การสร้างเรื่องเด็กติดในถ้ำเพื่อกลบเกลื่อนการปล้นชาติของวชิราลงกรณ์
อภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของไทย.... รวยแค่ไหน !
Somsak Jeamteerasakul
คำนวนตัวเลขให้ดูกันเล่นๆ เพื่อให้เห็นภาพว่า อภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของไทย รวยแค่ไหน
เฉพาะรายได้จาก "เงินปันผล" ที่เขาจะได้ในชื่อตัวเอง จากหุ้นเครือซีเมนต์ไทย หักภาษีแล้ว ปีหนึ่งจะตกราว 6 พันกว่าล้านบาท
ดูรายละเอียด .... goo.gl/v2zkDB
คำนวนตัวเลขให้ดูกันเล่นๆ เพื่อให้เห็นภาพว่า อภิมหาเศรษฐอันดับหนึ่งของไทย รวยแค่ไหน
เฉพาะรายได้จาก "เงินปันผล" ที่เขาจะได้ในชื่อตัวเอง จากหุ้นเครือซีเมนต์ไทย (ชื่อย่อ SCG หรือ ชื่อรหัส SCC ในตลาดหลักทรัพย์) หักภาษีแล้ว ปีหนึ่งจะตกราว 6 พันกว่าล้านบาท
วิธีคำนวน
ทั้งปี 2017 และ 2016 SCG จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 2 รอบๆละครึ่งปี อัตราทั้งสองปีที่ผ่านมาเท่ากัน คือ 8.50 บาท / หุ้น สำหรับครึ่งปีแรก และ 10.50 บาท / หุ้น สำหรับครึ่งปีหลัง
ดังนั้น ถ้าเราลองใช้ตัวเลขนี้คำนวน
ต่อไปนี้ วชิราลงกรณ์มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SCG รวม 30.76% คิดเป็นจำนวนหุ้นทั้งสิ้น 369,936,900 (คือราวๆ 370 ล้านหุ้น)
เงินปันผลรอบครึ่งปีแรก ก็จะได้ 369,936,900 x 8.50 = 3,144,463,650 บาท (สามพันหนึ่งร้อยสี่สิบสี่ล้านบาทเศษ)
หักภาษี ณ ที่จ่าย (มีวิธีหักอีกแบบ คือเอาไปรวมรายได้ทั้งหมดของคนนั้น แล้วหักทีเดียว ซึ่งอัตราจะสูงกว่า ผมคิดว่า เขาคงหัก ณ ที่จ่ายมากกว่า) 10% คือหักไป 314,446,365 เหลือเป็นเงินปันผลสุทธิที่จะได้สำหรับครึ่งปีแรก 2,830,017,285 บาท (สองพันแปดร้อยล้านบาทเศษ)
เงินปันผลครึ่งปีหลัง 369,936,900 x 10.50 = 3,884,337,450 บาท (สามพันแปดร้อยล้านบาทเศษ)
หักภาษี 10% (388,433,745) เหลือเป็นเงินปันผลสุทธิ 3,495,903,705 บาท (ราวๆ สามพันห้าร้อยล้านบาท)
รวมรายได้เงินปันผลสุทธิทั้งปี 2,830,017,285 + 3,495,903,705
= 6,325,920,990 บาท หรือเกือบๆ หกพันสามร้อยยี่สิบหกล้านบาท
....................
ซึ่งเงินจำนวนนี้ เขาจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ได้ "ตามใจชอบ" ทั้งสิ้น
ยกตัวอย่างเช่น สมมุติ เขามี "พระสหายสนิท" ท่านหนึ่ง (สมมุติชื่อคุณ "ก") ที่เขารู้สึกว่าดีต่อเขามาก เขาจะแบ่งรายได้จากเงินปันผลนี้ให้สักครึ่งหนึ่ง หรือราว สามพันกว่าล้านบาท ไปเล่นๆก็ได้ (เขายังมีรายได้ทางอื่นอีกเยอะแยะ และนี่แค่ปีเดียว)
นี่เฉพาะเงินปันผล SCG เท่านั้น ใครขยัน ลองคำนวนตัวเลขแบบเดียวกันของหุ้นไทยพาณิชย์ SCB ดูเอง
....................
และอย่าลืมว่า อภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งท่านนี้ (ต่างจากเศรษฐี "กระจอกๆ" กว่า เช่นพวก เจ้าสัวเจียรวนนท์ ฯลฯ ทั้งหลาย) ยังได้เงินภาษีประชาชนที่รัฐจัดให้ (รวมถึงเงินสำหรับสร้างซ่อมแซมวัง ที่อยู่ในชื่อเขาเองแล้วตอนนี้) ปีละกว่าหมื่นล้านบาท ไปใช้จ่ายตามใจชอบอีกด้วย
ยังไม่นับ "เงินบริจาค" ที่บรรดาเจ้าสัว "กระจอกๆ" ทั้งหลายที่ว่า เอามาให้เขาอีกปีละเป็นพันล้านบาท
..................... #กษัตริย์มีไว้ทำไม
เฉพาะรายได้จาก "เงินปันผล" ที่เขาจะได้ในชื่อตัวเอง จากหุ้นเครือซีเมนต์ไทย (ชื่อย่อ SCG หรือ ชื่อรหัส SCC ในตลาดหลักทรัพย์) หักภาษีแล้ว ปีหนึ่งจะตกราว 6 พันกว่าล้านบาท
วิธีคำนวน
ทั้งปี 2017 และ 2016 SCG จ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้น 2 รอบๆละครึ่งปี อัตราทั้งสองปีที่ผ่านมาเท่ากัน คือ 8.50 บาท / หุ้น สำหรับครึ่งปีแรก และ 10.50 บาท / หุ้น สำหรับครึ่งปีหลัง
ดังนั้น ถ้าเราลองใช้ตัวเลขนี้คำนวน
ต่อไปนี้ วชิราลงกรณ์มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ SCG รวม 30.76% คิดเป็นจำนวนหุ้นทั้งสิ้น 369,936,900 (คือราวๆ 370 ล้านหุ้น)
เงินปันผลรอบครึ่งปีแรก ก็จะได้ 369,936,900 x 8.50 = 3,144,463,650 บาท (สามพันหนึ่งร้อยสี่สิบสี่ล้านบาทเศษ)
หักภาษี ณ ที่จ่าย (มีวิธีหักอีกแบบ คือเอาไปรวมรายได้ทั้งหมดของคนนั้น แล้วหักทีเดียว ซึ่งอัตราจะสูงกว่า ผมคิดว่า เขาคงหัก ณ ที่จ่ายมากกว่า) 10% คือหักไป 314,446,365 เหลือเป็นเงินปันผลสุทธิที่จะได้สำหรับครึ่งปีแรก 2,830,017,285 บาท (สองพันแปดร้อยล้านบาทเศษ)
เงินปันผลครึ่งปีหลัง 369,936,900 x 10.50 = 3,884,337,450 บาท (สามพันแปดร้อยล้านบาทเศษ)
หักภาษี 10% (388,433,745) เหลือเป็นเงินปันผลสุทธิ 3,495,903,705 บาท (ราวๆ สามพันห้าร้อยล้านบาท)
รวมรายได้เงินปันผลสุทธิทั้งปี 2,830,017,285 + 3,495,903,705
= 6,325,920,990 บาท หรือเกือบๆ หกพันสามร้อยยี่สิบหกล้านบาท
....................
ซึ่งเงินจำนวนนี้ เขาจะเอาไปใช้ทำอะไรก็ได้ "ตามใจชอบ" ทั้งสิ้น
ยกตัวอย่างเช่น สมมุติ เขามี "พระสหายสนิท" ท่านหนึ่ง (สมมุติชื่อคุณ "ก") ที่เขารู้สึกว่าดีต่อเขามาก เขาจะแบ่งรายได้จากเงินปันผลนี้ให้สักครึ่งหนึ่ง หรือราว สามพันกว่าล้านบาท ไปเล่นๆก็ได้ (เขายังมีรายได้ทางอื่นอีกเยอะแยะ และนี่แค่ปีเดียว)
นี่เฉพาะเงินปันผล SCG เท่านั้น ใครขยัน ลองคำนวนตัวเลขแบบเดียวกันของหุ้นไทยพาณิชย์ SCB ดูเอง
....................
และอย่าลืมว่า อภิมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งท่านนี้ (ต่างจากเศรษฐี "กระจอกๆ" กว่า เช่นพวก เจ้าสัวเจียรวนนท์ ฯลฯ ทั้งหลาย) ยังได้เงินภาษีประชาชนที่รัฐจัดให้ (รวมถึงเงินสำหรับสร้างซ่อมแซมวัง ที่อยู่ในชื่อเขาเองแล้วตอนนี้) ปีละกว่าหมื่นล้านบาท ไปใช้จ่ายตามใจชอบอีกด้วย
ยังไม่นับ "เงินบริจาค" ที่บรรดาเจ้าสัว "กระจอกๆ" ทั้งหลายที่ว่า เอามาให้เขาอีกปีละเป็นพันล้านบาท
..................... #กษัตริย์มีไว้ทำไม
เป็นทางการ: เผื่อใครสนใจ และยังไม่เห็น เอามาจากเว็บไซต์ Crown Property
ประกาศนี้ เฉพาะหุ้นที่(เคย)อยู่ในนาม สำนักงานทรัพย์สินฯ นะครับ
ดังที่ทราบกันว่า มีหุ้นในพระปรมาภิไธยอยู่จำนวนหนึ่งอยู่แล้ว
ดังนั้นจำนวนหุ้นในพระปรมาภิไธยทั้งหมด
จะต้องรวมกับที่มีอยู่ในพระปรมาภิไธยอยู่แล้วด้วย
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar