เรียน อาจารย์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และอาจารย์ในกลุ่มนิติราษฏร์ทุกท่าน
เรื่อง ขอเป็นกำลังใจในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
อาจารย์ครับ ผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะสื่อถึงอาจารย์ และคณาจารย์ทุกท่านในกลุ่มนิติราษฏร์ อย่างไรดี
วันนี้ คลื่นลมทางการเมือง และรังสีแห่งความอำมหิต มันถูกจุดขึ้นเพื่อกลบเกลื่อน ข้อคิดที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า เหล่านักวิชาการหลายคน จนแม้แต่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโน จะ กล้าออกมาใช้อารมณ์ เป็นที่ตั้ง วิพาก ด่ากราด นิติราษฏร์ โดยไม่เคยศึกษา ความคิดเห็นของนิติราษฏร์ ในเชิงวิชาการที่นำเสนอ "แม้แต่สักประโยคเดียว"
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ กลุ่มเล็ก กลุ่มน้อย กลุ่มย่อย กลุ่มยิบ จนตลอดกลุ่มจัดตั้ง ที่ดาหน้ากันออกมา "ให้ร้าย " "โจมตี "อาจารย์ทั้งหมด ผมก็ยังไม่เคยเห็นวาทะ ทางวิชาการที่จะโต้แย้ง ความคิดเห็นของนิติราษฏร์ในทางวิชาการ
"แม้แต่ซักบรรทัดหนึ่ง"
นอกจากวิชาวิทยุยานเกราะ กับหนังสือพิมพ์ดาวสยาม ตามตำรา ขวาพิฆาตซ้ายในอดีต
ผมยอมรับว่าต้องเป่าปาก(โล่งอก)ออกมา เมื่อรู้ว่าเวลานิติราษฏร์ จัดเสวนา ไม่มีการเล่นละครบนเวที บอก ตามตรง ว่ากลัวเห็นภาพที่หนังสือพิมพ์ดาวสยามย้อนยุค จะเอาไปลงตัดต่อ เพื่อก่อให้เกิดการฆ่าหมู่เช่น...ในธรรมศาสตร์เมื่อครั้งอดีต
อาจารย์ครับ บางทีผมเองก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า ในสังคมนี้ เราเป็นตัวประหลาด หรือว่าเรากำลังอยู่ในสังคมประหลาด
ผมชักไม่แน่ใจ ?
กาลครั้งหนึ่ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล โอ้อวด ผ้าพันคอว่า อันนี้ของจริง มีการคุยว่าเข้าไปข้างนอกข้างในได้ จนถึงขนาด กล้าพูดกับคนไทยในอเมริกาว่า ตนเองคือราชบุตรเขย
และที่ซ้ำร้ายการ์ดพันธมิตรถึงขนาดเอาพระบรมสาทิศลักษณ์ ติดโล่ห์ บุกเข้าไปตีกับตำรวจ เพื่อปล้นทำเนียบรัฐบาล ก็เห็นกันอยู่ตำตาทั้งบ้านทั้งเมือง
สังคมประหลาดนี้กลับเงียบ.... เงียบ..... และ เงียบจนน่ากลัว ไม่มีสักคนใครกล้าจะกล่าวหา นายสนธิว่า กระทำความผิดตามมาตรา 112
ผมสงสัยจริง ๆ ครับว่า สังคมบ้านเรา มันเป็นสังคมวิตรถาร ไปแล้วใช่หรือเปล่า ?
หากเทียบเคียงกับ การนำเสนอในทางวิชาการ กลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
วันนี้ ผมจะขอแสดงความรู้สึก กับอาจารย์ในฐานะลูกศิษย์ คนหนึ่งที่อาจารย์เคยกรุณาสั่งสอนผม ในหลักสูตรกฏหมายมหาชน (รุ่น 10 กว่า ๆ) คนหนึ่ง
ผมขออนุญาตใช้สิทธิของกระผมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่ทำงานเสียภาษี บำรุงบำเรอผู้มีอำนาจในประเทศนี้ว่า "ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ทุกท่าน"
ผมสัญญาว่าจะไม่ยอมให้อาจารย์ยืนอย่างโดดเดี่ยวอย่างเด็ดขาด แม้นอาจารย์จะเคยยืนยันกับผมว่าอาจารย์พร้อมจะรับผิดชอบในสิ่งที่อาจารย์ทำ โดยไม่ยอมให้ใครต้องมาเดือดร้อนก็ตาม
เราทุกคนเข้าใจความรู้สึกของอาจารย์
ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง สำหรับผมนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ คือชายหนุ่มผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิณญาณของความเป็นครู เป็นนักวิชาการ ที่ยืนอยู่บนหลักที่ถูกต้องของกฏหมาย
อาจารย์ต่อสู้ให้กับความถูกต้องและเสียสละอย่างกล้าหาญให้กับสังคมวิตถาร แห่งประเทศทร้วยส์ มามากเกินพอแล้วครับ
วันนี้ ไม่ว่าอาจารย์จะหยุด หรือเดินหน้าต่อไป
เราจะยืนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับอาจารย์เสมอ ไม่ว่าหนทางข้างหน้า จะเป็นนรก หรือสวรรค์ก็ตาม
ด้วยความเคารพรักอย่างสูง
สายลมรัก
จดหมายถึงวรเจตน์ ภาคีรัตน์ และอาจารย์นิติราษฏร์ทุกท่าน
เรื่อง ขอเป็นกำลังใจในฐานะประชาชนคนหนึ่ง
อาจารย์ครับ ผมตัดสินใจอยู่นานว่าจะสื่อถึงอาจารย์ และคณาจารย์ทุกท่านในกลุ่มนิติราษฏร์ อย่างไรดี
วันนี้ คลื่นลมทางการเมือง และรังสีแห่งความอำมหิต มันถูกจุดขึ้นเพื่อกลบเกลื่อน ข้อคิดที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ซึ่งไม่น่าเชื่อว่า เหล่านักวิชาการหลายคน จนแม้แต่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโน จะ กล้าออกมาใช้อารมณ์ เป็นที่ตั้ง วิพาก ด่ากราด นิติราษฏร์ โดยไม่เคยศึกษา ความคิดเห็นของนิติราษฏร์ ในเชิงวิชาการที่นำเสนอ "แม้แต่สักประโยคเดียว"
จากวันนั้น จนถึงวันนี้ กลุ่มเล็ก กลุ่มน้อย กลุ่มย่อย กลุ่มยิบ จนตลอดกลุ่มจัดตั้ง ที่ดาหน้ากันออกมา "ให้ร้าย " "โจมตี "อาจารย์ทั้งหมด ผมก็ยังไม่เคยเห็นวาทะ ทางวิชาการที่จะโต้แย้ง ความคิดเห็นของนิติราษฏร์ในทางวิชาการ
"แม้แต่ซักบรรทัดหนึ่ง"
นอกจากวิชาวิทยุยานเกราะ กับหนังสือพิมพ์ดาวสยาม ตามตำรา ขวาพิฆาตซ้ายในอดีต
ผมยอมรับว่าต้องเป่าปาก(โล่งอก)ออกมา เมื่อรู้ว่าเวลานิติราษฏร์ จัดเสวนา ไม่มีการเล่นละครบนเวที บอก ตามตรง ว่ากลัวเห็นภาพที่หนังสือพิมพ์ดาวสยามย้อนยุค จะเอาไปลงตัดต่อ เพื่อก่อให้เกิดการฆ่าหมู่เช่น...ในธรรมศาสตร์เมื่อครั้งอดีต
อาจารย์ครับ บางทีผมเองก็อดถามตัวเองไม่ได้ว่า ในสังคมนี้ เราเป็นตัวประหลาด หรือว่าเรากำลังอยู่ในสังคมประหลาด
ผมชักไม่แน่ใจ ?
กาลครั้งหนึ่ง นายสนธิ ลิ้มทองกุล โอ้อวด ผ้าพันคอว่า อันนี้ของจริง มีการคุยว่าเข้าไปข้างนอกข้างในได้ จนถึงขนาด กล้าพูดกับคนไทยในอเมริกาว่า ตนเองคือราชบุตรเขย
และที่ซ้ำร้ายการ์ดพันธมิตรถึงขนาดเอาพระบรมสาทิศลักษณ์ ติดโล่ห์ บุกเข้าไปตีกับตำรวจ เพื่อปล้นทำเนียบรัฐบาล ก็เห็นกันอยู่ตำตาทั้งบ้านทั้งเมือง
สังคมประหลาดนี้กลับเงียบ.... เงียบ..... และ เงียบจนน่ากลัว ไม่มีสักคนใครกล้าจะกล่าวหา นายสนธิว่า กระทำความผิดตามมาตรา 112
ผมสงสัยจริง ๆ ครับว่า สังคมบ้านเรา มันเป็นสังคมวิตรถาร ไปแล้วใช่หรือเปล่า ?
หากเทียบเคียงกับ การนำเสนอในทางวิชาการ กลับได้รับการปฏิบัติที่แตกต่างกันราวฟ้ากับเหว
วันนี้ ผมจะขอแสดงความรู้สึก กับอาจารย์ในฐานะลูกศิษย์ คนหนึ่งที่อาจารย์เคยกรุณาสั่งสอนผม ในหลักสูตรกฏหมายมหาชน (รุ่น 10 กว่า ๆ) คนหนึ่ง
ผมขออนุญาตใช้สิทธิของกระผมในฐานะคนไทยคนหนึ่ง ที่ทำงานเสียภาษี บำรุงบำเรอผู้มีอำนาจในประเทศนี้ว่า "ขอเป็นกำลังใจให้อาจารย์ทุกท่าน"
ผมสัญญาว่าจะไม่ยอมให้อาจารย์ยืนอย่างโดดเดี่ยวอย่างเด็ดขาด แม้นอาจารย์จะเคยยืนยันกับผมว่าอาจารย์พร้อมจะรับผิดชอบในสิ่งที่อาจารย์ทำ โดยไม่ยอมให้ใครต้องมาเดือดร้อนก็ตาม
เราทุกคนเข้าใจความรู้สึกของอาจารย์
ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง สำหรับผมนายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ คือชายหนุ่มผู้เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตวิณญาณของความเป็นครู เป็นนักวิชาการ ที่ยืนอยู่บนหลักที่ถูกต้องของกฏหมาย
อาจารย์ต่อสู้ให้กับความถูกต้องและเสียสละอย่างกล้าหาญให้กับสังคมวิตถาร แห่งประเทศทร้วยส์ มามากเกินพอแล้วครับ
วันนี้ ไม่ว่าอาจารย์จะหยุด หรือเดินหน้าต่อไป
เราจะยืนเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับอาจารย์เสมอ ไม่ว่าหนทางข้างหน้า จะเป็นนรก หรือสวรรค์ก็ตาม
ด้วยความเคารพรักอย่างสูง
สายลมรัก
จดหมายถึงวรเจตน์ ภาคีรัตน์ และอาจารย์นิติราษฏร์ทุกท่าน
ผมขออนุญาตกล่าวเพียงสั้นๆ...
ผมดีใจที่ธรรมศาสตร์ในเวลานี้ ยังมีคนอย่างพวกคุณอยู่
ขอบคุณที่กรุณาเป็นประทีปทางปัญญาให้แก่ประชาชนคนไทยครับ
ในส่วนการดำเนินงาน ผมคงไม่มีข้อใดบังอาจไปแนะนำติชมท่านได้
ในส่วนแนวคิดอุดมการณ์ ผมขอนับถือ
ในส่วนตัวแล้ว ผมชื่นชมพวกคุณมากๆครับ
ปีกสีชาด
ผมดีใจที่ธรรมศาสตร์ในเวลานี้ ยังมีคนอย่างพวกคุณอยู่
ขอบคุณที่กรุณาเป็นประทีปทางปัญญาให้แก่ประชาชนคนไทยครับ
ในส่วนการดำเนินงาน ผมคงไม่มีข้อใดบังอาจไปแนะนำติชมท่านได้
ในส่วนแนวคิดอุดมการณ์ ผมขอนับถือ
ในส่วนตัวแล้ว ผมชื่นชมพวกคุณมากๆครับ
ปีกสีชาด
| |||
RE: จดหมายเปิดผนึกถึงวรเจตน์ ภาคีรัตน์ และอาจารย์นิติราษฏร์ทุกท่าน ขอร่วมเป็นกำลังใจให้ คณะนิติราษฏร์ พวกท่านทำในสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ไม่ต้องกลัว ปรากฏการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากการต่อต้าน แสดงให้เห็นแล้วว่า พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้ใช้สติ ปัญญา ในการที่จะออกมาต่อต้าน นอกจากใช้อารมณ์ และการข่มขู่ ต่างๆ ไม่ได้ใช้วิธีการของปัญญาชนที่ควรนำมาใช้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ เราได้พบเห็นกันบ่อยครั้งในเหตุการณ์สำคัญของการเมืองไทย เช่นในปี ๑๖ และ ปี ๑๙ เป็นต้น พวกเขาถูกใช้เป็นเครื่องมือโดยตั้งใจ และไม่ต้้ง ทั้งที่รู้และไม่รู้เท่าทันเหตุการณ์บ้านเมือง จากที่ได้ติดตามเหตุการณ์บ้านเมืองมา เห็นได้ว่ากลุ่มวิชาการของท่านได้ตั้งใจทำสิ่งที่ดี ที่เป็นประโยชน์ ต่อประเทศชาติ และประชาชน โดยหวังที่จะให้บ้านเมืองก้าวทันต่อโลกที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย ปรับปรุงกฏ กติกา ให้ยุติธรรม และเป็นที่ยอมรับต่อชาวโลกมากขึ้น และเป็นรูปธรรมมากที่สุด ซึ่งไม่เคย ปรากฏมาเลยในวงนักวิชาการ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ได้แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ตั้งใจที่จะทำให้บ้านเมืองเจริญขึ้น แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญที่จะพบเจอกับสิ่งที่เกิดขึ้นจากผู้ที่ต่อต้าน และไม่เห็นด้วย เช่นจากการข่มขู่ และผลกระทบอื่นๆ ทั้งเรื่องส่วนตัว และหน้าที่การงาน ตามที่เป็นข่าวให้รับรู้อยู่บ่อยๆ จึงขอให้พวกท่าน กลุ่มอาจารย์คณะนิติราษฏร์อดทนต่ออุปสรรค และมารทั้งหลายที่ท่านต้องผจญอยู่ขณะนี้ ขอให้พวกท่านจงรับรู้เถิดว่า ท่านไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว พวกเราพร้อมจะเดินไปกับท่าน เป็นเพื่อนร่วมทางกับท่าน คอยให้กำลังใจ และพร้อมจะช่วยในสิ่งที่ท่านร้องขอ และขอให้ท่านทำงานของท่านต่อไปอย่างกล้าหาญ อดทน เพื่อพี่น้องประชาชนคนไทย ที่รอคอยจะได้เห็นความสำเร็จของพวกท่าน ให้สมกับคำว่า นิติราษฏร์ นิติศาสตร์เพื่อราษฏร
นิติราษฎร์ ก็เป็นผู้มาก่อนกาล ปีพศ.2555 เพียงแต่ประชาชนในวันนี้ไม่ใช่ประชาชนของปีพศ.2475 อีกแล้ว ขณะนี้ ถ้าผมเรียกร้องให้พวกท่านหยุด เชื่อว่า พวกท่านยังพวกคงก้าวต่อไป เพราะฉะนั้น เราไปด้วยกันครับ | |||
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar