torsdag 18 januari 2018

คำถามที่มีคำตอบ...."นายก ผู้สามารถพัฒนาเศรษฐกิจของไทยให้ยิ่งใหญ่ได้นั้น จะเป็นคนๆ เดียวกับที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงวิธีการบริหารประเทศแบบเผด็จอมาตย์ ไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย หรือเปล่า???"

ที่มาของคำถาม  จากบทความคุณปูนนก.
คลิกดู : เรื่องความขัดแย้งทางการปกครองระหว่างระบอบอมาตยาธิปไตยกับระบอบประชาธิปไตย.!   
..................................
 
ตอบ :คำถามของคุณปูนนก
โดย   แสงตะวัน
ในยุคปัจจุบัน ชึ่งเป็นยุคไฮเทคโนโลยี่ ยุคโลกไร้พรหมแดน   การต่อสู้เรียกร้องของประเทศต่างๆชึ่งเกิดขึ้นทั่วโลกในปัจจุบันนี้   เกี่ยวกับปัญหาทั้งด้านเศรษฐกิจ    สังคม    การเมือง   ไม่ มีสูตรสำเร็จกำหนดตายตัวที่จะนำมาเป็นแม่แบบเพื่อใช้แก้ปํญหาให้ลุล่วงไป ได้    เพราะปัญหาความต้องการของแต่ละสังคมไม่เหมือนกัน    นอกจากนี้ยังไม่มีทฤษฎีหรือตำราพิชัยสงครามแบบใหม่มาให้ใช้เป็นแนวทางชี้นำ     ก่อน อื่นพวกเราต้องมาทำความเข้าใจเสียใหม่ว่าพ่อค้านักธุรกิจนายทุนก็คือนายทุน ที่ลงทุนค้าขายเพื่อให้ได้กำไร    ต่างกับผู้นำนักปฏิวัติที่ทำงานเพื่ออุดมการณ์เพื่อสังคมส่วนรวม   ต่อสู้เรียกร้องเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคมให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง      ดังนั้นความคิดแบบพ่อค้ากับนักปฎิวัติสองสิ่งนี้จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมี อยู่ในตัวคนเดียวกัน  
เริ่ม แรกทักษิณเข้ามาบริหารประเทศโดยผ่านการเลือกตั้งตามวิถีทางประชาธิปไตยตาม รัฐธรรมนูญปี ๒๕๔๐ ซึ่งระบอบการปกครองโดยแท้จริงยังคงเป็นระบอบราชาธิปไตยอยู่ไม่ใช่ระบอบ ประชาธิปไตยตามที่พวกนักวิชาการต่างๆเข้าใจและโฆษณาหลอกลวงประชาชน  เมื่อทักษิณเข้ามาเป็นนายกก็บริหารประเทศอยู่ภายใต้ระบอบราชาธิปไตยนี้     แต่รัฐบาลทักษิณมีหลักนโยบายที่สามารถเห็นผลงานจับต้องได้และทำให้ ประชาชนได้รับผลประโยชน์จากการบริหารของรัฐบาลทักษิน    ซึ่งถ้าปล่อยให้ประเทศชาติได้มีโอกาศพัฒนาต่อไปภายใต้รัฐบาลของทักษิณประเทศ ชาติก็จะดำเนินก้าวหน้าและการวิวัฒนาการทางประชาธิปไตยก็จะก้าวหน้าต่อไป     แต่ระบอบราชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ขัดขวางต่อระบอบประชาธิปไตยมาโดยตลอด  ซึ่งนายกทักษิณเองเขาไม่ได้มีแนวความคิดที่เปลี่ยนแปลงหรือล้มล้างระบอบราชา ธิปไตยนั้นลง      แต่พวกอำมาตย์เห็นว่าถ้าปล่อยให้ทักษิณบริหารประเทศต่อไปจะเป็นอันตรายแก่ พวกเขา  เมื่อทักษิณถูกพวกอำมาตย์โค่นล้มลงในวันที่  ๑๙ ก.ย. ๒๕๔๙   โดยทักษิณเองก็ยังจะพยายามประณีประนอมกับพวกอำมาตย์มาตลอดเวลา  จนถึงทุกวันนี้     ทักษิณก็ยังไม่ยอมที่จะคิดเปลี่ยนแปลงระบอบราชาธิปไตยให้เป็นประชาธิปไตย      ประชาชนส่วนมากของประเทศคิดเอาเองว่าทักษิณจะเป็นผู้ที่จะนำประเทศชาติ และประชาชนไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง 
ซึ่ง เป็นความคิดและความหวังของประชาชนไทยส่วนใหญ่ของประเทศ  แต่จุดประสงค์ที่แท้จริงของทักษิณคือต้องการใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือเพื่อ จะดำเนินไปสู่การรักษาอำนาจและธุระกิจของกลุ่มทุนของพวกเขา   ฉนั้นประชาชนจะมาเรียกร้องให้ทักษิณเปลี่ยนแนวคิดจากนายทุนมาเป็นผู้นำของ การปฎิวัตินั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้
แต่ ทักษิณเป็นผู้นำของการพัฒนาประเทศในด้านเศรษฐกิจให้เจริญก้าวหน้ายิ่งใหญ่ ได้อย่างแน่นอน   ฉะนั้นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงจากระบอบเผด็จการราชาธิปไตยไปสู่ระบอบ ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์    จึงเป็นหน้าที่ของ "ประชาชนไทยทุกคน "    ต้องร่วมมือกันต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตย  ไม่ใช่ให้ทักษิณเป็นผู้ชี้นำคนเดียว.

บทต่อท้าย:
ประชาชน จงร่วมจับมือกัน  แน่วแน่ มั่นคง  ก้าวเดินอย่างมีสติ 
ไม่ประมาท  ใช้ปัญญาเป็นอาวุธพัฒนาแนวคิดก้าวทันสถานการณ์บ้านเมือง  เพื่อปลดปล่อยตัวเองและประเทศชาติออกจากระบอบอำมาตย์เผด็จการทรราชราชา ธิปไตยให้ได้     โดยศึกษาเหตุการณ์ในอดีตนำมาใช้เป็นบทเรียน  ในการต่อสู้ต้องมีการเตรียมพร้อม รอจังหวะเวลาและโอกาสที่เหมาะสม    มีการรณรงค์จัดตั้งองค์กร ที่มีระเบียบ  มีวินัย มีทฤษฎีชี้นำที่ถูกต้อง มีขบวนการนำและสร้างแนวร่วมขยายออกไปให้กว้างขวาง   มีระบอบป้องกันที่รัดกุม
 เมื่อ ถึงเวลา ลุกขึ้นพร้อมๆกัน   แล้ววันนั้นฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาธิปไตยจะเป็นของประชาชนไทย   อย่านั่งงอมืองอเท้ารอให้คนอื่นทำอยากได้อะไรก็ต้องทำเอง ประชาธิปไตยไม่ได้มาโดยการร้องขอ แต่ได้มาจากการโค่นล้มระบอบเผด็จการอันเน่าเฟะนั้นลง   แล้วสร้างสังคมระบอบใหม่ขึ้นมาแทน  สังคมที่ปกครองด้วยกฎหมายที่สถิตยุติธรรมมาตรฐานเดียว  สังคมมีมีความเสมอภาคเท่าเทียมกัน  มีความเสมอภาคทางความคิด ไม่ต้องไปนั่งกราบใหว้ใคร ไม่ต้องเป็นฝุ่นใต้ตีนของใครอีกต่อไป .... 
 โดยใช้อำนาจพลังมวลชนต่างร่วมมือร่วมใจกันเรียกร้อง  ...ปฎิเสธไม่ยอมรับระบอบการปกครองของเผด็จการ   ชัยชนะก็จะเป็นของประชาชนเจ้าของประเทศอย่าง แน่นอน.... ประชาชนจงเจริญ.....!!!
 

( หมายเหตุ-อัพเดท ให้พี่น้องประชาชนไทยเพื่อนรวมชาติได้อ่าน  คิด  พิจารณาไตร่ตรอง  ด้วยเหตุและผลบนพื้นฐานของความเป็นจริง   จะได้เข้าใจไม่สับสนรู้ทันกลเกมการเมือง"การแย่งชิงอำนาจของคู่กรณีทุก ฝ่าย"  สถานการณ์บ้านเมืองวันนี้ไม่เหมือนอดีตที่ผ่านมา   ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม  ด้วยความปราถนาดี)

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar