กษัตริย์กวี ผู้อื้อฉาวเรื่องโลกีย์
รัชกาลที่ ๒
กษัตริย์กวี
ผู้อื้อฉาวเรื่องโลกีย์
เจ้าฟ้าฉิมได้เป็นกษัตริย์องค์ต่อมา
และแต่งตั้งเจ้าฟ้าบุญรอดให้เป็นราชินีของพระองค์
รุ่งวันใหม่ของการเป็นกษัตริย์ก็มิใช่ว่าจะเป็นวันมงคลอะไร
ที่จะห้ามไม่ให้พวกศักดินาเข่นฆ่าเพื่อแย่งความเป็นใหญ่กัน เพราะพอรัชกาลที่ ๒
ขึ้นนั่งเมืองได้เพียง ๓ วัน พระองค์ก็ทรงบัญชาให้จับเจ้าฟ้าสุพันธวงศ์
หลานรัชกาลที่ ๑ และพรรคพวกไปฆ่าร้อยกว่าคน โดยกล่าวโทษว่าพวกนี้คิดจะกบฏ
ขณะเดียวกันพวกศักดินาที่บันทึกพงศาวดาร ซึ่งอยากจะยกย่องรัชกาลที่ ๒ เต็มแก่
ก็ได้แต่งนิยายหลอกเด็กว่า รัชกาลที่ ๒
รู้ว่าเจ้าฟ้าสุพันธวงศ์จะเป็นกบฏนั้นก็เพราะมีกาดำคาบหนังสือแจ้งรายชื่อพวกคิดร้ายต่อกษัตริย์
มาทิ้งในวังหลวง(๑) ทำนองสร้างเรื่องให้คนเชื่อว่า กษัตริย์มีบุญญาธิการเป็นล้นพ้น
กระทั่งกาดำสัตว์ชั้นต่ำก็ยังจงรักภักดี คาบข่าวมาทูลให้ทราบเหตุเภทภัย
เรื่องพรรค์อย่างนี้ก็ไม่รู้ว่าจะหลอกคนไปได้สักกี่น้ำ
กลับมาเรื่องคาวๆฉาวโฉ่ ใช่ว่าชราแล้วจะลดลงบ้าง ทำเอาเจ้าฟ้าบุญรอดต้องทุกข์ระทมในบั้นปลายชีวิต เพราะรัชกาลที่ ๒ ก็เหมือนกับพ่อ คือเป็นผู้มักมากในกามคุณ พอได้เมียสาวก็มักจะลืมเมียหลวง กล่าวคืออยู่มาวันหนึ่ง รัชกาลที่ ๒ ไปเห็นเอาเจ้าฟ้ากุณฑล น้องสาวคนละแม่ของตนเอง ซึ่งมีอายุเพียง ๑๘-๑๙ ปีเข้า ก็มีจิตพิศวาส จึงยกขึ้นเป็นมเหสีข้างซ้าย เคียงคู่เจ้าฟ้าบุญรอด มเหสีข้างขวา เจ้าฟ้ากุณฑลมีอายุอ่อนกว่าเจ้าฟ้าบุญรอดถึง ๓๐ ปี รัชกาลที่ ๒ จึงลุ่มหลงเป็นนักหนา ตามประสาโคเฒ่ากับหญ้าอ่อน
ในที่สุดเจ้าฟ้าบุญรอดก็ทนเห็นภาพบาดใจต่อไปมิได้ จึงหนีออกจากวังหลวง ไปอยู่ที่พระราชวังเดิมธนบุรี ไม่ยอมเข้าเฝ้ารัชกาลที่ ๒ อีก(๒)
กลับมาเรื่องคาวๆฉาวโฉ่ ใช่ว่าชราแล้วจะลดลงบ้าง ทำเอาเจ้าฟ้าบุญรอดต้องทุกข์ระทมในบั้นปลายชีวิต เพราะรัชกาลที่ ๒ ก็เหมือนกับพ่อ คือเป็นผู้มักมากในกามคุณ พอได้เมียสาวก็มักจะลืมเมียหลวง กล่าวคืออยู่มาวันหนึ่ง รัชกาลที่ ๒ ไปเห็นเอาเจ้าฟ้ากุณฑล น้องสาวคนละแม่ของตนเอง ซึ่งมีอายุเพียง ๑๘-๑๙ ปีเข้า ก็มีจิตพิศวาส จึงยกขึ้นเป็นมเหสีข้างซ้าย เคียงคู่เจ้าฟ้าบุญรอด มเหสีข้างขวา เจ้าฟ้ากุณฑลมีอายุอ่อนกว่าเจ้าฟ้าบุญรอดถึง ๓๐ ปี รัชกาลที่ ๒ จึงลุ่มหลงเป็นนักหนา ตามประสาโคเฒ่ากับหญ้าอ่อน
ในที่สุดเจ้าฟ้าบุญรอดก็ทนเห็นภาพบาดใจต่อไปมิได้ จึงหนีออกจากวังหลวง ไปอยู่ที่พระราชวังเดิมธนบุรี ไม่ยอมเข้าเฝ้ารัชกาลที่ ๒ อีก(๒)
เมื่อกล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว ต้องกล่าวว่า
เจ้าฟ้าบุญรอดนั้นยังมีชะตากรรมดีกว่าพระชนนีของรัชกาลที่ ๒ คือมเหสีของรัชกาลที่ ๑
มาก พระชนนีของรัชกาลที่ ๒
ถึงกับเคยต้องเจ็บช้ำน้ำใจเพราะถูกพระสวามีที่หน้ามืดตามัว หลงอิสตรีวัยรุ่น
วิ่งไล่ฟันด้วยดาบมาแล้ว สาเหตุที่รัชกาลที่ ๑ โกรธพระมเหสีถึงกับจะลงไม้ลงมือ
ก็เพราะว่าคืนหนึ่ง ขณะที่รัชกาลที่ ๑ เมื่อครั้งเป็นขุนนางเมืองธนบุรี
นอนเปล่าเปลี่ยวใจอยู่คนเดียวนั้น ไม่อาจทนราคะจริตอยู่ได้
เพราะพระมเหสีในขณะนั้นไปนอนอยู่กับบุตรสาวในวังพระเจ้าตากสิน
จึงวางแผนจะเรียกเด็กสาวลาวผู้หนึ่ง ซึ่งต่อมาเป็นเจ้าจอมแว่น ให้เข้าไปหาในห้องนอน
เพื่อหวังจะเผด็จสวาท แต่พระมเหสีรู้ข่าวเข้าเสียก่อน
จึงเอาไม้ตีเด็กนั้นเพราะความหึงหวง รัชกาลที่ ๑ พอรู้เข้าก็โกรธจัด
คว้าดาบไล่ไปถึงที่อยู่ของพระมเหสีแล้วจะพังประตูห้อง แต่เข้าไม่ได้
จึงฟันประตูห้องอุตลุดจะเข้าไปทำร้ายพระมเหสีให้ได้ ร้อนถึงลูกฉิม
ต้องพาแม่หนีภัยออกไปทางหน้าต่าง(๓) แต่นั้นมาแม่รัชกาลที่ ๒
ก็ไม่ยอมอาศัยอยู่ใต้ชายคาบ้านของรัชกาลที่ ๑ อีกจนตายจากกันไป(๔)
หลักฐานอ้างอิง
๑. สิริ เปรมจิตต์ พระบรมราชจักรีวงศ์ (โรงพิมพ์เสาวภาค, ๒๕๑๔) หน้า
๘๒
๒. โสมทัต เทเวศร์ เจ้าฟ้าจุฬามณี (แพร่พิทยา, ๒๕๑๓) หน้า ๑๑-๑๒
๓. บรรเจิด อินทุจันทร์ยง (รวบรวม) “เจ้าจอมแว่น” พงศาวดารกระซิบ (ประพันธ์สาสน์, ๒๕๒๑) หน้า ๑๒๙-๑๓๑ โปรดดูเทียบกับหนังสือ เรื่องโครงกระดูกในตู้ โดย มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
๔. เรื่องเดิม หน้า ๑๓๒
๒. โสมทัต เทเวศร์ เจ้าฟ้าจุฬามณี (แพร่พิทยา, ๒๕๑๓) หน้า ๑๑-๑๒
๓. บรรเจิด อินทุจันทร์ยง (รวบรวม) “เจ้าจอมแว่น” พงศาวดารกระซิบ (ประพันธ์สาสน์, ๒๕๒๑) หน้า ๑๒๙-๑๓๑ โปรดดูเทียบกับหนังสือ เรื่องโครงกระดูกในตู้ โดย มรว.คึกฤทธิ์ ปราโมช
๔. เรื่องเดิม หน้า ๑๓๒
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar