fredag 14 november 2014

"เหยื่อ"..ผู้โชคดีที่ได้รับความเมตตาจากหลายฝ่ายรวมทั้งจาก"โครงการทูบีนัมเบอร์วัน.ยื่นมือเข้ามช่วยเหลือจ่ายเงินค่าปรับ แต่อย่าลืมในสังคมไทยยังมี"เหยื่อ"ผู้ยากไร้อีกจำนวนมากมายมหาศาลที่อาศัยอยู่ในสังคมต่างชนชั้นนี้ สังคมที่มีกฎหมายไร้มาตรฐาน บางคดีประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกยัดเยียดข้อหาทั้งๆที่ไม่ได้ทำผิด บางคนแค่คิดต่างถูกกล่าวหาว่าคิดร้ายทำลายชาติต้องถูกจำคุกห้ามเยี่ยมห้ามประกัน....บางกลุ่มเส้นใหญ่ทำผิดไม่ถูกลงโทษก่อความวุ่นวายทั่วกรุงเทพฯ ยึดสนามบิน ปิดถนน ยึดทำเนียบรัฐบาล ทำลายสถานที่ราชการ แต่ยังลอยนวลไม่มีความผิด.กฎหมายทำอะไรไม่ได้. แล้วสังคมไทยมันจะสงบได้อย่างไร .ฝากถึงท่านประธาน คสช. นายกรัฐมนตรีคนที่๒๙ และ ผู้คิดร่างรัฐธรรมนูญปฎิรูปประเทศ ท่านจะปฎิรูปสังคมอันเสื่อมทรามบัดซบนี้ได้อย่างไร???....เรื่องนี้เป็นคดีตัวอย่าง ครอบครัวนี้หาเช้ากินค่ำยากจน....เมื่อหัวหน้าครอบครัวถูกจับผลกระทบตามมาเป็นลูกโซ่เดือดร้อนไปทั้งครอบครัว..?


วันเสาร์ 15 พฤศจิกายน 2557 เวลา 13:25 น.
เมื่อวันที่ 15 พ.ย. น.ส.ปนัดดา หรือ บุ๋ม วงศ์ผู้ดี อดีตนางสาวไทยและประธานมูลนิธิองค์กรทำดี ได้เดินทางไปยังสำนักงานเขตสะพานสูง แขวง-เขตสะพานสูง กทม. เพื่อมอบเงิน 50,000 บาท ที่ประชาชนร่วมกันบริจาคให้กับ นายสุรัตน์ มณีนพรัตน์สุดา อายุ 28 ปี พนักงานเก็บขยะของกรุงเทพมหานคร ที่ถูกสั่งคุมขังแทนค่าปรับ จากกรณีนำซีดีเก่าที่เก็บจากกองขยะมาขาย บุ๋ม ปนัดดา กล่าวว่า ตอนที่ทราบข่าวอยู่ที่ฮ่องกงจึงได้คิดวิธีที่จะช่วยเหลือโดยการโพสต์ลงอิน สตาแกรมส่วนตัว หลังจากนั้นก็นั่งเครื่องบินเพื่อเดินทางกลับเมืองไทย ช่วงระยะเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงกว่า ตรวจสอบพบว่ามีผู้ไม่ประสงค์ออกนามได้ร่วมบริจาคเงินเข้ามาอยู่เป็นระยะ รวมทั้งสิ้นได้ 50,000 บาท จึงมามอบให้เพื่อเป็นทุนในการใช้ชีวิต ส่วนลูกสาวนายสุรัตน์ที่ป่วยมีเนื้องอกขึ้นบริเวณใบหน้า รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลเด็ก ตนเองจะขอรับน้องมาดูแลต่อไป ขอชื่นชมและขอบคุณนายสุรัตน์ที่สู้ชีวิต และมีกำลังใจที่จะดำเนินชีวิตต่อไป

นาย สุรัตน์ กล่าวว่า ขอขอบคุณสำหรับเงินจำนวนดังกล่าว ที่ประชาชนได้บริจาคเข้ามา ซึ่งเวลานี้ตนเองมีหน้าที่การงานทำ มีครอบครัวที่มีความสุข ไม่เดือดร้อน ไม่มีหนี้สินและได้รับอิสรภาพแล้ว ตนเองจึงอยากที่จะนำเงินจำนวนดังกล่าวไปมอบให้กับผู้ยากไร้ ด้อยโอกาสต่อไปจะขอมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้กับทางคุณบุ๋ม องค์ทำดีไว้ช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป ที่ผ่านมาหลังจากเกิดเรื่องมีผู้หลักผู้ใหญ่ยื่นมือมาช่วยเหลือจำนวนมาก ตนเองหยุดรับบริจาคแล้ว เงินที่ได้มานอกเหนือจากค่าปรับนั้น จะทยอยนำไปมอบให้กับมูลนิธิต่าง ๆ เพื่อช่วยเหลือคนที่ด้อยโอกาสต่อไป จะไม่เก็บไว้ใช้เองแน่นอน เพราะตัวเองมีโอกาสไม่ติดคุกตนเองพอใจที่จะใช้ชีวิตอย่างพอเพียงแล้ว.

...............................................
"..ปล่อยตัว  พนง.เก็บขยะ ขายซีดีมือ2 ลูกสาวมารับชื่นมื่น "ผู้ไม่ประสงค์ออกนาม" จากปราจีนฯช่วยจ่ายค่าปรับ.
 


ทูลกระหม่อมหญิงฯ ทรงช่วยค่าปรับ คดีหนุ่มพนง.เก็บขยะขายซีดีเพลงมือ2Fri, 14 Nov 2014 08:44:10 +0700 จากกรณีวานนี้ (13 พ.ย.) ศาลฏีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ในคดีของนายสุรัตน์ มณีนพรัตน์สุดา อายุ 28 ปี พนักงานเก็บขยะเขตสะพานสูง ที่ถูกจับกุมเมื่อปี 2551 ฐานเก็บแผ่นซีดีลิขสิทธิ์นำมาขายต่อ ซึ่งมีความผิดตามพ.ร.บ.ภาพยนตร์และวัสดุวีดิทัศน์ พ.ศ.2551 ซึ่งคดีนี้ ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาปรับเงินจำนวน 200,100 บาท แต่คำรับสารภาพในชั้นสอบสวนมีประโยชน์ลดโทษปรับเหลือ 133,400 บาทแต่นายสุรัตน์บอกว่าไม่มีเงิน เจ้าพนักงานจึงรายงานศาลทราบ และศาลออกหมายขังกักขังแทนค่าปรับตามกฎหมาย แต่รวมโทษกักขังไม่เกิน 1 ปี จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวจำเลยไปยังสถานกักขังกลางจ. ปทุมธานี อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเมื่อเช้าวันนี้ รายการ เรื่องเล่าเช้านี้ ทางทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 ได้รายงานว่า ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี องค์ประธานโครงการ ทูบี นัมเบอร์วัน ทรงมีคำสั่งให้การช่วยเหลือในกรณีดังกล่าว โดยมอบหมายให้ทางมูลนิธิดำเนินการช่วยเหลือเรื่องค่าปรับจำนวน 133,400 บาท ของ นายสุรัตน์ มณีนพรัตน์สุดา ซึ่งเป็นคำพิพากษาของศาลต่อไป -


-เรื่องเกี่ยวเนื่อง.....




ศาลฎีกาพิพากษายืน ปรับ1.3แสนพนง.เก็บขยะ ขายซีดีเก่า หนุ่มพนักงานเก็บขยะเขตสะพานสูง ที่ถูกจับพร้อมซีดีเก่า 83 แผ่น ที่นำมาวางขายสู้จนศาลสุดท้าย แต่ศาลฎีกาก็พิพากษายืน ให้ปรับ1.3แสนบาท เจ้าตัวไม่มีค่าปรับจึงถูกนำไปกักขังแทนค่าปรับ วันละ 200 บาท เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา -
14 พฤศจิกายน 2014 - 2:00 #1 (adsbygoogle = window.adsbygoogle || []).push({}); ศาลฎีกาพิพากษายืน ปรับ1.3แสนพนง.เก็บขยะ ขายซีดีเก่า หนุ่มพนักงานเก็บขยะเขตสะพานสูง ที่ถูกจับพร้อมซีดีเก่า 83 แผ่น ที่นำมาวางขายสู้จนศาลสุดท้าย แต่ศาลฎีกาก็พิพากษายืน ให้ปรับ1.3แสนบาท เจ้าตัวไม่มีค่าปรับจึงถูกนำไปกักขังแทนค่าปรับ วันละ 200 บาท เมื่อวันที่ 13 พ.ย.ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีที่นายสุรัตน์ มณีนพรัตน์สุดา อายุ 28 ปี พนักงานเก็บขยะเขตสะพานสูง ถูกจับกุมพร้อมของกลางซีดี 83 แผ่น ขณะนำมาวางขายที่บริเวณสี่แยกกรุงเทพกรีฑา ย่านถนนศรีนครินทร์ กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2551 ที่ผ่านมา คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาปรับจำเลยเป็นเงิน 200, 100 บาท จำเลยรับสารภาพ จึงลดโทษเหลือปรับ 133,400 บาท หากไม่จ่ายให้กักขังแทนค่าปรับเป็นค่าปรับวันละ 200 บาท จำเลยไม่มีเงินจ่ายเป็นค่าปรับ จึงประกันตัวเรื่อยมา ศาลฎีกาพิพากษายืน ปรับ1.3แสนพนง.เก็บขยะ ขายซีดีเก่า ศาลฎีกาพิจารณาแล้ว พิพากษาว่า ฎีกาของจำเลยไม่ใช่ข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จึงไม่รับวินิจฉัย และคำรับสารภาพรับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้ ที่จำเลยฎีกาว่า พ.ร.บ.ภาพยนตร์และวัสดุวีดิทัศน์ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ เห็นว่าเป็นฎีกาที่ไม่ชัดแจ้ง จึงไม่รับพิจารณา พิพากษายืน หลังศาลมีคำพิพากษา เจ้าหน้าที่ได้นำตัวจำเลยไปควบคุมไว้ที่ห้องควบคุมชั้นล่างศาลอาญา และจะนำตัวไปยังสถานที่กักกัน เพื่อทำการกักขังแทนค่าปรับต่อไป เนื่องจากสุรัตน์ จำเลย ซึ่งเป็นพนักงานเก็บขยะ ไม่มีเงินจำนวน 133,400 บาท มาจ่ายเป็นค่าปรับตามคำพิพากษา. -

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar