเหนียวแน่น
ที่แน่ๆตั้งท่าแลกหมัด กั๊กเกมกับพวกที่จ้องล้มกระดานอีกรอบ
ตามจังหวะที่ “สารวัตรเหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ ส่งสัญญาณให้นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ส่งคืนสำนวนคดีการเสียชีวิตของแนวร่วมคนเสื้อแดง นปช. 13 ศพ ที่ยังมีเหตุสงสัยมาจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ คืนให้กับกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) ดำเนินการต่อ ตามขั้นตอนตำรวจจะส่งสำนวนให้อัยการ เพื่อนำสู่กระบวนการศาล
โดยการเกาะติดของสื่อต่างประเทศ ทั้งเอเอฟพีที่รายงานบทสัมภาษณ์ของนายธาริต รวมทั้งสำนักข่าวรอยเตอร์ ต้นสังกัดของช่างภาพญี่ปุ่นที่เป็น 1 ใน 13 ศพ ได้แสดงความยินดีต่อความคืบหน้าในคดี เพราะจะได้รับรู้ถึงสาเหตุของโศกนาฏกรรมและใครอยู่เบื้องหลัง
ตีปี๊บไล่ล่า “คนสั่งฆ่าประชาชน”
“ทักษิณ” เน้นอิงกระแสนานาชาติ บี้กับฝ่ายคุมเกมอำนาจในเมืองไทย
ในเกมที่ลูกไหลเข้าบาทาอีกต่างหาก กับเหลี่ยมหักลูกเขี้ยวของพรรคประชาธิปัตย์ ที่โหมตะโกนดักคอผลประโยชน์ทับซ้อนระหว่าง “ทักษิณ” กับรัฐบาลกัมพูชา ก็เป็นหน้าที่ของนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ และทีม ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินหน้าไล่บี้ประจาน “ปฏิญญาแกงเลียง” เบื้องหลังการเจรจาลับที่รัฐบาลก่อน ส่ง “เทพเทือก” นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ หอบแผนที่บล็อกน้ำมันไปคุยกับนายกฯฮุน เซน เจรจากันเรื่องการแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนทางทะเล
พลิกจังหวะหักลำกันจนดูไม่ทัน ใครเป็นฝ่ายรุกไล่ ใครเป็นฝ่ายตั้งรับกันแน่
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น มาถึงวันนี้ “แยกบทกันเล่น” ชัดเจน ระหว่างพี่ชายกับน้องสาว ตัดฉากไปที่นายกฯยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นับวันยิ่งโชว์ให้เห็นอาการนิ่ง ไม่ตกอกตกใจกับแรงเสียดทานที่พุ่งเข้าใส่ ตามเกม “แทงพี่ชายทะลุถึงน้องสาว” ที่ประชาธิปัตย์และเครือข่ายเดินหน้า “จัดหนัก” ตั้งแต่ยังไม่ทันเริ่มบริหาร จนผ่านเกือบ 1 เดือนของรัฐบาลก็ยัง “จัดเต็ม”
กับเสียงกระแนะกระแหน มุ่งช่วยพี่ชายไม่สนใจชาวบ้านผจญน้ำท่วม ก็เบาลงไป
ภายหลังรายการสดทางโทรทัศน์ระดมทุนบริจาคช่วยเหลือผู้ประสบภัย โดยนายกฯยิ่งลักษณ์นั่งรับโทรศัพท์ด้วยตัวเอง ปั่นยอดบริจาคได้กว่า 360 ล้านบาท ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง
ต่อเนื่องกับช็อตที่นายกฯเรียกประชุมผู้บริหารระดับสูงเพื่อกำหนดยุทธศาสตร์ในการเคลียร์วิกฤติน้ำท่วมทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ประชุมกันไม่เว้นวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ พร้อมสั่งรัฐมนตรีแบ่งงานลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมแบบรายจังหวัด กระจายกำลังเพื่อให้เกิดความรวดเร็วและทั่วถึง
และล่าสุดกับภาพข่าวนายกฯโดดขึ้นรถปิกอัพออฟโรด ลุยตรวจสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดอุทัยธานี คู่ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ได้รับมอบหมายจากนายกฯให้เป็นหน่วยหน้าในการบัญชาการช่วยเหลือผู้ประสบภัย
อย่างน้อยก็ต้องได้ไปกับบท “ให้ใจ” ไม่ใช่แค่ลุยน้ำสร้างภาพแค่ 1–2 วัน
หรือเสียงบลัฟเย้ยหยันว่า ไม่ทำตามสัญญาที่หาเสียง เปลี่ยน “ยิ่งลักษณ์” เป็น “ยิ่งหลอก” ก็ “ศอกกลับ” ด้วยคิวเดินหน้านโยบายประชานิยม ครม.ลุยอนุมัติกันแบบรายสัปดาห์ ล่าสุดโครงการรถยนต์คันแรกได้คืนภาษีให้ไม่เกิน 1 แสนบาท รวมถึงโครงการรับจำนำข้าว
รักษาฐาน 15 ล้านเสียงที่เทแต้มให้เพื่อไทย แถมบวกเพิ่มพวกที่นิยมรัฐบาล “คิดไว ทำจริง”
ยังไม่นับโปรเจกต์ที่ตั้งใจ “ปั่นแต้ม” การลุยล้างยาเสพติดให้ได้อย่างน้อย 80 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 1 ปี ที่เพิ่งเปิดแคมเปญคิกออฟกันไปไม่กี่วัน ล่าสุดสวนดุสิตโพลสะท้อนตัวเลขประชาชนเกินครึ่ง คือร้อยละ 56.03 มีความพึงพอใจกับข่าวการลุยปราบยาเสพติด ณ วันนี้ของรัฐบาล
“ยิ่งลักษณ์” เดินงานตลอดเวลา ไม่เสียสมาธิกับเสียงตอดเล็กตอดน้อยทางการเมือง
เรื่องของเรื่องที่ว่า นิ่มๆ เคี้ยวง่ายๆ ไม่ใช่ซะแล้ว.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน
//////////////////////////////////////////////////////////////
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar