tisdag 7 mars 2017

"ข้อคิดมุมมอง"ของสองอาจารย์ ดร.นักวิชาการ...(น่าสนใจ "อัพเดท".ให้อ่านอีกครั้ง)

พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์

ตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทยรู้ตัวล่วงหน้ามานานพอสมควรแล้วว่า จะมีรัฐประหาร และแนวทางของเขาคือ จะไม่ขัดขืน แต่จะหาทางต่อรองให้ตนเองเสียหายน้อยที่สุด เขาจึงปล่อยให้สถานการณ์ความวุ่นวายไหลไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้คิดสู้เลย ยอมยุบสภาโดยดี ไม่ปกป้องตำรวจ ไม่ปะทะกับม็อบกปปส. ไม่ปกป้องการเลือกตั้ง 2 ก.พ.57 และยิ่งลักษณ์ไม่ขัดขืนปปช.และศาลรธน. จนถูกถอดถอน
แล้วก็สำเร็จเป็น "ซุปเปอร์ดีลรอบสอง" (รอบแรกคือ "เหมาเข่ง") คือ รัฐประหาร 22 พ.ค.57 ที่ตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทยนอกจากจะไม่ต่อต้านแล้ว ก็ยัง "คุมเสื้อแดงให้อยู่นิ่ง ๆ" และลอยแพกลุ่มที่ทหารเชื่อว่า เป็น "พวกล้มเจ้า" ขณะที่ฝ่ายทหารก็ "ไม่ทำอะไร" ตระกูลชินวัตร ไม่มีจับกุม ไม่มี คตส. ไม่มีอายัดทรัพย
ที่ผ่านมา ทั้งสองฝ่ายรักษา "ดีล" ไว้ได้ดีพอสมควร ทักษิณย้ำตรง ๆ หลายครั้ง "ขอเสื้อแดงให้ความร่วมมือกับคสช." ตระกูลชินวัตร พรรคเพื่อไทยและเสื้อแดงในสังกัดแทบไม่มีความเสียหายเลย พวกที่ถูกหาว่า "ล้มเจ้า" ถูกกดดันอย่างหนัก ถ้าไม่โดน ม.112 หรือคดีอื่น ๆ จนติดคุก ก็ต้องหลบหนีไปต่างประเทศ ขณะที่ฝ่ายทหารก็ "ปล่อย" ตระกูลชินวัตร แล้วยังเตะถ่วงความพยายามภายใน สนช.ที่จะเล่นงานยิ่งลักษณ์และนักการเมืองพรรคเพื่อไทย รวมทั้งทหารก็วางตัว "ไม่ยุ่งเกี่ยว" กับองค์กรอิสระของ "ป๋า" ที่พยายามจะเล่นงานยิ่งลักษณ์ในคดีต่าง ๆ ให้ได้
"ฝันหวาน" ของตระกูลชินวัตรก็คือ "รอเวลา" อย่างที่ทักษิณบอกไว้ชัด รอ "ฟ้าเปลี่ยนสี พระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็พระอาทิตย์ตก แล้วก็พระอาทิตย์ขึ้นอีก ฯลฯ" หลังจากนั้น ก็จะมีการนิรโทษกรรม "เหมาเข่ง" อีกรอบ (ซึ่งทักษิณเชื่อว่า ถึงเวลานั้น ก็แทบจะไม่มีใครออกมาต่อต้านแล้ว) มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (ซึ่งจะ "หัวคูณ" สักแค่ไหน ก็รับได้ ค่อยไปแก้ไขกันทีหลัง) แล้วก็มีการเลือกตั้ง ซึ่งพรรคเพื่อไทยก็จะลงเลือก
ตั้ง ชนะกลับมาเป็นรัฐบาลอีกครั้ง และนี่ก็เป็น "ฝันหวานของเสื้อแดงที่เหนียวแน่นกับพรรคเพื่อไทย" จำนวนมากด้วย
ผมเชื่อว่า "ฝันหวาน" ทั้งหมดนี้ จะกลายเป็นแค่ "ฝันเปียก" ของพวกเขาในที่สุด แต่จะเป็น "ฝันร้าย" ของประชาชนที่ต้องการประชาธิปไต

Somsak Jeamteerasakul

ผมแชร์กระทู้นี้ของ ดร. พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์ มาให้ดูกัน เพราะเห็นว่า น่าสนใจมาก แม้ว่า ผมยังอาจจะลังเลไม่แน่ใจในบางส่วนที่ ดร.พิชิต เขียน ที่สำคัญคือเรื่อง "ดีล" คือก่อนอื่น ผมอยากเสนอว่า เวลาเราพูดเรื่อง "ดีล" ในหมู่ "อีลีต" ทั้งหลาย ตามที่ผมเข้าใจและติดตามการเมืองไทยนะ มันไม่ใช่มีลักษณะเป็นข้อตกลงชนิดลายลักษณ์อักษร มีข้อกำหนด เงื่อนไข แบบเป๊ะๆ ชัดๆ อะไรแบบชัด คือมันมีลักษณะ "พูดคุยต้าอ่วย" แล้วก็เหมือนเป็น "ความเข้าใจกันนะ" ว่า เทอว์จะทำแบบนี้ ฉันจะทำแบบนี้ (อย่างแม้การ "เจรจา" หรือ "ดีล" ที่บรูไน ในปลายปี 52 ก็น่าจะมีลักษณะนี้)
ทีนี้ ประการต่อมา จะมีการ "พูดคุยต้าอ่วย" ระหว่างฝ่ายทักษิณกับฝ่ายประยุทธ (ที่พิชิตเรียกว่า "ดีล") ตามที่บรรยายมาหรือไม่ อันนี้ ผมไม่ทราบจริงๆ ไม่มีข่าวกรองอะไรทั้งสิ้น (การ "ดีล" หรือ พูดคุยปลายปี 52 ผมมารู้ข่าวกรองทีหลัง แต่ก่อนที่อีตาอะไรไปเปิดที่ นสพ.เอเชียไทม์)
แต่อย่างหนึ่งที่ผมมีข้อสรุปตรงกับที่พิชิตว่า (แม้จะไม่สามารถยืนยันว่ามาจาก "ดีล") คือ ทักษิณ "ปล่อยเกียร์ว่าง" ไม่ต้าน คสช แน่ๆ และนี่เป็นเหตุผลแท้จริง ทีทำไม ฝ่ายเพื่อไทย-นปช จึงเงียบสนิท ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา คือไมใช่เพราะทำอะไรไม่ได้แน่ๆ (ที่ผมเขียนในกระทู้ก่อนหน้านี้น่ะ เพียงแต่ผมหยุดแค่ว่า เกียร์ว่าง แต่ทำไม ผมไม่ได้เขียน เพราะไ่ม่มีข้อมูล แต่เกียร์ว่างนี่แน่ ผมไม่เพียงแต่สังเกต วิเคราะห์แต่มีข้อมูลด้วยว่าเกียร์ว่างจริงๆ) รวมถึงเป็นเหตุที่ทำไม "เสรีไทย" จึงเป็นแค่เท่าที่เห็น คืออกมาฮือฮาเล็กน้อยตอนแรกๆ แล้วเงียบไป ... (กรณีเสรีไทย ผมเข้าใจว่า ไมใช่ว่าเพราะคนที่ทำเสรีไทย ยอมทำตามเกียร์ว่าง มากเท่ากับว่า เพราะไม่ได้รับการสนับสนุนให้ทำอะไร เมื่อไม่ได้รับการสนับสนุนมากมายอะไร ก็เลยเงียบๆอย่างทีเห็น เพราะได้แค่นั้น คือถ้าทักษิณไม่เกียร์ว่าง และหนุนมากกว่านั้น ผมเข้าใจว่า คนที่เกี่ยวข้องกับเสรีไทยคงทำอะไรออกมามากกว่านั้นแล้ว)
................
มีอีกเรื่องที่ผมว่าน่าสนใจจากกระทู้ พิชิต ซึ่งเป็นประเด็นที่ผมสนใจมานาน คือ ในคอมเม้นท์ท้ายกระทู้ มีสุภาพสตรีท่านหนึ่ง เขียนแสดงความเห็น ที่ผมวา่น่าสนใจคือ คนเสื้อแดงจำนวนมากที่เชียร์ทักษิณ เชียร์พรรค จะมีลักษณะนี้กันเยอะ คือด้านหนึ่ง จะปฏิเสธ เสียงแข็งว่า พวกเขาหรือเธอ "ก้าวพ้นทักษิณ" แล้ว (มิหนำซ้ำ มักจะกล่าวหาคนวิจารณ์ทักษิณ อย่างกรณีนี้ว่า "ก้าวไม่พ้นทักษิณเสียที" อีก!) แต่หลังจากประกาศการ "ก้าวพ้นทักษิณ" ทักษิณ แล้ว ก็มักจะบรรยายต่่อไปถึงความรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ คุณงามความดีของทักษิณ .. ซึ่งเอาเข้าจริง (ในความเห็นของผม - พวกเขาต้องแย้งแน่ๆ) สะท้อนให้เห็นชัดๆเลยว่า ไม่ได้ "ก้าวพ้นทักษิณ" เลยแม้แต่น้อย! ผมยกความเห็นมาให้ดูท้ายกระทู้ของผมนี้นะครับ ลองอ่านกันดู (ขออภัยท่านเจ้าของความเห็น ผมยกมาเพื่อเป็น "ตัวอย่าง" เท่านั้น ไม่ได้ต้องการวิจารณ์เป็นตัวบุคคลผู้แสดงความเห็น ผมเลยขอยืมชื่อ "มิตรสหายท่านหนึ่ง" มาใช้ด้วยนะครับ)
เมื่อวาน ผมเพิ่งคุยกับเพื่อนคนหนึ่งถึงประเด็นนี้ เรื่องที่ มันเหมือนเป็นวัฒนธรรมในเชิง dependency (การขึ้นต่อ) ของคนไทย คือ พอ "หลุด" ("ตาสว่าง") จากเจ้า ก็ยังมีลักษณะ "อิง" (dependent) ในเชิงอารมณ์ความรู้สึกนึกคิด หรืออุดมการณ์กับอีกฝ่าย เหมือนแค่่ "ย้าย" ลักษณะ "ขึ้นต่อ" นี้จากคนหนึ่งมาอีกคนหนึ่งเท่านั้น ... เรืองนี้ยังต้องพูดกันอีกยาว ก่อนรัฐประหาร ผมเคยเถียงกับเพื่อนท่านหนึ่งอย่างรุนแรงเรืองนี้ เขาไม่พอใจทีผมวิจารณ์ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างมวลชนเสื้อแดงส่วนใหญ่กับนักการเมืองของตนมีลักษณะ unhealthy หรือ "สุขภาพไม่ดี" (เทียบแล้วสู้ฝั่งเสื้อเหลืองไม่ได้ ที่สัมพันธ์กับนักการเมือง ไม่มีลักษณะนี้ แต่เพราะพวกนั้น มีความสัมพันธ์แบบ unhealthy กับเจ้าแล้ว)
มิตรสหายท่านหนึ่ง ".... ทำไมอาจารย์ข้ามไม่พ้นตระกูลชินวัตรคะ และความคิดของอาจารย์ก็พยายามยัดเยียดให้คนเสื้อแดงที่เขาศรัทธาคุณทักษินให้เสียความรู้สึกคะ คนเสื้อแดงส่วนใหญ่เขาก้าวข้ามผ่านตัวตนคุณทักษินมานานแล้วสิ่งที่เขายังยึดมั่นและคงอยู่ตลอดไปคือนโยบายของท่านที่เห็นเป็นรูปธรรมต่างหากเล่าคะ คนด้อยโอกาศทุกชนชั้นได้รับอานิสงฆ์กันถ้วนหน้า หรืออาจารย์จะปฏิเสธว่าไม่จริงคะ อาจารย์ลืมความจริงไปหรือเปล่าศรัทธากลั่นมาจากหัวใจค่ะต่อให้ไม่มีพรรคเพื่อไทยตระกูลชินวัตรไม่ได้เล่นการเมืองเราก็ไม่มีวันลืมท่านค่ะ..."

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar