fredag 9 augusti 2019

แนวร่วมต้านตู่แห่งชาติ :คอลัมน์ ใบตองแห้ง


แนวร่วมต้านตู่แห่งชาติ :คอลัมน์ ใบตองแห้ง

ประยุทธ์กินทุเรียนมากจนเพลีย หรือโดนหนามตำจนป่วย จึงขอโทษ ครม. ขอรับผิดชอบแต่ผู้เดียว ในเรื่องที่เกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ โฆษกรัฐบาลอ้างว่าไม่เกี่ยวกับเรื่องถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ มโนกันไปได้ว่า นายกฯ จะลาออก

ก็ใช่ ทำทุกอย่างเพื่อสืบทอดอำนาจ จะมาไขก๊อกง่ายๆ ได้อย่างไร ส่วนจะหาทางออกแบบไหน ก็ไม่รู้สิ เรื่องที่วิษณุ บริกรยังตอบไม่ได้ ไม่รู้ ไม่ทราบ ไม่ตอบ หาดูไม่ง่ายนัก

แต่เชื่อเหอะ ยังไงๆ รัฐบาลก็อยู่ได้ ถึงถูกกระหน่ำเพียงไร นี่เป็นภาพสะท้อน ว่ารัฐบาลประยุทธ์ 2 จะอยู่แบบนี้แหละ คือถูกวิพากษ์วิจารณ์หนักแค่ไหนก็ไม่แยแส อะไรที่ผิดเห็นๆ เดี๋ยวก็หาทางออกจนได้
เช่นเดียวกับเสถียรภาพรัฐบาล ที่พรรคเล็กออกอาการงอน เป็นรัฐบาลไม่มีตำแหน่ง ถอนตัวไปเป็นฝ่ายค้านอิสระ ยังจะ “มีราคา” มากกว่า ไม่ต้องมาร่วมรับผิดชอบผลงาน หรือเสียงวิจารณ์ จะผ่านงบผ่านกฎหมาย ก็ต่อรองเป็นครั้งๆ ไป

ความเป็นจริง ก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว อย่าคิดว่ารัฐบาลเสียงน้อยกว่า 250 จะอยู่ไม่ได้ ยังมีเงื่อนไขกลไกอีกมากมาย เอาไว้ช่วยค้ำจุน ปัดโธ่ พรรคเล็กจะมาต่อรองอะไร ถ้าไม่ใช่สูตรทศนิยมของ กกต. ก็ไม่ได้เป็น ส.ส.

รัฐบาลประยุทธ์ 2 ต้องการอยู่อย่างน้อย 1-2 ปี เพื่อลบล้างอุดมการณ์ทางการเมือง ที่ต่อสู้กันในการเลือกตั้ง “ต้านสืบทอดอำนาจ Vs เลือกความสงบจบที่ตู่” ขอเวลาอีกไม่นาน เลือกตั้งครั้งหน้า ฝ่ายค้านก็จะอ้างไม่ได้แล้วนะว่าสืบทอดอำนาจเผด็จการ

ทั้งที่ 5 ปีแรกยังมี 250 ส.ว.ตู่ตั้ง 6 ผบ.เหล่าทัพนั่งโดยตำแหน่งควบกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ บวกองค์กรอิสระที่สรรหาในยุค คสช. ต่อเนื่องยุค 250 ส.ว. อยู่ไปอีก 7+7 ปี

ขอเวลาอีกไม่นาน รัฐบาลจะอัดฉีดนโยบายประชานิยมต่างๆ ทั้งของพรรคแกนนำและพรรคร่วม เช่น ประกันราคาปาล์ม ยาง (ไม่ต้องไปขายดาวอังคารแล้วนะ) ชดเชยช่วยเหลือชาวนา เพิ่มมูลค่าบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ปลูกกัญชา(เกือบ)เสรี ขึ้นค่าแท็กซี่ ฯลฯ (เพียงเสียดายรถไฟฟ้า 15 บาท ถูกหัวหน้ารัฐบาลที่แล้วเบรกหัวทิ่ม)

พรรคเพื่อไทยเจ้าเก่า จะเอาอะไรมาสู้ ทักษิณก็โดนพิจารณาคดีลับหลังถี่ยิบ เอ๋ ปารีณา กล่าวหาโต้งๆ ว่าเป็นคนไม่ดี อยู่เบื้องหลังระเบิด ก็ฟ้องไม่ได้ เพราะกฎหมายใหม่ คนหนีคดีถูกตัดสิทธิฟ้องคดีอาญาเอาผิดคนอื่น

ส.ส.เพื่อไทย เหลียวซ้ายแลขวา ก็จะเห็น ส.ส.รัฐบาลหรือ ส.ส.สอบตก ได้โครงการพัฒนาต่างๆ ลงพื้นที่ครึกครื้น (ขออย่าไปทำสนามฟุตซอลก็แล้วกัน) ไม่อยากได้ “โปรย้ายค่าย” ให้รู้ไป

ส่วนพรรคอนาคตใหม่ ที่มาแรง ทั้งตัวธนาธรและพรรคต้องคดีในศาลรัฐธรรมนูญ สมมติศาลชี้ขาดคุณสมบัติ หรือ “ล้มล้างระบอบ” แม้ไม่ถึงกับแตกกระฉานซ่านเซ็นก็ต้องถอยไปตั้งหลักใหม่ ถูกทำลายพลัง ถูกปลุกความเกลียดชัง เลือกตั้งครั้งหน้าจะถูกรุมกินโต๊ะโดยพลังอนุรักษนิยม อิทธิพลท้องถิ่น และกลุ่มทุน
ขอเวลาอีกไม่นาน สัก 2 ปีก็พอ ถ้าเป็นไปตามคาด พลังอำนาจรัฐจะกวาด ส.ส. เอาชนะฝ่ายต้านสืบทอดอำนาจอย่างเบ็ดเสร็จ นำประเทศถอยหลังทางประชาธิปไตยไปมากกว่า 40 ปี

หมายเหตุคือ “ถ้าเป็นไปตามคาด” ซึ่งได้แก่ นโยบายประชานิยมสามารถทำได้จริง ไม่ว่าจะต้องผลาญงบเกินดุลเพียงไร เศรษฐกิจไม่วิบัติ ปากท้องประชาชนดีขึ้น ในขณะที่ต้องยังทุ่มงบความมั่นคง เอาใจกองทัพ รัฐราชการใหญ่โตเทอะทะ

ซึ่งแน่ละ เวลาแค่ปีสองปี ภาระงบประมาณยังแบกไหว ยังซื้อเรือดำน้ำพร้อมประกันราคาพืชผลได้สบายๆ แต่เศรษฐกิจจะดีขึ้นจริงไหม ไม่มีใครรับประกัน

ในขณะเดียวกัน ความหวังที่จะทำลายพรรคฝ่ายค้าน การใช้ประชานิยมแย่งชิงมวลชน แม้ดูเหมือนไม่ยาก แต่การทำลายพรรคการเมืองไม่สามารถทำลายพลังประชาธิปไตย ซึ่งจะยิ่งขยายตัวขึ้นท่ามกลางความขัดแย้ง

พลังทางสังคม พลังของคนรุ่นใหม่ หรือแม้แต่พลังเก่าๆ ที่รับไม่ได้กับรัฐราชการเป็นใหญ่ รัฐสืบทอดอำนาจผสมพันธุ์นักการเมืองเก่า จะขยายตัวขึ้นโดยไม่ใช่เกาะเกี่ยวอยู่กับพรรคเพื่อไทยหรืออนาคตใหม่เท่านั้น แม้แต่พลังที่เคยไล่ทักษิณยิ่งลักษณ์ ก็มีโอกาสแยกตัวออกจากพลังอนุรักษ์สุดโต่งที่เชียร์ประยุทธ์อยู่ทุกวันนี้

นี่ไม่ใช่พูดเพียงเพราะเห็นกษิต ภิรมย์ “อาหารดี ดนตรีไพเราะ” ขึ้นเวทีแก้รัฐธรรมนูญกับอนาคตใหม่ แต่ทิศทางต่อไปจะเห็นชัดว่า ในขณะที่พลังอำนาจรัฐมุ่งใช้ประชานิยมแย่งชิงมวลชนเพื่อไทยในชนบท คนชั้นกลางในเมืองที่ไม่พอใจรัฐบาล ไม่พอใจระบอบนี้ ก็จะมากขึ้นทุกที

พลังเหล่านี้จะเป็นไปโดยธรรมชาติ มีทั้งจุดร่วมจุดต่างหรือกระทั่งเป็นปรปักษ์กัน แต่ไม่พอใจรัฐบาลเหมือนกัน เพียงยังไม่มีใครรู้ว่าถึงจุดไหน จึงจะเป็นจุดปะทุให้เกิด “แนวร่วมต่อต้านตู่แห่งชาติ” ที่ทรงพลัง

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar