torsdag 20 november 2014

บทความที่ควรอ่าน วัดร่องขุ่น อนุสรณ์สถานแห่งคนเนรคุณ

วัดร่องขุ่น อนุสรณ์สถานแห่งคนเนรคุณ







โดย  ปูนนก 
20 พฤศจิกายน 2014


กระแสประชาธิปไตยและความรักชาติที่กำลังมาแรงในเวลานี้อาจจะกำลังทำให้เราเดินหลงทิศผิดทางไปเสียแล้ว วัฒนธรรมทางเอเชีย และชาวตะวันออกนี้ถือในเรื่อง “ความกตัญญูรู้คุณต่อบรรพบุรุษ” เป็นสิ่งสำคัญในการบ่งชี้ว่า คนๆ นั้นสมควรเป็นคนน่าเคารพนับถือ หรือน่าคบหาสมาคมด้วยหรือไม่ แต่ทว่าเวลานี้กลับมีผู้คนจำนวนไม่น้อยมีแนวคิดว่า ประเทศชาติ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุดต่อชีวิต ยิ่งกว่าความกตัญญูต่อพ่อแม่ของตนเอง และที่สำคัญก็คือผู้คนกลับให้ความนิยมชมชอบยกย่องว่าการนำเอาพ่อแม่ บรรพบุรุษของตนเองมาตำหนิติเตียนหรือด่าว่าเป็นการกระทำที่ดีเสียด้วย...ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าตระหนกตกใจเป็นอย่างยิ่ง ตัวอย่างที่มีให้เห็นเร็วๆ นี้ก็คือ นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินแห่งชาติ ออกมาประกาศตัวว่า เพราะเหตุที่จะต้องสร้างวัดร่องขุ่น ตนเองถึงกับต้องประกาศตัดขาดกับผู้เป็นแม่ โดยอ้างว่ากำลังทำเพื่อชาติเพราะผู้เป็นแม่จะเอาที่ดินรอบวัดไปหาประโยชน์ใส่ตัว (ซึ่งยังไม่แน่ชัดว่าเป็นเช่นนั้นจริงหรือไม่?) แต่ที่แน่ๆ สิ่งที่ศิลปินแห่งชาติผู้นี้กำลังกระทำก็คือ “การด่าว่าและทำร้ายจิตใจบุพการีผู้ซึ่งเป็นแม่บังเกิดเกล้าของตนเอง” ผมก็ไม่ทราบว่าภาพเขียนเชิงปรัชญาทางพุทธศาสตร์ มากมายที่ นายเฉลิมชัย เขียนเอาไว้นั้นสะท้อนให้เห็นถึงเรื่อง “ความกตัญญูต่อบุพการี” บ้างหรือเปล่า ซึ่งในความเป็นจริงแล้วแม้ฟ้าจะถล่ม ดินจะทลาย ประเทศชาติจะพังพินาศหรือสูญหาย แต่ความเป็นแม่ ลูก กันนั้นมันจะคงทนถาวรไปตราบนิรันดร์ ถ้าวันนี้ นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ สละสัญชาติไทย และไปใช้สัญชาติอังกฤษ ก็อาจจะทำให้ นายเฉลิมชัย กลายเป็นคนอังกฤษตามกฎหมาย และกฎหมายไทยก็ไม่มีผลต่อ นายเฉลิมชัย อีกต่อไปเพราะท่านไม่ใช่คนไทยอีกแล้ว แต่ทว่าการปฏิเสธความเป็นแม่ลูกกันนั้น มันไม่ได้ทำให้ DNA ของคุณแม่ที่อยู่ในตัวของ นายเฉลิมชัย ที่มีอยู่ครึ่งหนึ่งนั้นหายไปหรือทำให้คุณค่าของน้ำนมที่คุณแม่ของท่านได้กลั่นออกมาจากเลือดในอกให้ท่านดื่มกินและให้นายเฉลิมชัย ได้มีชีวิตน้ันหมดสิ้นลงไปได้ วัดร่องขุ่นเป็นวัดที่มีประติมากรรมทั้งภาพเขียนและปูนปั้นมากมายที่แสดงถึงภาพของ “อเวจีสถาน” และ “สวรรค์สถาน” ผมไม่ทราบเหมือนกันว่า นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ใช้จินตนาการจากฐานความคิดใดสร้างภาพและรูปปั้นเหล่านั้น แต่ถ้าสร้างมาจากฐานความคิดในเชิงพุทธศาสตร์แล้วละก้อ การกระทำของ นายเฉลิมชัย ที่กล่าวให้ร้ายแก่มารดา และบรรพบุรุษของตนเองที่ประกาศออกมากลางงาน ปปช. นั้น ก็คงจะทำให้ นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ กลายเป็นหนึ่งในรูปปั้นที่เป็นอสุรกายอยู่ใน “อเวจีสถาน” ตามที่ท่านได้สร้างขึ้นมานั้นและอย่าได้หวังเลยว่าจะมีโอกาสได้กลับขึ้นมาเสวยสุขอยู่ใน “สวรรค์สถาน” ดังที่ตนเองได้สร้างเอาไว้ สิ่งที่ทำได้เพียงแต่ ชะเง้อมองไปตลอดกาลเท่านั้น ผมในฐานะลูกคนหนึ่งขอประณามในสิ่งที่ นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้พูดออกมาในครั้งนั้น เพราะผมเชื่อว่าทุกปัญหามีทางออก โดยเฉพาะการสำแดงต่อบุพการีในฐานะลูกนั้นต้องไม่ใช่วิธีนี้อย่างแน่นอน... ส่วนใครจะเห็นด้วยและชื่นชมในสิ่งที่ นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ได้กระทำก็เป็นสิทธิ์ที่จะกระทำได้ แต่สำหรับผม นายเฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ก็แค่ “มนุษย์เปรตๆ “ คนหนึ่งเท่านั้น ปูนนก ลิ้่งค์อ้างอิง http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1416297622 -


https://www.youtube.com/watch?v=UggrNVCvgt0&feature=player_embedded


................................................................


ดย  ราษฎรไทย
๒๐ พ.ย.๕๗


เริ่มแรกดูภาพ"วัดร่องขุ่น" แล้วเกิดความคิดว่าประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ   ที่มีวัดวาอารามมากมายนับไม่ถ้วน   ทั้งวัดเก่าแก่ในอดีตทั้งวัดสร้างใหม่อีกมากมาย  รวมทั้งสำนักสงฆ์  ซึ่งบางวัดมีคนบริจาคทุ่มเทเงินทองเป็นจำนวนมากมายมหาศาลสร้างโบสถ์วิหารอันใหญ่โตสวยงามเหมือนสวรรค์์วิมาน  


แต่เมื่อนำกลับมาเปรียบเทียบกับสภาพความเป็นจริงของปัญหาในสังคมไทยที่กำลังเสื่อมเกินจะเยียวยาเปรียบเหมือน"เมืองนรกบนดิน" แล้วเกิดคำถามขึ้นในใจว่าทำไมคนในสังคมไทยส่วนใหญ่ยังยากจนไม่มีบ้านอยู่อาศัย  เหมือนโบสถ์วิหารอันสวยงามของวัดวาอารามในพุทธศาสนาที่คนไทยส่วนหนึ่งทุ่มเทเงินทองแข่งขันกันสร้างแต่ไม่มีใครอยู่อาศัยนอกจากพระพุทธรูป  นอกจากนี้ยังต้องเสียงบประมาณดูแลรักษาก่อนที่จะผุพังไปตามกาลเวลา หรือว่าสร้างไว้เป็นสวรค์วิมานเมื่อตายไปแล้ว ? กับอีกหนึ่งคำถามสังคมไทยมีวัดวาอารามมากมายแต่ทำไมคนในสังคมไทยจึงมีจิตใจเสื่อมลงต่ำสุดๆ ? ดูจากสื่อข่าวรายวัน  ไม่เข้าใจจริงๆ...เกิดความสงสัยเพราะเห็นสังคมของประเทศที่เขาพัฒนาแล้วเขาไม่แข่งขันกันสร้างโบสถ์วิหาร  ที่มีอยู่แล้วก็สร้างกันมานานตั้งแต่สมัยโบราณคนก็ไม่นิยมไปโบสน์  แต่คนในสังคมก็มีสุขภาพจิตใจดีช่วยเหลือเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน  สังคมมีปัญหาน้อยมากแทบจะไม่มีให้เห็น    สำหรับพวกคนมีเงินพวกเขาก็บริจาคเงินสนับสนุนโครงการสร้างคนสนับสนุนให้ทุนด้านการศึกษา    ทุนสร้างงานวิจัยค้นคว้าเพื่อสังคมโลก  หรือบริจาคให้ความช่วยเหลือคนในประเทศยากจนด้อยพัฒนาให้มีการยกระดับด้านความอยู่ดีกินดีขึ้น ...


(หมายเหตุ -ข้าพเจ้านับถือศาสนาพุทธ  ยึดปฎิบัติตามหลักธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ซึ่งเป็นวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้ ใช้เป็นในการดำรงชีวิต  )

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar