Somsak Jeamteerasakul
"Monarchy without a monarch"
"มิตรสหายนักวิชาการด้านกฎหมายท่านหนึ่ง" เขียนว่า
"มิตรสหายนักวิชาการด้านกฎหมายท่านหนึ่ง" เขียนว่า
เมื่อรัฐธรรมนูญใหม่ถูกประกาศใช้ มีการเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญจะกลายเป็น
"องค์อธิปัตย์" ผู้ชี้ขาดว่า อะไรเป็นสถานการณ์ปกติ อะไรเป็นสถานการณ์พิเศษ
แก้รัฐธรรมนูญได้หรือไม่ได้ เพราะ
กุมอำนาจการชี้ขาดว่า มาตรา ๗ ใช้ได้หรือไม่ ใช้อย่างไร
กุมอำนาจการตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกครั้ง
กุมอำนาจในการ "ให้คำปรึกษา" ในทุกๆเรื่องๆ แม้จะยังไม่เกิดเป็นข้อพิพาท
ผมได้เขียนแสดงความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้
ในแง่หนึ่ง ผมมองว่า ศาล รธน ใหม่ที่จะมีขึ้น มันสอดคล้องกับ "ยุทธศาสตร์" ความพยายามรับมือกับภาวะที่ผมเรียกว่า monarchy without a monarch (การปกครองโดยสถาบันกษัตริย์/กษัตริย์นิยม ที่ไม่มีองค์กษัตริย์)
กล่าวคือ มัน transfer (โยกย้าย) อำนาจ ultimate arbitration (การวินิจฉัยขั้นสุดท้าย / ขั้นสูงสุด) จากองค์กษัตริย์ ไปที่ศาลใหม่
.....
หมายเหตุ: ได้ยินว่า "มิตรสหายนักวิชาการอีกท่านหนึ่ง" กำลังเขียนงานวิจัยในประเด็นนี้อยู่
กุมอำนาจการชี้ขาดว่า มาตรา ๗ ใช้ได้หรือไม่ ใช้อย่างไร
กุมอำนาจการตรวจสอบการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกครั้ง
กุมอำนาจในการ "ให้คำปรึกษา" ในทุกๆเรื่องๆ แม้จะยังไม่เกิดเป็นข้อพิพาท
ผมได้เขียนแสดงความเห็นเพิ่มเติม ดังนี้
ในแง่หนึ่ง ผมมองว่า ศาล รธน ใหม่ที่จะมีขึ้น มันสอดคล้องกับ "ยุทธศาสตร์" ความพยายามรับมือกับภาวะที่ผมเรียกว่า monarchy without a monarch (การปกครองโดยสถาบันกษัตริย์/กษัตริย์นิยม ที่ไม่มีองค์กษัตริย์)
กล่าวคือ มัน transfer (โยกย้าย) อำนาจ ultimate arbitration (การวินิจฉัยขั้นสุดท้าย / ขั้นสูงสุด) จากองค์กษัตริย์ ไปที่ศาลใหม่
.....
หมายเหตุ: ได้ยินว่า "มิตรสหายนักวิชาการอีกท่านหนึ่ง" กำลังเขียนงานวิจัยในประเด็นนี้อยู่
Somsak Jeamteerasakul
ในหลวงวชิราลงกรณ์ ("พระบรมฯ") กับประชาธิปไตย
แก่นหรือหัวใจของประชาธิปไตยคือ ประชาชน (สาธารณะ, สังคม) สามารถควบคุม ตรวจสอบ เอาผิด วิพากษ์วิจารณ์ และกำหนดทิศทางของรัฐและบุคคลากรผู้มีอำนาจรัฐได้
ปัญหาอำนาจทางการเมือง-กฎหมาย และทางวัฒนธรรม ของสถาบันกษัตริย์เป็นปัญหาใจกลางของประชาธิปไตยไทยมาโดยตลอด ก็เพราะอำนาจทุกด้านดังกล่าว เป็นสุดยอดสมบูรณ์ ของการ #ไม่สามารถ ควบคุม ตรวจสอบ เอาผิด วิพากษ์วิจารณ์จากสาธารณะได้เลย
องค์กรอำนาจรัฐส่วนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นกองทัพ ศาล องค์กรอิสระ ข้าราชการประจำ ฯลฯ ที่มีอำนาจที่ไม่สามารถตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด วิพากษ์วิจารณ์ได้ ล้วนแต่อิงหรือขึ้นต่อ การมีสถานะที่ไม่สามารถตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด วิพากษ์วิจารณ์ของสถาบันกษัตริย์ทั้งสิ้น
อันที่จริง แม้แต่นักการเมือง ก็ได้ประโยชน์จากสถานะควบคุม ตรวจสอบ เอาผิดไม่ได้ของสถาบันกษัตริย์ดังกล่าว
ประเด็นที่ "คนรักเจ้า-เกลียดนักการเมือง" ไม่เคยเข้าใจเลยคือ ถ้าไม่สามารถตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด สถาบันกษัตริย์และส่วนอื่นๆของอำนาจรัฐที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯได้ ก็ไม่มีทางจะตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด นักการเมืองได้เช่นกัน เพราะประชาชนที่สนับสนุนนักการเมืองไม่มีวันยอมให้มีการเอาผิด ตรวจสอบ ควบคุม ฝ่ายเดียว
(แม้แต่ข้ออ้างเรื่อง "กษัตริย์ทำงานหนัก" และ "ความจงรักภักดีของประชาชน" ถ้าไม่ผ่านให้มีการตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์แบบเดียวกับที่ทำได้กับนักการเมือง แต่ใช้วิธีโปรแกรมฝังหัวทั้งทางระบบการศึกษาและทางสังคมวงกว้างอื่นๆ ก็ไม่มีทางจะอ้างได้ว่า เป็นข้ออ้างที่ชอบธรรมและสามารถทำให้ได้รับการยอมรับโดยแท้จริงทั้งสังคมได้)
วิกฤติไทยสิบปีที่ผ่านมา รวมศูนย์ใจกลางอยู่ที่ปัญหานี้
พูดแบบง่ายๆคือ คุณไม่มีทางเอาผิดชินวัตรโดยปกติสงบสุขได้ ถ้าคุณไม่ยอมให้มีการเอาผิดสถาบันกษัตริย์และกองทัพ ฯลฯ การพยายามดันทุรังเอาผิดฝ่ายเดียว ยกสถานะฝ่ายเดียวให้อยู่นอกเหนือการควบคุมตรวจสอบเอาผิด ("สองมาตรฐาน") ก็นำไปสู่ทางตัน ความไม่สงบสุขอย่างยืดเยื้อที่เห็นกัน
ทีนี้ มาถึงกรณีพระบรมฯหรือ "ในหลวงวชิราลงกรณ์" กษัตริย์องค์ใหม่
มีแนวโน้มหรือสัญญาณอะไรที่ส่อให้เห็นว่ากษัตริย์องค์ใหม่จะเปลี่ยนแปลงสถานะของสถาบันฯ ให้ไปในทางที่ตรวจสอบ ควบคุม เอาผิด วิพากษ์วิจารณ์ได้?
ที่ผ่านมา ต้องเรียกว่าเป็นศูนย์เลย หรือติดลบด้วยซ้ำ
เอาง่ายๆ พระบรมฯมีแนวโน้มจะเปิดให้มีการควบคุมตรวจสอบเอาผิด วิพากษ์วิจารณ์ การใช้จ่ายเงินสาธารณะจำนวนมหาศาลเพื่อซัพพอร์ตหรือสนับสนุน "ไลฟ์สไตล์" ของพระองค์ในหลายปีที่ผ่านมาหรือ? หรือให้ตรวจสอบกรณีการกวาดล้างบุคคลใกล้ชิดเช่นกรณีหมอหยอง (ที่มีคนตาย 3 ศพในระหว่างการคุมตัว) หรือ? ที่ยกมานี้เป็นเพียงตัวอย่างรูปธรรม"เล็กๆ" ความจริง ยิ่งถ้าพูดไปให้ไกลถึงเรื่องสำนักงานทรัพย์สิน เรื่องกฎหมาย 112 เรื่องการยกเลิกการโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับสถาบันฯ (ต่อพระราชบิดาที่สิ้นพระชนม์ ซึ่งพระองค์ได้ประโยชน์ และต่อพระองค์เองโดยตรงด้วย) ที่ทำอย่างระดับซึมลึกถึงอนุบาล ฯลฯ ยิ่งไม่มีวี่แววเลยแม้แต่น้อย (ติดลบด้วยซ้ำเช่นกัน)
กระแส "เชียร์พระบรมฯ" ที่เกิดขึ้นในหมู่คนที่คิดว่ากำลังต้องการต่อสู้เพื่อ "ประชาธิปไตย" จึงเป็นอะไรที่ถ้าไม่ชวนให้เศร้า ก็ชวนให้ตลก และเป็นเพียงภาพสะท้อนว่า ความเข้าใจเรื่อง อะไรคือ ประชาธิปไตย ของพวกเขา มีข้อจำกัดอย่างมาก
Somsak Jeamteerasakul
ข้อคิดเกี่ยวกับขอบเขตการใช้อำนาจของวชิราลงกรณ์จนถึงขณะนี้และในอนาคต
กระทู้นี้จะอภิปรายปัญหาที่กว้างออกไปกว่าเรื่องทรงผม "เกรียนวชิราลงกรณ์" แต่ก่อนอื่น ขอให้ดู
เอกสารประกอบ ซึ่ง "มิตรสหายท่านหนึ่ง" เพิ่งส่งมาให้
นี่เป็นเอกสารคำสั่งของกองทัพอากาศ ในลักษณะทำนองเดียวกับเอกสารที่โพสต์ให้ดูใน 2 กระทู้ก่อน
ถ้าเทียบกับเอกสารที่โพสต์ให้ดูก่อนหน้านี้ เอกสารของกองทัพอากาศนี้ เขียนแบบกว้างๆและไม่มีการบังคับโดยตรงมากที่สุด คือเพียงแต่บอกว่า ผู้บัญชาการกองทัพอากาศให้กวดขันกำลังพลทุกคน (รวมไปถึงลูกจ้างและนักเรียนทหาร) ให้ "เป็นผู้มีระเบียบวินัย" "...โดยเฉพาะการไว้ทรงผม [ที่] ยังไม่เป็นไปตามระเบียบราชการที่กำหนด"
ไม่มีปัญหาว่า นี่เป็นคำสั่งที่เป็นผลมาจากวชิราลงกรณ์เหมือนคำสั่งอื่นๆก่อนหน้านี้แน่
ประเด็นที่น่าคิดเฉพาะหน้าเกี่ยวกับการต่างของ "ระดับการบังคับ" ของหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่ระดับ full-blown หรือเต็มที่ กรณีสำนักพระราชวัง-องคมนตรี (ทั้่งชายหญิงต้อง "เกรียนวชิราลงกรณ์" หมด) ลงมาระดับที่บังคับทหารชายทั้งหมดของ บก.ทท. (คือยังยกเว้นหญิง) และบังคับน้อยลงไป (เขียนแบบกว้างๆมากขึ้น) กรณี ตำรวจ, กองทัพบก และกองทัพอากาศนี้ สะท้อนอะไรหรือไม่?
วชิราลงกรณ์คง "สั่ง / ขอ / ปรารภ" ให้ข้าราชการโดยเฉพาะทหารตำรวจไว้ "ทรงผมพระราชนิยม" แล้วหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อเขาโดยตรงอย่างสำนักพระราชวัง-องมนตรี ก็สั่งต่อแบบ full-blown บังคับทั้งหมดเลย ทีนี้ ระดับที่ต่างๆกันของหน่วยงานอื่นๆนี่ เพราะอะไร? เพราะตัวผู้บัญชาการ (ผบ.สส. ผบ.ตร. ผบ.ทบ. ผบ.ทอ.) รู้สึกถึง หรือยอมรับใน อำนาจวชิราลงกรณ์มาก-น้อยต่างกัน หรือมีวิจารณญาณมีสติต่างกัน? หรือทั้่งสองเหตุผล? หรือขึ้นกับ ผบ.คนไหนต้องการ "เลีย" วชิราลงกรณ์มากกว่า? ซึ่งคงสัมพันธ์กับประเด็นตั้งแต่ว่า วชิราลงกรณ์พูดออกมาในระดับไหน วชิราลงกรณ์อาจจะเพียงแต่ "ปรารภ" คือเปรยๆ ("ข้าพเจ้าเห็นว่าถ้าข้าราชการทุกคนไว้ผมแบบราชวัลลภก็ดีนะ เป็นระเบียบเรียบร้อยดี") หรือ "ขอ" ("ข้าพเจ้าอยากขอให้พวกท่านลองไปพิจารณาว่า จะทำกันได้ไหม ให้ทุกคนในสังกัดไว้ผมแบบนี้น่ะ") อะไรประมาณนี้ แล้ว ผบ.แต่ละคนก็มี response หรือตอบสนองในระดับที่ต่างๆกัน ขึ้นกับระดับการรับอำนาจ-อยากเลีย-หรือมีสติ มากน้อยต่างกันดังกล่าว
................
แต่ประเด็นที่น่าคิดและคอยจับตาสังเกตต่อ คือประเด็นที่กว้างออกไป ซึ่งผมเคยพูดไปก่อนหน้านี้บ้าง นั่นคือ จากนี้ไป วชิราลงกรณ์จะเข้าแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองหรือการเมืองแค่ไหนอย่างไร
ผมเคยพูดไปก่อนหน้านี้ว่า ที่มีหลายคนพูดถึงการใช้อำนาจแบบสมบูรณาญาสิทธิ์ (หรือการปกครองด้วยความกลัว) ของวชิราลงกรณ์นั้น เป็นความจริงแต่ยังมีความจำกัด คือที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ จะเห็นว่า ลักษณะการใช้อำนาจดังกล่าว ยังจำกัดอยู่กับเรื่องที่เกี่ยวกับกษัตริย์โดยตรง ตั้งแต่กรณีมาตราในรัฐธรรมนูญที่ให้แก้, การขโมยหมุดคณะราษฎร-วางหมุดหน้าใส มาถึงการสร้างอาณาจักร "ราชการในพระองค์", การกินรวบ ("ปล้น") ทรัพย์สินแผ่นดินมูลค่าล้านล้านบาท (กรณีทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์), และเรื่องการลงโทษคนที่ทำงานเกี่ยวกับกษัตริย์โดยตรง (จุมพล ถึง ดิสธร และกรณีเล็กๆลงไปอีกนับไม่ถ้วน)
แน่นอน เรื่องทุกเรื่องที่เพิ่งพูด เป็นเรื่องสาธารณะแน่ เป็นผลประโยชน์และควรเป็นอำนาจของประชาชนที่จะตรวจสอบควบคุมการใช้อำนาจแบบสมบูรณาญาสิทธิ์ตามใจชอบของวชิราลงกรณ์แน่
อาณาจักร "ราชการในพระองค์" วชิราลงกรณ์จ่ายเงินเดือนเองเสียเมื่อไหร่ ใช้งบประมาณแผ่นดินทั้งนั้น แต่(ดัน)ไม่ยอมให้ใครมายุ่ง ไม่ต้องพูดถึงทรัพย์สินแผ่นดินมูลค่าล้านล้านบาทที่ปล้นไปเป็นของตัวเองทั้่งหมด หรือแม้แต่การสั่งลงโทษใครโดยไม่ต้องมีกระบวนการตามบรรทัดฐานการพิจารณาลงโทษข้าราชการ
แต่ประเด็นคือ ตราบเท่าที่วชิราลงกรณ์ยังจำกัด ไม่เอ๊กเซอร์ไซส์อำนาจออกมา "เกินรั้่ววัง" มากนัก ผลกระทบที่จะทำให้คนทั่วไป (แม้แต่ในหมู่ข้าราชการ ถ้าไม่ได้สังกัดวังโดยตรง) รู้สึกไม่พอใจหรือมีปฏิกิริยาต่อต้าน ก็จะจำกัดตามไปด้วย
อย่างว่า คนไทยเป็นคนที่ถูกสร้างให้ "เชื่อง" อยู่แล้ว แม้แต่กรณีคนรักเจ้าที่ยืนกรานมาหลายปีว่า ทรัพย์สินส่วนกษัตริย์มูลค่าล้านล้านบาทเป็นทรัพย์สินแผ่นดิน พอวชิราลงกรณ์ปล้นไปเป็นของตัวเอง ก็ยังเฉยๆอยู่.....
ผมเคยเล่าแล้วว่า มีมิตรสหายที่ผมคุยด้วยหลายคนเชื่อว่า โดยนิสัยของวชิราลงกรณ์ และเพื่อรักษาสถานะของเขาด้วย ในที่สุด เขาจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวใช้อำนาจ "นอกรั้่ววัง" มากขึ้นๆแน่
กรณี silly งี่เง่า อย่าง "ยกอกอึ๊บ" หรือ "ทรงผมเกรียนวชิราลงกรณ์" มีผลกระทบกว้างออกมากว่ารั้ววัง คือเริ่มออกมาถึงข้าราชการทั่วไปมากขึ้น อาจจะเป็น sign หรือสัญญาณเล็กๆในทิศทางนี้ แม้จะยังจำกัด คือแม้แต่ระดับการบังคับก็ยังไม่ถึงกับเต็มที่กับทุกหน่วยงานดังกล่าวข้างต้น
ประเด็นใหญ่สุดที่ผู้ติดตามการเมืองกำลังสนใจคือ ปัญหาว่าวชิราลงกรณ์จะเข้าแทรกแซง กำหนดตัวคนที่จะเป็นนายกฯคนต่อไปหลัง คสช / หลังเลือกตั้ง หรือไม่ และจะเป็นใคร
เพื่อนผมหลายคนเชื่อว่า ยังไงเสีย อย่างน้อยที่สุดเพื่อประกันให้เขาเองสามารถใช้อำนาจสมบูรณาญาสิทธิ์ในวังแบบตามใจชอบอย่างนี้ต่อไปได้ วชิราลงกรณ์จะต้อง "เม้กชัวร์" หรือทำให้แน่ใจว่า นายกฯคนต่อไป จะต้องเป็นคนที่ friendly หรือขึ้นต่อเขา ไม่ว่าจะยังเป็น "ตู่" ซึ่งทุกคนเบื่อเต็มทีต่อไป หรือเป็นคนอื่น
ทุกวันนี้ ผบ.ทบ. ทั้งคนนี้ และคนที่เป็นตัวเต็ง (อภิรักษ์ ซึ่งดังที่หลายคนเห็น "เลีย" วชิราลงกรณ์ด้วยการตัดผมเกรียนแล้ว) ก็ล้วนเป็นคนที่วชิราลงกรณ์โปรดปรานให้มาเป็นอยู่แล้ว ดังนั้น ตำแหน่งอย่าง นายกฯ ยังไงวชิราลงกรณ์ก็ต้องพยายามยื่นมือเข้ามามีส่วนกำหนดแน่ ไม่ปล่อยให้เป็นไปเองจากการกำหนด-แย่งชิงของ คสช เอง หรือระหว่าง คสช กับพรรคการเมือง
แล้วเรื่องนี้ จะมีผลกระทบต่อประชาชนหรือสังคมวงกว้างอย่างมากแน่ เช่น ถ้าวชิราลงกรณ์สนับสนุนยืนยันให้ "ตู่" อยู่ต่อทั้งๆที่ประชาชนทุกฝ่ายเบื่อเต็มที หรือกำหนดให้เอาคนอื่นที่ทุกฝ่าย "ยี้" พอๆกัน..... (วันก่อนผมเพิ่งคุยกับเพื่อนบางคนว่า สมัยนี้ ฝ่ายเจ้าไม่มีใครที่เด่นหรือมีความสามารถหรืออย่างน้อยพอมี "เครดิต" จริงๆ ไม่เหมือนสมัยก่อน กรณีอย่างสัญญา หรืออานันท์ ตอนนี้พยายามนึกหาคนแบบนี้ไม่ว่าในเครื่องแบบหรือนอกเครื่องแบบ ทหาร นักการเมือง หรือเทคโนแครต ที่วชิราลงกรณ์ หรือแม้แต่ คสช. จะหนุนขึ้นมาได้ นึกไม่ออก)
นี่เป็นเอกสารคำสั่งของกองทัพอากาศ ในลักษณะทำนองเดียวกับเอกสารที่โพสต์ให้ดูใน 2 กระทู้ก่อน
ถ้าเทียบกับเอกสารที่โพสต์ให้ดูก่อนหน้านี้ เอกสารของกองทัพอากาศนี้ เขียนแบบกว้างๆและไม่มีการบังคับโดยตรงมากที่สุด คือเพียงแต่บอกว่า ผู้บัญชาการกองทัพอากาศให้กวดขันกำลังพลทุกคน (รวมไปถึงลูกจ้างและนักเรียนทหาร) ให้ "เป็นผู้มีระเบียบวินัย" "...โดยเฉพาะการไว้ทรงผม [ที่] ยังไม่เป็นไปตามระเบียบราชการที่กำหนด"
ไม่มีปัญหาว่า นี่เป็นคำสั่งที่เป็นผลมาจากวชิราลงกรณ์เหมือนคำสั่งอื่นๆก่อนหน้านี้แน่
ประเด็นที่น่าคิดเฉพาะหน้าเกี่ยวกับการต่างของ "ระดับการบังคับ" ของหน่วยงานต่างๆ ตั้งแต่ระดับ full-blown หรือเต็มที่ กรณีสำนักพระราชวัง-องคมนตรี (ทั้่งชายหญิงต้อง "เกรียนวชิราลงกรณ์" หมด) ลงมาระดับที่บังคับทหารชายทั้งหมดของ บก.ทท. (คือยังยกเว้นหญิง) และบังคับน้อยลงไป (เขียนแบบกว้างๆมากขึ้น) กรณี ตำรวจ, กองทัพบก และกองทัพอากาศนี้ สะท้อนอะไรหรือไม่?
วชิราลงกรณ์คง "สั่ง / ขอ / ปรารภ" ให้ข้าราชการโดยเฉพาะทหารตำรวจไว้ "ทรงผมพระราชนิยม" แล้วหน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อเขาโดยตรงอย่างสำนักพระราชวัง-องมนตรี ก็สั่งต่อแบบ full-blown บังคับทั้งหมดเลย ทีนี้ ระดับที่ต่างๆกันของหน่วยงานอื่นๆนี่ เพราะอะไร? เพราะตัวผู้บัญชาการ (ผบ.สส. ผบ.ตร. ผบ.ทบ. ผบ.ทอ.) รู้สึกถึง หรือยอมรับใน อำนาจวชิราลงกรณ์มาก-น้อยต่างกัน หรือมีวิจารณญาณมีสติต่างกัน? หรือทั้่งสองเหตุผล? หรือขึ้นกับ ผบ.คนไหนต้องการ "เลีย" วชิราลงกรณ์มากกว่า? ซึ่งคงสัมพันธ์กับประเด็นตั้งแต่ว่า วชิราลงกรณ์พูดออกมาในระดับไหน วชิราลงกรณ์อาจจะเพียงแต่ "ปรารภ" คือเปรยๆ ("ข้าพเจ้าเห็นว่าถ้าข้าราชการทุกคนไว้ผมแบบราชวัลลภก็ดีนะ เป็นระเบียบเรียบร้อยดี") หรือ "ขอ" ("ข้าพเจ้าอยากขอให้พวกท่านลองไปพิจารณาว่า จะทำกันได้ไหม ให้ทุกคนในสังกัดไว้ผมแบบนี้น่ะ") อะไรประมาณนี้ แล้ว ผบ.แต่ละคนก็มี response หรือตอบสนองในระดับที่ต่างๆกัน ขึ้นกับระดับการรับอำนาจ-อยากเลีย-หรือมีสติ มากน้อยต่างกันดังกล่าว
................
แต่ประเด็นที่น่าคิดและคอยจับตาสังเกตต่อ คือประเด็นที่กว้างออกไป ซึ่งผมเคยพูดไปก่อนหน้านี้บ้าง นั่นคือ จากนี้ไป วชิราลงกรณ์จะเข้าแทรกแซงหรือยุ่งเกี่ยวกับการบริหารบ้านเมืองหรือการเมืองแค่ไหนอย่างไร
ผมเคยพูดไปก่อนหน้านี้ว่า ที่มีหลายคนพูดถึงการใช้อำนาจแบบสมบูรณาญาสิทธิ์ (หรือการปกครองด้วยความกลัว) ของวชิราลงกรณ์นั้น เป็นความจริงแต่ยังมีความจำกัด คือที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ จะเห็นว่า ลักษณะการใช้อำนาจดังกล่าว ยังจำกัดอยู่กับเรื่องที่เกี่ยวกับกษัตริย์โดยตรง ตั้งแต่กรณีมาตราในรัฐธรรมนูญที่ให้แก้, การขโมยหมุดคณะราษฎร-วางหมุดหน้าใส มาถึงการสร้างอาณาจักร "ราชการในพระองค์", การกินรวบ ("ปล้น") ทรัพย์สินแผ่นดินมูลค่าล้านล้านบาท (กรณีทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์), และเรื่องการลงโทษคนที่ทำงานเกี่ยวกับกษัตริย์โดยตรง (จุมพล ถึง ดิสธร และกรณีเล็กๆลงไปอีกนับไม่ถ้วน)
แน่นอน เรื่องทุกเรื่องที่เพิ่งพูด เป็นเรื่องสาธารณะแน่ เป็นผลประโยชน์และควรเป็นอำนาจของประชาชนที่จะตรวจสอบควบคุมการใช้อำนาจแบบสมบูรณาญาสิทธิ์ตามใจชอบของวชิราลงกรณ์แน่
อาณาจักร "ราชการในพระองค์" วชิราลงกรณ์จ่ายเงินเดือนเองเสียเมื่อไหร่ ใช้งบประมาณแผ่นดินทั้งนั้น แต่(ดัน)ไม่ยอมให้ใครมายุ่ง ไม่ต้องพูดถึงทรัพย์สินแผ่นดินมูลค่าล้านล้านบาทที่ปล้นไปเป็นของตัวเองทั้่งหมด หรือแม้แต่การสั่งลงโทษใครโดยไม่ต้องมีกระบวนการตามบรรทัดฐานการพิจารณาลงโทษข้าราชการ
แต่ประเด็นคือ ตราบเท่าที่วชิราลงกรณ์ยังจำกัด ไม่เอ๊กเซอร์ไซส์อำนาจออกมา "เกินรั้่ววัง" มากนัก ผลกระทบที่จะทำให้คนทั่วไป (แม้แต่ในหมู่ข้าราชการ ถ้าไม่ได้สังกัดวังโดยตรง) รู้สึกไม่พอใจหรือมีปฏิกิริยาต่อต้าน ก็จะจำกัดตามไปด้วย
อย่างว่า คนไทยเป็นคนที่ถูกสร้างให้ "เชื่อง" อยู่แล้ว แม้แต่กรณีคนรักเจ้าที่ยืนกรานมาหลายปีว่า ทรัพย์สินส่วนกษัตริย์มูลค่าล้านล้านบาทเป็นทรัพย์สินแผ่นดิน พอวชิราลงกรณ์ปล้นไปเป็นของตัวเอง ก็ยังเฉยๆอยู่.....
ผมเคยเล่าแล้วว่า มีมิตรสหายที่ผมคุยด้วยหลายคนเชื่อว่า โดยนิสัยของวชิราลงกรณ์ และเพื่อรักษาสถานะของเขาด้วย ในที่สุด เขาจะต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวใช้อำนาจ "นอกรั้่ววัง" มากขึ้นๆแน่
กรณี silly งี่เง่า อย่าง "ยกอกอึ๊บ" หรือ "ทรงผมเกรียนวชิราลงกรณ์" มีผลกระทบกว้างออกมากว่ารั้ววัง คือเริ่มออกมาถึงข้าราชการทั่วไปมากขึ้น อาจจะเป็น sign หรือสัญญาณเล็กๆในทิศทางนี้ แม้จะยังจำกัด คือแม้แต่ระดับการบังคับก็ยังไม่ถึงกับเต็มที่กับทุกหน่วยงานดังกล่าวข้างต้น
ประเด็นใหญ่สุดที่ผู้ติดตามการเมืองกำลังสนใจคือ ปัญหาว่าวชิราลงกรณ์จะเข้าแทรกแซง กำหนดตัวคนที่จะเป็นนายกฯคนต่อไปหลัง คสช / หลังเลือกตั้ง หรือไม่ และจะเป็นใคร
เพื่อนผมหลายคนเชื่อว่า ยังไงเสีย อย่างน้อยที่สุดเพื่อประกันให้เขาเองสามารถใช้อำนาจสมบูรณาญาสิทธิ์ในวังแบบตามใจชอบอย่างนี้ต่อไปได้ วชิราลงกรณ์จะต้อง "เม้กชัวร์" หรือทำให้แน่ใจว่า นายกฯคนต่อไป จะต้องเป็นคนที่ friendly หรือขึ้นต่อเขา ไม่ว่าจะยังเป็น "ตู่" ซึ่งทุกคนเบื่อเต็มทีต่อไป หรือเป็นคนอื่น
ทุกวันนี้ ผบ.ทบ. ทั้งคนนี้ และคนที่เป็นตัวเต็ง (อภิรักษ์ ซึ่งดังที่หลายคนเห็น "เลีย" วชิราลงกรณ์ด้วยการตัดผมเกรียนแล้ว) ก็ล้วนเป็นคนที่วชิราลงกรณ์โปรดปรานให้มาเป็นอยู่แล้ว ดังนั้น ตำแหน่งอย่าง นายกฯ ยังไงวชิราลงกรณ์ก็ต้องพยายามยื่นมือเข้ามามีส่วนกำหนดแน่ ไม่ปล่อยให้เป็นไปเองจากการกำหนด-แย่งชิงของ คสช เอง หรือระหว่าง คสช กับพรรคการเมือง
แล้วเรื่องนี้ จะมีผลกระทบต่อประชาชนหรือสังคมวงกว้างอย่างมากแน่ เช่น ถ้าวชิราลงกรณ์สนับสนุนยืนยันให้ "ตู่" อยู่ต่อทั้งๆที่ประชาชนทุกฝ่ายเบื่อเต็มที หรือกำหนดให้เอาคนอื่นที่ทุกฝ่าย "ยี้" พอๆกัน..... (วันก่อนผมเพิ่งคุยกับเพื่อนบางคนว่า สมัยนี้ ฝ่ายเจ้าไม่มีใครที่เด่นหรือมีความสามารถหรืออย่างน้อยพอมี "เครดิต" จริงๆ ไม่เหมือนสมัยก่อน กรณีอย่างสัญญา หรืออานันท์ ตอนนี้พยายามนึกหาคนแบบนี้ไม่ว่าในเครื่องแบบหรือนอกเครื่องแบบ ทหาร นักการเมือง หรือเทคโนแครต ที่วชิราลงกรณ์ หรือแม้แต่ คสช. จะหนุนขึ้นมาได้ นึกไม่ออก)
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar