lördag 19 januari 2019

ข้อมูลประวัติศาสตร์ สำหรับใครที่ "เกิดไม่ทัน" คือ เมื่อ 12 ปีก่อน ยังไม่มีความสนใจปัญหาชายแดนภาคใต้ ...


ข้อมูลประวัติศาสตร์ครับ สำหรับใครที่ "เกิดไม่ทัน" คือ เมื่อ 12 ปีก่อน ยังไม่มีความสนใจปัญหาชายแดนภาคใต้
สปีชพระราชินี และการวิจารณ์ของสุรยุทธ์ จุลานนท์
วันที่ 16 พฤศจิกายน 2547 พระราชินีทรงมีสปีชเกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ ซึ่งมีลักษณะ "สู้รบ" มาก ทรงลงท้ายสปีช ดังนี้
".....ข้าพเจ้าก็สัญญาว่า ข้าพเจ้า 72 แล้ว จะไปหัดยิงปืนใหม่แล้ว โดยไม่ต้องใส่แว่น ก็ยิงมันไปก็แล้วกัน...."
อ่านสปีชเต็มๆได้ที่นี่ http://goo.gl/QAm27D (ผู้จัดการ แยกพิมพ์สปีช 2 หน้าเว็บไซต์ ลิงค์ที่ให้นี้เป็นหน้า 2 ที่มีข้อความข้างต้น อยู่ตอนท้ายสปีช)
ไม่กี่เดือนต่อมา สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้คุยกับทูตสหรัฐ (ตามบันทึกโทรเลขวิกิลีกส์ 05BANGKOK1233 ลงวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2548)
สุรยุทธ์ เริ่มจากการบอกว่า ก่อนสปีชเขาได้แนะนำควีนว่า อย่าลงไปในรายละเอียด (นัยยะคือ ควีนไม่ได้ทำตามคำแนะนำเขา)
"สุรยุทธ์...เสริมว่าการออกความเห็นของพระราชินี ไม่เป็นผลดี [ในการจัดการปัญหาภาคใต้] เท่าไร.... ยิ่งกว่านั้น สุรยุทธ์ยังคาดการณ์ว่า ที่ในหลวงไม่ทรงมีพระราชดำรัสอะไรเกี่ยวกับสถานการณ์ทางใต้ในพระราชดำรัสวันเฉลิมพระชนม์พรรษา 5 ธันวาคม ก็เพราะเป็นผลมาจากการแสดงความเห็นของพระราชินี. ในหลวงทรงมีทัศนะเกี่ยวกับสถานการณ์ภาคใต้ต่างจากพระราชินี แต่ไม่ทรงต้องการทำให้เป็นที่รับรู้กันทั่วอย่างชัดเจน [ถ้าในหลวงทรงมีพระราชดำรัสออกไป ก็จะทำให้คนเห็นความแตกต่าง - สศจ]"




ถ้าคิดดูดีๆนะ วงการสงฆ์ไทยกับกองทัพ มีอะไรเหมือนๆกันหลายอย่างมาก
เริ่มจากการแพร่หลายของคอร์รัปชั่นทางการเงิน คือวงเงินหมุนเวียนในแวดวงเป็นหมื่นๆล้าน ใช้จ่ายกันอีเหละเขะขะ กิน ตัดหัวคิว ฯลฯ แล้วก็แทบไม่เคยมีการตรวจสอบเลย (เรื่องนี้เผลอๆ วงการสงฆ์นี่ยิ่งกว่ากองทัพอีก อย่างน้อยกองทัพมันมีระเบียบราชการส่วนหนึ่ง เรืองเงินๆทองๆใน "วัด" และของ "พระ" นี่ ไม่มีใครกล้าแตะ)
ต่อมาก็เรื่องบ้าตำแหน่ง แย่งชิง เล่นพรรคพวก สร้างเครือข่าย ระบบอุปถัมภ์ ฯลฯ (เรื่องนี้ วงการสงฆ์อาจจะแย่กว่าในแง่หนึ่งที่ว่า สงฆ์เป็นคนที่สมมุติว่าไม่สนใจเรื่องยศถาบรรดาศักดิ์ ฯลฯ)
แน่นอน มันมีความแตกต่างสำคัญในแง่กองทัพมีอำนาจการเมืองแบบตรง ใช้อาวุธยึดอำนาจ ในแง่นี้ สงฆ์ไทยไม่ได้มีอำนาจทางการเมืองในลักษณะนั้น แต่อำนาจเชิงสังคมมีมหาศาลมาก และลักษณะอภิสิทธิ์ แตะต้องไม่ได้ เผลอๆจะมากกว่ากองทัพเสียอีก (มองในภาพรวมนะ ไมใช่หมายถึงเฉพาะรายๆบางราย)
ในระยะยาว นี่เป็นเรื่องใหญ่ในการปฏิรูปสังคมไทยในทิศทางประชาธิปไตย
.............
ปล. บอกตรงๆว่า น่าผิดหวังว่า ขบวนเสื้อแดง ทั้งระดับมวลชนไปถึงระดับแกนนำ (นปช พรรคเพื่อไทย) ในเรืองศาสนานี้ ในสัดส่วนที่ใหญ่มาก มีจุดยืนและท่าทีที่แย่ ขัดแย้งทิศทาง ปชต มาตลอด กรณีการเชียร์ธรรมกาย หรือเชียร์เรืองศาสนาประจำชาติ เป็นอะไรทีผิดทิศทาง ปชต ในระยะยาวจะเป็นปัญหา

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar