onsdag 28 september 2011

เรื่องนํ้าท่วม เราขอเสนอให้ถามไปยังกษัตริย์ภูมิพล เพราะท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญโครงการเขื่อนกั้นนํ้า ท่านคงมีแผนอะไรอยู่ในใจ ท่านบอกลูกสาวคนเล็กว่าปีนี้นํ้าจะท่วมแต่ปีหน้านํ้าจะไม่ท่วม

ขออนุญาตตั้งกระทู้เล่าเรื่องน้ำท่วม ที่ห้องนี้นะครับ

เพราะไปตั้งที่ห้องสังคม เกรงว่ากระทู้จะตกไปก่อนที่ "คุณปุ้ย" จะทันได้เห็น

--------

จากการตระเวณดูน้ำท่วมในเขต จ. ลพบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง ชัยนาท และอยุธยา
อยากบอกผ่านคุณปุ้ยไปยังพรรคเพื่อไทยและรัฐบาลว่า น้ำท่วมครานี้ "หนักหนาสาหัสมาก"

วันนี้ไม่ใช่เวลาที่จะมาพูดถึงสาเหตุ หรือแนวทางแก้ไขปัญหาระยะยาวในอนาคต
เพราะวันนี้เราคงทำได้แค่เร่งคิดแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เพื่อให้ผู้ที่ประสบภัยน้ำท่วมมีทุกข์เหลือน้อยที่สุด


เท่าที่ตระเวณดูเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ดังกล่าว

ปัญหาหนักมาก....ยอมรับ

แต่ปัญหาไม่น่าจะหนักเหมือนทุกวันนี้ (ถ้าหน่วยงานที่รับผิดชอบและข้าราชการในพื้นที่ทุ่มเทให้กับการแก้ปํญหามากกว่านี้)

จนผมไม่แน่ใจว่ารัฐบาลถูกข้าราชการวางยา หรือ ซ้ำเติมปัญหาด้วยการไม่พยายามร่วมมือในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าหรือไม่


ผมดูเหตุการณ์แล้วผมก็สงสัย
เมื่อประตูน้ำบางโฉมศรี (อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี) แตก
ผู้รับผิดชอบทุกฝ่ายทำได้แค่บอกกับประชาชนว่า ประตูน้ำแตกแล้ว ....เท่านั้นหรือ

วิศวกรเต็มเมือง แต่ประเทศนี้ไม่สามารถซ่อมแซมประตูน้ำที่แตกได้... อย่างนั้นหรือ
ถึงได้ปล่อยให้น้ำไหลบ่าเข้าท่วมเมืองแล้วเมืองเล่าจนเสียหายยับเยิน


ผมยืนมองน้ำเชี่ยวกรากที่ไหลลอดผ่านสะพานเชียงราก ซึ่งเชื่อมถนนจาก อ.ตากฟ้า -อินทร์บุรี
ชาวบ้านบอกว่า มีจนท. มาดูแล้ว แต่ยังไม่เห็นทำอะไร

ผลก็คือวันนี้ ถนนสายนี้ถูกปิดเนื่องจากสะพานดังกล่าวทรุดตัว


บ่ายวันนี้ ผมขับรถกลับจากสิงห์บุรีเข้าตัวเมืองลพบุรีทางด้านเหนือของเมือง ซึ่งน้ำกำลังทะลักเข้าท่วมอย่างน่ากลัว
รถติดยาวเหยียดหลายกิโลเมตรทั้งด้านเข้าและออก
เหตุเพราะ ถนนสี่เลน + ไหล่ทาง เหลือเพียงด้านละเลน เนื่องจากมีชาวบ้านอพยพหนีน้ำขึ้นมาพักอาศัยสองข้างทาง

ซ้าร้ายก่อนถึงสะพานข้ามเข้าสู่ตัวเมือง (บริเวณวัดมณีชลขันธ์)
น้ำจากทุ่งด้านตะวันออกกำลังไหลบ่าข้ามถนน เพื่อลงไปหาแม่น้ำลพบุรีสูงราวสัก 1 ฟุต ทำให้รถต้องชลอความเร็วลง
ผลก็คือ เกิดรถติดสะสมจนยาวเหยียดดังกล่าว

ผมนึกในใจแบบคนโง่ ๆ ว่า นี่ถ้าผมมีอำนาจหน้าที่
ผมจะควบคุมให้เดินรถทางเดียว โดยให้รถออกจากเมืองใช้เส้นทางสายดังกล่าวนี้
ส่วนผู้ต้องการเข้าเมือง หรือผ่านเมือง ก็ให้ใช้ถนนเลี่ยงเมืองซึ่งอยู่เหนือจุดวิกฤตินี้ไปราว 5 ก.ม.

แต่แปลก ....คนเก่ง ๆ บ่าเต็มไปด้วยขีด กลับไม่มีใครคิด หรือสั่งการแก้ไขปํญหา (ทั้งที่ปัญหาเกิดมาทั้งวัน)


ที่ผมยกตัวอย่างมาค่อนข้างละเอียดนี้
เพราะผมสงสัยว่า ชาวบ้านระดับรากหญ้ายังพูดถึงแนวทางแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแบบเดียวกับที่ผมเขียนเล่าให้ฟัง
แล้วข้าราชการซีสูง ๆ ในจังหวัดที่มีเหตุการณ์ มีหรือจะไม่รู้

ถ้ารู้ทำไมไม่ทำ
ถ้าเกินความสามารถ หรือเกินกำลัง ทำไมไม่ร้องขอการสนับสนุนจากส่วนกลาง


ผมยังไม่อยากคิดว่า พวกคุณกำลัง "ทำงาน" ที่มีเป้าหมายในการล้มรัฐบาลชุดนี้
และขออย่าให้ต้องเลยเถิดไปว่า เพื่อบรรลุเป้าหมาย พวกคุณต้องช่วยกันทำทุกทางให้ชาวบ้านเดือดร้อนแสนสาหัสมากกว่านี้

ระวังนะครับ เดือดร้อนกันมากเข้า จนชาวบ้านลุกฮือขึ้นก่อจลาจล

อะไรก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้นนะครับ

*

ปัญหาอุทกภัยนํ้าท่วมกลายมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองของกษัตริย์ภูมิพลใช้กดดันรัฐบาลยิ่งลักษณ์

ปัญหาอุทกภัยน้ำท่วม
ปัญหา น้ำท่วมเป็นปัญหาใหญ่ในบ้านเมืองเรา แต่ละปีจะมีอุทกภัยน้ำท่วมเกิดขึ้นทำให้ประชาชนล้มตาย  บ้านเมืองเสียหายไม่มีที่ทำมาหากิน เขื่อนต่างๆที่สร้างขึ้นสำหรับเก็บน้ำและระบายน้ำก็สร้างขึ้นตามโครงการหลวง หรือในหลวงเป็นผู้กำหนดตามโครงการของพระองค์จะผิดหรือถูกอย่างไรไม่มีใคร สามารถวิพากษ์วิจารณ์ได้ ส่วนเงินที่สร้างโครงการเหล่านั้นก็มาจากเงินภาษีของราษฎร เมื่อสร้างเขื่อนต่างๆนั้นเสร็จ ก็ตั้งชื่อเขื่อนไปตามชื่อของตัวเองและลูกเมีย  เช่น เขื่อน “ภูมิพล “ เขื่อน “ สิริกิต” เขื่อน  “ อุบลรัตน์ “  ฯลฯ เป็นต้น คล้ายๆกับว่าเขื่อนต่างๆเหล่านั้นเป็นของกษัตริย์  ที่จริงแล้วเรื่องโครงการเหล่านี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่บริหารประเทศไม่ ใช่หน้าที่ของกษัตริย์
เมื่อ กษัตริย์สามารถควบคุมโครงการต่างๆในการสร้างเขื่อนไปทั่วประเทศก็มีอำนาจที่ จะบรรดาลหรือสั่งให้เจ้าหน้าที่บริหารเขื่อนเหล่านั้นทำตามความประสงค์ของตน ในการปิดหรือเปิดเพื่อระบายน้ำ  จะเห็นได้ว่ามีบางปีที่ฝนตกไม่มากแต่กลับมีน้ำท่วมนั้นก็เป็นเพราะกษัตริย์ ภูมิพล ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่เปิดเขื่อนระบายน้ำจะด้วยเหตุผลอันใดก็แล้วแต่ ผลปรากฏว่ามีประชาชนล้มตายจากภัยน้ำท่วมและบ้านเมืองเสียหายทางภาคเหนือ ภาคอิสาน ไปจนถึงภาคใต้ทั่วประเทศ เป็นอันว่ากษัตริย์สามารถบรรดาลได้ว่าจะให้น้ำท่วมหรือไม่ท่วมทางภาคไหนของ ประเทศ โดยจะสามารถสั่งให้เจ้าหน้าที่ ที่ดูแลเขื่อนเปิดและปิดเขื่อนได้ตามอำเภอใจ
ปัญหา ภัยน้ำท่วมจึงกลายมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างหนึ่งของภูมิพลที่นำมา ใช้เพื่อเป็นการกดดันแก่รัฐบาลที่ตนเองไม่ได้แต่งตั้งขึ้น เช่นรัฐบาลยิ่งลักษณ์ที่ประชาชนเลือกขึ้นมาโดยเสียงข้างมาก 
จะ เห็นได้จากการที่ภูมิพลได้ให้ลูกสาวคนเล็ก นาง “ ถั่วปากอ้า “ ออกมาพูดว่า  “ ปีนี้พ่อฉันว่าน้ำจะท่วมแต่ปีหน้าน้ำจะไม่ท่วม”  การให้ลูกสาวออกมาพูดเช่นนี้เป็นการสื่อสารอะไรถึงปวงชนชาวไทย  มันเป็นการสื่อสารว่า ปีนี้พ่อฉันจะสั่งให้เจ้าหน้าที่เขาเปิดเขื่อนระบายน้ำทั้งหมดในทั่วประเทศ เพื่อระบายน้ำ ส่วนน้ำจะท่วม ประชาชนจะเดือดร้อนล้มตาย  บ้านเมืองจะเสียหายอย่างไรปล่อยให้เป็นเรื่องของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นผู้ แก้ไข  ข้าไม่เกี่ยวเพราะข้าอยู่เหนือการเมืองอยู่แล้ว  ถ้าประชาชนชาวไทยไม่ยอมอยู่ใต้ตีนของข้าแล้วน้ำจะท่วมตายสักเท่าไหร่ก็ไม่ เป็นไร  เพราะกษัตริย์และราชินีเคยพูดเสมอว่า  “ ประชาชนจะตายเป็นหมื่นเป็นแสนก็ยอม ขอให้ราชบัลลังก์ปลอดภัยก็ใช้ได้ “
กษัตริย์ ภูมิพลจึงให้ นาง “ ถั่วปากอ้า “ ลูกสาวคนเล็กออกมากล่าวเป็นการเตือนให้ประชาชนไทยทราบ  ซึ่งความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องอะไรของเธอที่จะออกมาพูดเช่นนั้น  เพราะประชาชนได้เลือกรัฐบาลของเขาขึ้นมาเพื่อบริหารประเทศอยู่แล้วจึงมี หน้าที่ในการแก้ไขปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมไม่ใช่หน้าที่ของนาง “ ถั่วปากอ้า “
ถ้า กษัตริย์ ภูมิพลเป็นตัวปัญหาที่ทำให้เกิดอุทกภัยน้ำท่วมขึ้นทั่วประเทศ ทำให้มีผู้คนล้มตายบ้านเมืองเสียหายมาทุกๆปีเช่นนี้  เมื่อไหร่ที่ไม่มีกษัตริย์ภูมิพลอยู่ในโลกนี้อีกแล้ว เมื่อนั้นปัญหาต่างๆเหล่านี้ก็คงจะหมดไปจากประเทศไทย  ปวงชนชาวไทยคงจะอยู่เย็นเป็นสุขไม่มีอุทกภัยน้ำท่วมมาเบียดเบียนอีกต่อไป.

โดย ดารา

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar