‘หมอสุภัทร’ อัดรัฐโอนเงิน 1.8 พันล้านให้ อสม. ก่อน 22 มี.ค. ส่อเจตนา ‘ใช้ภาษีซื้อเสียง’ ย้ำสังคมเปลี่ยนไปแล้ว
Submitted on Tue, 2019-03-19 18:13
กรมบัญชีกลางจ่ายเงินค่าป่วยการ อสม.20 มี.ค.นี้ หลังปรับเพิ่มให้เป็น 1
พันต่อคน ด้าน หมอสุภัทร ชี้ส่อเจตนา 'ใช้ภาษีซื้อเสียง'
อัดสังคมเปลี่ยนไปแล้ว มั่นใจเงินซื้อเสียงไม่มีพลังอีกต่อไป
19 มี.ค.2562 จากกรณี สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง
เปิดเผยว่า
ตามที่ได้แจ้งข่าวว่ากรมบัญชีกลางจะจ่ายเงินเพิ่มค่าป่วยการอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
(อสม.) จากเดือนละ 600 บาท/คน เป็นเดือนละ 1,000 บาท/คน ภายในวันที่ 22
มี.ค.นี้ กรมบัญชีกลางได้เร่งดำเนินการร่วมกับสำนักงบประมาณ
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และธนาคารต่าง ๆ
ซึ่งขณะนี้กรมบัญชีกลางได้รับข้อมูลรายการขอเบิกเงินจากกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นแล้ว
และได้ประสานงานร่วมกับธนาคารต่าง ๆ
เพื่อเตรียมความพร้อมในการจ่ายเงินค่าป่วยการให้กับอาสาสมัคร อสม. จำนวน
1,024,407 ราย เป็นเงินกว่า 1,814 ล้านบาท
โดยจะโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของผู้มีสิทธิในวันที่ 20 มี.ค.2562
อธิบดีกรมบัญชีกลางกล่าวย้ำว่า การจ่ายเงินค่าป่วยการฯ ดังกล่าว
จะจ่ายเงินเพิ่มย้อนหลังให้ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561
ซึ่งกรมบัญชีกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งดำเนินการอย่างเต็มที่
เพื่อให้การจ่ายเงินในครั้งนี้เป็นไปตามขั้นตอน และรวดเร็วกว่ากำหนด
เพื่อเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่
ของอาสาสมัคร (อสม.) อีกทั้งเป็นการดำเนินการตามโครงการบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ National e-Payment ที่ภาครัฐจ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิแบบตรงตัวอีกด้วย
นพ.สุภัทร ระบุว่า ครม.ประยุทธ์ได้มีมติ เพิ่มเงินเดือน อสม.จาก 600 บาทต่อเดือนมาเป็น 1,000 บาทต่อเดือนตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 มตินั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะถือเป็นการชดเชยค่าป่วยการ ค่าน้ำมัน ค่าข้าวค่าน้ำที่พี่น้อง อสม.ที่ช่วยดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชน สิ่งที่น่าสังเกตคือ มติ ครม.เพิ่มเงินเดือน อสม.มาตั้งแต่ ธ.ค. 2561 อสม.ควรได้เงินเดือนใหม่ตั้งแต่มกราคมแล้ว และจ่ายสมำเสมอทุกเดือน แต่ความจริงคือไม่ได้รับสักเดือน การที่รัฐบาลสั่งการเร่งรัดให้จ่ายภายใน 22 มี.ค. ปล่อยอาวุธลับวันใกล้เลือกตั้งให้มากที่สุด ถือว่าเป็นเจตนาแอบแฝงหวังคะแนนนิยมจาก อสม.อย่างแน่นอน ยากที่จะคิดเป็นอื่น
นพ.สุภัทร กล่าว ยินดี กับ อสม.1,024,407 ราย เงินกว่า 1,814 ล้านบาทจะเข้าบัญชีแล้ว ตนเชื่อมั่นว่า อสม.เขาฉลาด เขามีความตื่นตัวทางการเมือง เขารู้และเข้าใจว่าอะไรคือความจริง แล้ว คสช.จะรู้ว่า "เงินซิ้อ อสม.ไม่ได้หรอก"
ปรากฏการณ์นี้ชัดเจนว่า "พรรค คสช.หรือพลังประชารัฐนั้นกำลังอยู่ในภาวะหน้าซีดหนักแล้ว จึงพยายามยิงกระสุนทุกเม็ดที่มีในมือ วิชามารวิชาเทพใช้หมด ก่อนจะแพ้หมดรูป เรื่องกระแสสู้พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ เรื่องพื้นที่สู้เพื่อไทยประชาธิปัตย์ภูมิใจไทยก็ไม่ได้ เหลือแต่กลไกรัฐที่พรรค คสช.ยังกุมสภาพอยู่ ยิงกระสุนแจกภาษีซื้อเสียงจึงเป็นกระสุนวิเศษเดียวที่ได้เปรียบพรรคอื่น
"สังคมไทยเปลี่ยนไปแล้ว เงินซื้อเสียงไม่มีพลังเช่นในอดีตอีกต่อไป ภาวะหน้าซีดแบบนี้ คะแนนเลือกตั้งออกมา พรรค คสช.พลังประชารัฐอาจถึงขนาดต้องหามเข้าไอซียูก็เป็นได้" นพ.สุภัทร โพสต์ทิ้งท้าย
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ และเพจ 'นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ'
ของอาสาสมัคร (อสม.) อีกทั้งเป็นการดำเนินการตามโครงการบูรณาการฐานข้อมูลสวัสดิการสังคม ภายใต้แผนยุทธศาสตร์ National e-Payment ที่ภาครัฐจ่ายเงินให้แก่ผู้มีสิทธิแบบตรงตัวอีกด้วย
หมอสุภัทร ชี้ส่อเจตนา 'ใช้ภาษีซื้อเสียง' อัดสังคมเปลี่ยนไปแล้ว เงินซื้อเสียงไม่มีพลังอีกต่อไป
ขณะที่ นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลจะนะ จ.สงขลา โพสต์วิจารณ์มาตรการนี้ผ่านเฟสบุ๊ค 'นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ' ด้วยในหัวข้อที่ว่า "รีบจ่ายเงินเดือน อสม.ก่อนเลือกตั้ง ส่อเจตนา "ใช้ภาษีซื้อเสียง" ชัดๆ"นพ.สุภัทร ระบุว่า ครม.ประยุทธ์ได้มีมติ เพิ่มเงินเดือน อสม.จาก 600 บาทต่อเดือนมาเป็น 1,000 บาทต่อเดือนตั้งแต่เดือนธันวาคม 2561 มตินั้นเป็นสิ่งที่ดี เพราะถือเป็นการชดเชยค่าป่วยการ ค่าน้ำมัน ค่าข้าวค่าน้ำที่พี่น้อง อสม.ที่ช่วยดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชน สิ่งที่น่าสังเกตคือ มติ ครม.เพิ่มเงินเดือน อสม.มาตั้งแต่ ธ.ค. 2561 อสม.ควรได้เงินเดือนใหม่ตั้งแต่มกราคมแล้ว และจ่ายสมำเสมอทุกเดือน แต่ความจริงคือไม่ได้รับสักเดือน การที่รัฐบาลสั่งการเร่งรัดให้จ่ายภายใน 22 มี.ค. ปล่อยอาวุธลับวันใกล้เลือกตั้งให้มากที่สุด ถือว่าเป็นเจตนาแอบแฝงหวังคะแนนนิยมจาก อสม.อย่างแน่นอน ยากที่จะคิดเป็นอื่น
นพ.สุภัทร กล่าว ยินดี กับ อสม.1,024,407 ราย เงินกว่า 1,814 ล้านบาทจะเข้าบัญชีแล้ว ตนเชื่อมั่นว่า อสม.เขาฉลาด เขามีความตื่นตัวทางการเมือง เขารู้และเข้าใจว่าอะไรคือความจริง แล้ว คสช.จะรู้ว่า "เงินซิ้อ อสม.ไม่ได้หรอก"
ปรากฏการณ์นี้ชัดเจนว่า "พรรค คสช.หรือพลังประชารัฐนั้นกำลังอยู่ในภาวะหน้าซีดหนักแล้ว จึงพยายามยิงกระสุนทุกเม็ดที่มีในมือ วิชามารวิชาเทพใช้หมด ก่อนจะแพ้หมดรูป เรื่องกระแสสู้พรรคอนาคตใหม่ไม่ได้ เรื่องพื้นที่สู้เพื่อไทยประชาธิปัตย์ภูมิใจไทยก็ไม่ได้ เหลือแต่กลไกรัฐที่พรรค คสช.ยังกุมสภาพอยู่ ยิงกระสุนแจกภาษีซื้อเสียงจึงเป็นกระสุนวิเศษเดียวที่ได้เปรียบพรรคอื่น
"สังคมไทยเปลี่ยนไปแล้ว เงินซื้อเสียงไม่มีพลังเช่นในอดีตอีกต่อไป ภาวะหน้าซีดแบบนี้ คะแนนเลือกตั้งออกมา พรรค คสช.พลังประชารัฐอาจถึงขนาดต้องหามเข้าไอซียูก็เป็นได้" นพ.สุภัทร โพสต์ทิ้งท้าย
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ และเพจ 'นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ'
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar