onsdag 30 januari 2019

updated..ข่าว "วงใน/ลือ" เรื่องทักษิณเจรจากับกษัตริย์ใหม่?




ข่าว "วงใน/ลือ" เรื่องทักษิณเจรจากับกษัตริย์ใหม่?
http://www.atimes.com/article/prayuths-grip-starts-slip//

บทความล่าสุดของคุณชอน คริสปิน (Shawn Crispin) พาดหัว "อำนาจเริ่มค่อยๆหลุดจากมือประยุทธ์" ข้อเสนอหลักของเขาคือ กษัตริย์ใหม่เริ่มกระชับอำนาจตัวเอง ทำให้อำนาจเด็ดขาดที่เคยอยู่ในมือประยุทธ์เริ่มลดลง
โดยส่วนตัว ผมไม่ค่อยเห็นด้วยกับการประเมิน-วิเคราะห์ของคุณคริสปิน แต่นำมาให้ดู เพื่อให้คนอ่านได้ติดตามว่า มีการพูดเรื่องนี้อย่างไร
คุณคริสปินไล่เรียงเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้นในระยะนี้มารายงาน (แต่ไม่มีพูดเรื่องธรรมกายและเรื่องจุมพล - ไม่แน่ใจว่าทำไม) โดยเฉพาะเรื่องกษัตริย์ใหม่ให้แก้รัฐธรรมนูญ เรื่ององคมนตรีทหารที่กษัตริย์ใหม่ตั้ง (ดาว์พงศ์ ฯลฯ) แล้วตามข่าวกรองของคริสปิน กษัตริย์ใหม่ส่งให้ไปคอยประสานงานกับรัฐบาล เช่นที่กระทรวงมหาดไทยและภาคใต้ และเรื่องที่กษัตริย์ใหม่สั่งให้เกิดการ "ปรองดอง" แล้วประยุทธ์-ประวิตร เอามาทำต่อ
ประเด็นหนึ่งที่คริสปินเสนอให้จับตามอง คือเรื่องอำนาจคุมกองทัพ ซึ่งหลายปีที่ผ่านมา อยู่ในมือของ "ทหารเสือราชินี" คือกลุ่มทหารที่ขึ้นมาเป็นใหญ่ได้เพราะความใกล้ชิดกับราชินีสิริกิติ์ แต่ตอนนี้ ผบ.ทบ.เป็นคนที่มาจากกลุ่มอื่น (อันที่จริง คุณคริสปินไม่ได้กล่าวไว้ - อาจจะไม่มีข้อมูลนี้ก็ได้ - ว่า มีการพูดกันว่า ผบ.ทบ.คนใหม่ขึ้นมาแบบ "แหกโผ" ได้ ด้วยการสนับสนุนของกษัตริย์ใหม่ - เรื่องนี้มีคนบอกผมมาสักระยะหนึ่ง ดูเหมือนผมเคยพูดแบบผ่านๆไปเหมือนกัน แต่ต่อให้จริง ผมก็ให้น้ำหนักความหมายไม่มาก) และอีกคนที่กำลังเป็น "ดาวรุ่ง" ของกองทัพคือ อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ซึ่งมีความใกล้ชิดกับกษัตริย์ใหม่ และอาจจะได้เป็น ผบ.ทบ.ในอนาคต
ประเด็นใหญ่ที่คริสปินเล่า คือเรื่องที่ว่า มีข่าว "วงใน" จากวงการทูตและวงการรัฐบาล ว่า กษัตริย์ใหม่เคยส่งตัวแทนพบปะเจรจากับทักษิณครั้งหนึ่ง
Diplomats and a government official who requested anonymity say that exiled former premier and Peua Thai party de facto leader Thaksin Shinawatra met in November in London with a senior royal representative who reportedly flew to the United Kingdom from Germany aboard Thaksin’s private jet.
According to the same envoys, Thaksin has since been offered terms as part of a reconciliation deal that would allow for his return from exile in exchange for a vow not to reenter politics for 10 years and payment of fines related to his corruption conviction. It is unclear if Thaksin would be required to serve any of his two-year prison sentence under the apparent proposal. (Thaksin could not be reached for comment.)
[แปลแบบคร่าวๆ: แหล่งข่าวการทูตและรัฐบาลบอกว่า เดือนพฤศจิกายน ในลอนดอน ทักษิณได้พบกับตัวแทนอาวุโสของกษัตริย์ใหม่ ที่บินจากเยอรมันมาอังกฤษโดยเครื่องบินส่วนตัวของทักษิณ แหล่งข่าวบอกว่าทักษิณเสนอเงื่อนไขของการปรองดองว่า อนุญาตให้เขากลับไทยได้ โดยเขายอมแลกเปลี่ยนด้วยการไม่ยุ่งการเมืองเป็นเวลา 10 ปี ส่วนเรื่องทักษิณจะยอมติดคุก 2 ปีหรือไม่ ไม่ชัดเจนว่าจะเอายังไง]
ผมไม่ได้ยินเรื่องทักษิณพบผู้แทนกษัตริย์ใหม่ที่คริสปินเล่านี้ (ควรกล่าวด้วยว่า คุณแอนดรู เขาก็อ้างคล้ายคริสปินว่า มีการพบปะเจรจาระหว่างตัวแทนกษัตริย์ใหม่กับทักษิณ แม้จนขณะนี้)
...............
โดยรวม ดังที่กล่าวข้างต้น ผมไม่ถึงกับเห็นด้วยกับการวิเคราะห์ของคุณคริสปินนี้ (ผมคิดว่า เขา "อ่าน" กรณีบางอย่าง "มากไป" [read too much into] รวมถึงข้อมูลบางอย่างที่ผมยังไม่ค่อยเชื่อนัก เช่นเรื่องตัวแทนกษัตริย์ใหม่เจรจาทักษิณ - จะว่าไป ก็คล้ายๆกรณีคุณแอนดรู ซึ่งผมรู้สึกว่าบางครั้ง "อ่านมากไป" และเชื่อข้อมูลที่ยืนยันไม่ได้มากไปเหมือนกัน)
ในภาพรวม ผมยังมองว่า การแทรกแซงกระชับอำนาจของกษัตริย์ใหม่ มีลักษณะ "จำกัด" เฉพาะในแวดวงวังของตัวเอง (รวมถึงเรื่องแก้รัฐธรรมนูญ ที่น่าจะจำกัดที่เรื่องอำนาจตัวเอง - แต่ต้องรอดูเหมือนกัน บางเสียงก็บอกว่า ได้ยินว่า ข้อเสนอแก้รัฐธรรมนูญของกษัตริย์ใหม่ อาจจะล่วงเลยไปถึงโครงสร้างการเมืองอื่นที่ไม่เกี่ยวกับกษัตริย์บางอย่าง - ผมยังไม่ถึงกับเชื่อนัก แค่บอกไว้) แม้แต่กรณี "ธรรมกาย" ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ ในขณะที่หลายวันนี้ เสื้อแดงและคนเชียร์ธรรมกายจำนวนมาก มองว่าเป็นเรื่อง "ใบสั่ง" ของกษัตริย์ใหม่ (และพวกที่คิดจะหวังพึ่งกษัตริย์ใหม่ ก็เลยอกหักไปตามๆกันเพราะเหตุนี้) ผมซึ่งไม่ใช่ "แฟนการเมือง" ของกษัตริย์ใหม่แน่ๆ กลับโน้มเอียงไปทางมองว่า เรื่องนี้กษัตริย์ใหม่ไม่ได้เกี่ยวโดยตรง คือเหมือนเรื่องการเมืองในภาพรวม กษัตริย์ใหม่ปล่อยให้เป็นการจัดการของ คสช. ตัวกษัตริย์ใหม่เองจริงๆ ความสนใจจำกัดเฉพาะเรื่องในแวดวงวังของตัวเองมากกว่า แต่เรื่องนี้ผมอาจจะประเมินพลาดก็ได้ (จริงๆแล้ว การที่ผมมองว่า กษัตริย์ใหม่ไม่ได้ยุ่งโดยตรง เพียงแต่ปล่อยให้ คสช.จัดการไปเอง ในแง่หนึ่งก็เท่ากับคล้อยตาม ไม่คัดค้าน คือ "เอาด้วย" โดยปริยายเหมือนกัน แม้จะไม่ได้ active ในการจัดการ) ซึ่งถ้าเช่นนั้น ในทางกลับกัน ยิ่งถ้ากรณีธรรมกาย เป็นเรื่องกษัตริย์ใหม่รู้เห็นเกี่ยวข้องโดยตรง ก็ยิ่งเป็นการแย้งการวิเคราะห์ของคุณคริสปินเข้าไปใหญ่ เพราะทิศทางการล้มธรรมกายในขณะนี้ ตรงข้ามกับการจะเจรจาคืนดีกับทักษิณ แต่เป็นส่วนหนึ่งของการพยายามล้มเครือข่ายที่เป็นพันธมิตรทักษิณ (ไม่ต้องพูดถึงกรณีจุมพล ซึ่งผมก็ยังมองว่าเป็นเรืองภายในวังเป็นหลักมากกว่าเหมือนกัน แม้จะมีนัยยะเรื่องทักษิณอยู่ - มีคนบอกผมประมาณว่า กษัตริย์ใหม่ "น้อยใจ" หรือหงุดหงิดที่จุมพลเห็นความสำคัญของทักษิณมากเกินไป ประมาณว่า "มรึงทำงานให้กรูแท้ๆ เสือกคอยห่วงใยแม้วทำไมฟะ" อะไรแบบนั้น)
.................
สรุปแล้ว เรื่องทั้งหมดนี้ ผมเพียงแต่เล่าให้ฟัง ปกติ ถ้าไม่มีใครพูดในที่สาธารณะมากๆ (อย่างกรณีคุณคริสปินนี้) ผมก็ไม่พูดไปก่อน เพราะยังแค่ติดตาม "ฟังหูไว้หู" ไว้เท่านั้น และก็อยากเสนอให้คนอ่านเพียงติดตามและ "ฟังหูไว้หู" ไว้ คือรู้ว่า มีการพูดเรื่องพวกนี้ยังไงเท่านั้น


"พระบรม" เป็นกษัตริย์แล้ว คุมทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์นับแสนล้านบาท ไม่ต้องพึ่งเงินทักษิณในการสนับสนุนไลฟ์สไตล์ของพระองค์แล้ว : อนุสนธิกรณี จุมพล มั่นหมาย "ดวงตก"
(คำอธิบายว่า ทำไมผมจึงใช้ภาพประกอบที่เห็น อยู่ตอนท้ายกระทู้)
ป่านนี้ ทุกคนคงรู้แล้วว่า วันนี้ สตช.ได้ออกมา "ยืนยัน" เรื่องจะดำเนินคดีกับจุมพล มั่นหมาย สื่อทุกฉบับก็ได้ลงข่าวนี้แล้ว อันที่จริง ถ้าอ่านละเอียด จะเห็นว่า ที่ว่า สตช.ออกมา "ยืนยัน" หรือ "ชี้แจง" นั้น แท้จริง ไม่ใช่การแถลงข่าวอะไร เนื้อหาที่ลงๆกันทุกฉบับวันนี้ ก็คือตัวคำร้องเรียน ที่มีการเผยแพร่ทางไทยรัฐตั้งแต่วันแรกนั่นแหละ ("ข่าว"ออกมาเหมือนกันทุกฉบับ คือลอกคำร้องเรียนนั้นมา) สะท้อนว่า ตั้งแต่วันแรก เรื่องนี้ไม่ใช่การ "หลุด" โดยบังเอิญ คือมีการปล่อยเอกสารนี้มาให้ นสพ. (อันที่จริง ผมรู้ตั้งแต่วันแรกว่า มีฉบับอื่นได้รับเหมือนกัน แต่เขาไม่กล้าลง) ปัญหาคือหลายวันที่ผ่านมา นสพ.ต่างๆไม่แน่ใจว่า จะลงได้ไหม ขืนสุ่มสี่สุ่มห้าลงไป แล้วเกิดทางวังไม่พอใจขึ้นมาจะยุ่ง ก็เลยไม่กล้า (หรือกรณีไทยรัฐลงแล้ว ก็เลยลบ ไทยรัฐตอนแรกอาจจะคิดว่าลงได้ แล้วลังเลขึ้นมา)
การ "แถลงข่าว" ของ สตช.วันนี้ ก็คือบอกว่า "เฮ้ย พวกคุณ ลงข่าวไปได้เลย คำร้องเรียนที่ได้กันน่ะ" นั่นคือ สตช. "ไฟเขียว" นสพ. ว่า ลงข่าว(คำร้องเรียน)นั้นได้
ที่ สตช.ออกมา "ไฟเขียว" นสพ. เช่นนี้ แน่นอนล้านเปอร์เซนต์ว่า ต้องได้ "ไฟเขียว" จากวัง คือจากกษัตริย์ใหม่แล้ว ไม่งั้น สตช.ไม่กล้าออกมา "ไฟเขียว" นสพ. หรอก
ตอนนี้ ปัญหาอยู่แค่ว่า กษัตริย์ใหม่จะเอายังไงกับจุมพลต่อไป คือจะเขี่ยออกจากตำแหน่งเลยและอาจจะถึงขั้นให้ สตช.ดำเนินคดีลงโทษด้วย (เหมือนพวกพงษ์พัฒน์ หมอหยอง) หรืออาจจะแค่ให้ออกจากตำแหน่ง แต่ไม่สั่งให้ตำรวจดำเนินคดีต่อ หรือว่า อาจจะแค่ "สั่งสอน" คือแค่ไฟเขียวให้ข่าวไม่ดีเกี่ยวกับเขาออกมาแค่นี้ แล้วสั่งให้เรื่องเงียบ จุมพล "สำนึกผิด" ยอมให้อยู่ต่อ ฯลฯ คือความเป็นไปได้ต่างๆนี้ ยังมีอยู่ อย่างที่เคยพูดหลายครั้ง กษัตริย์ใหม่ unpredictable ทำอะไรตามพระใจชอบอยู่ ถึงเวลาอาจจะ "ให้อภัย" หยุดแค่นี้ ไม่ลงโทษอะไรก็ได้ (ใครตามเฟซบุ๊คผมประจำ คงเคยเห็นกรณีที่ข้าราชการในวังของพระองค์บางคนถูกไล่ออก ถอดยศ แล้วคืนให้ก็มี)
............
ถ้าตามข้อมูลวิกิลีกส์ที่ผมโพสต์ให้ดูเป็นความจริง (goo.gl/62ncHD) คือความสัมพันธ์หรือความสำคัญของจุมพลกับพระบรมในอดีต (ถึงขั้นพระบรมฯเคยพยายามดันให้เป็นผู้บัญชาการตำรวจ) คือการที่จุมพล เป็น "คนขนกระเป๋า(เงิน)" [bag man] คอยเอาเงินที่ทักษิณให้พระบรมมาส่ง (เรื่องที่ทักษิณให้เงินพระบรม เป็นอะไรที่่เรียกว่าแน่นอน ปัญหาว่า ทักษิณเอาเงินจากไหน เงินตัวเองหรือเงินจากกองทุนหวยบนดินตามที่วิกิลีกส์บอก เป็นอะไรที่เช็คไม่ได้ แต่ให้น่ะ ให้แน่)
พูดง่ายๆว่า ในอดีต พระบรมมีเหตุที่จะทรง "โปรดปราน" หรือไว้ใจจุมพล (และโดยความสัมพันธ์เช่นนี้ ก็มีเหตุที่อย่างน้อยต้อง"เกรงใจ"หรือ"พึ่งพิง"ทักษิณในบางระดับ)
แต่ตอนนี้ พระบรมเป็นกษัตริย์ คุมเงินสำนักงานทรัพย์สินฯมูลค่าเป็นแสนล้านบาท และตามกฎหมายทรัพย์สินฯ ให้อำนาจที่จะสั่งหรือเซ็นให้เอารายได้ไปใช้ยังไงก็ได้ "ตามพระราชอัธยาศัยไม่ว่าในกรณีใดๆ" (มาตรา ๖ พรบ.ทรัพย์สินฯ) คือใช้ยังไงก็ได้ตามใจชอบ ความที่ต้องพึ่งทักษิณอยู่บ้าง เพื่อสนับสนุนไลฟ์สไตล์ของพระองค์ และเป็นเหตุให้โปรดหรือไว้ใจจุมพล ก็ไม่มีแล้ว (ควรอธิบายเพิ่มนิด รายจ่ายสนับสนุนไลฟ์สไตล์พระบรมฯ-กษัตริย์ใหม่ อย่างกรณีที่เยอรมันน่ะ ส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง เขียนเข้าไปในงบประมาณกลางของรัฐ เช่นงบประมาณเงินอุดหนุนเรื่อง "ดูแลวัง" และอีกสารพัด แต่ว่า ยังไงส่วนนี้ ก็มี "ข้อจำกัด" ในระดับหนึ่ง การที่ทักษิณช่วยเงินพระบรมฯ ก็เพราะเงินตามงบประมาณยังไม่พอ เพราะไลฟ์สไตล์แบบพระองค์มันแพงมากน่ะ)
ตอนนี้ ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ถ้าพระบรมฯจะสั่งให้โอนรายได้ส่วนหนึ่งของสำนักงานทรัพย์สินฯ เข้ามาเป็นค่าใช้จ่ายสนับสนุนไลฟ์สไตล์ของพระองค์ เพราะกฎหมายทรัพย์สินฯให้ทำได้เต็มที่อยู่แล้ว (มาตรา ๖ ที่เพิ่งยกให้ดู)
ผมยังจำได้ว่า สมัยที่ผมเริ่มพูดเรื่องปัญหา พรบ.ทรัพย์สินฯใหม่ๆ แล้วคนรักเจ้าบางคนมาเถียง มาด่าผม คนเหล่านี้ ดูก็รู้ว่า ที่ "รักเจ้า" ความจริงคือรักในหลวงภูมิพล แต่ไม่ได้ปลื้มอะไรกับพระบรมฯหรอก บางคนถามผมประมาณว่า "ทำไมต้องมาวิจารณ์เจ้าตอนนี้" (นัยยะคือ รอให้ในหลวงภูมิพลไม่อยู่ ไม่ได้หรือ) ผมยังเคยพูดแบบกึ่งขำกึ่งจริงว่า ความจริง พวกคุณควรสนับสนุนข้อเสนอเรื่องแก้ไข พรบ.ทรัพย์สินฯของผมตั้งแต่ตอนนี้(คือตอนนั้น)เลย เพราะเกิดในหลวงภูมิพลไม่อยู่ขึ้นมา การควบคุมทรัพย์สินมหาศาลนี้จะตกในมือพระบรม ถึงตอนนั้น จะแก้ก็ไม่ได้แล้ว
...............
ภาพประกอบกระทู้ หลายคนน่าจะจำได้ เป็นเอกสารที่ในหลวงภูมิพลเซ็นชื่ออนุมัติให้เอาเงิน ๒๐๐ ล้านบาท ให้คุณศรีรัศมิ์ (เป็นค่าทำขวัญการหย่า) ตอนนั้นในหลวงภูมิพลเรียกว่าป่วยมากแล้ว ลายเซ็นแสดงความอ่อนพลกำลังมาก (ผมเคยเปรียบเทียบกับลายเซ็นปกติของพระองค์ให้ดู)
เอกสารอีกฉบับที่คู่กัน คือ คำชี้แจงหรือขอร้องของ รมต.คลัง ว่าสื่ออย่าไปลงข่าวเรื่องนี้
ขอให้สังเกตว่า ในหนังสือลายเซ็นในหลวง ที่มีถึง รมต.คลัง ในฐานะ "ประธานบอร์ด" สำนักงานทรัพย์สินฯนั้น เป็นเพียงการแจ้งให้ทราบ คือ รมต.คลังไม่ได้มีอำนาจใดๆในการตัดสินเรื่องจะใช้จ่ายเงินทรัพย์สินฯเลย ตามกฎหมายก็เป็นแบบนั้นมาตลอด ดังที่ผมพูดแล้วพูดอีก (แต่คนรักเจ้าและรัฐไทย ก็พยายามแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ประมาณว่า "สนง.ทรัพย์สินฯ 'ขึ้นกับ' หรือ 'อยู่ในการดูแล' ของ กท.การคลัง" นี่เป็นเรื่องโกหกล้วนๆ)
ยิ่งถ้าดูคำชี้แจงของ รมต.คลัง จะเห็นว่า เขียนไว้ชัดว่า ครั้งนั้นเป็นเรื่องพระบรมฯขอเงินจำนวนนี้ ("ได้ดำเนินการตามที่สมเด็จพระบรมฯ...มีพระราชประสงค์ขอรับเงิน...") คือไม่มีแม้แต่เอ่ยชื่อในหลวงเลยด้วยซ้ำ
แต่สมัยนั้น อย่างน้อยพระบรมฯยังต้องขอลายเซ็นในหลวงอยู่ ตอนนี้ ทรงเซ็นเอง อนุมัติการใช้จ่ายเงินใดๆของสำนักงานทรัพย์สินฯได้ "ตามพระราชอัธยาศัยไม่ว่าในกรณีใดๆ" แล้ว และเป็นผู้เดียวที่มีอำนาจเช่นนี้* คือต่อให้เซ็นให้โอนไปใช้ในเรื่องไลฟ์สไตล์ส่วนตัวใดๆ ก็ "ไม่ผิดกฎหมาย" และ(เช่นที่เป็นมาแต่ไหนแต่ไร)ไม่มีใครสามารถตรวจสอบใดๆได้ (อันที่จริง กรณีเงิน ๒๐๐ ล้าน สำหรับ "ทำขวัญหย่า" ก็เรื่องส่วนตัวนั่นแหละ)
...................
* ตามมาตรา ๖ "รายได้[ของทรัพย์สินฯ] จะจำหน่ายใช้สอยได้ก็แต่โดยพระมหากษัตริย์ตามพระราชอัธยาศัยไม่ว่าในกรณีใดๆ" หลังจากนั้น มีข้อความให้อำนาจ "คณะผู้สำเร็จฯ" ใช้สอยเหมือนกัน แต่จำกัดเฉพาะกรณี พูดง่ายๆคือมีแต่กษัตริย์เท่านั้น ที่จะเอาเงินทรัพย์สินไปใช้ทำอะไรก็ได้ ("ไม่ว่าในกรณีใดๆตามพระราชอัธยาศัย" - คือตามใจชอบ) ผู้สำเร็จฯถ้ามี (ซึ่ง รธน.ที่กษัตริย์ให้แก้ใหม่ ก็ไม่จำเป็นต้องมี) จะใช้ก็ในกรณีจำกัด

Image may contain: text

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar