พรรคพลังประชารัฐได้ ส.ส.อย่างพลิกความคาดหมาย น่าจะเพียงพอให้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งมี 250 ส.ว.ในมือ เป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย
พรรคเพื่อไทยได้ ส.ส.น้อยกว่าเป้าอย่างน่าใจหาย
ขณะที่พรรคอนาคตใหม่โผล่ขึ้นมาชนะใจคนอย่างเซอร์ไพรส์
แต่ที่ช็อกยิ่งกว่าคือ หายนะของพรรคประชาธิปัตย์
ซึ่งอาจจะกลายเป็นพรรคอันดับ 5 ได้น้อยกว่าพรรคภูมิใจไทยด้วยซ้ำ
ไม่ต้องพูดว่าอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องลาออกจากหัวหน้า แต่ประชาธิปัตย์แทบจะไม่มีน้ำหนักต่อรองร่วมรัฐบาลด้วยซ้ำ
ขณะที่เขียนยังนับคะแนนไม่เสร็จ แต่คงไม่พลิกมากนัก อันดับแรกน่าทึ่งกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถ้าดูเฉพาะกรุงเทพฯ แทบจะกวาดคะแนนจากพรรคประชาธิปัตย์ไปหมด โดยใน 22 เขต พรรคเพื่อไทยกับอนาคตใหม่ตัดคะแนนกันเอง ขณะที่อีก 8 เขต คะแนนฝ่ายไม่เอาลุงเทไปที่อนาคตใหม่พรรคเดียว
นี่คือทิศทางที่เห็นชัด ฐานเสียงคนชั้นกลางเก่า ความคิดอนุรักษ์ ซึ่งเคยเลือกประชาธิปัตย์เทไปให้ลุงตู่ แปลว่าที่ผ่านมา คนเหล่านี้ไม่ได้ศรัทธา ปชป. เพียงเลือกเพราะเกลียดทักษิณ ขณะที่ฐานเสียงอีกฝ่าย คนไม่เอารัฐประหาร คนรักประชาธิปไตย คนรุ่นใหม่ อยู่ระหว่าง “ผลัดใบ” ก้ำกึ่งระหว่างเพื่อไทย อนาคตใหม่ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะ กทม. แต่เห็นภาพเช่นนี้ทั่วประเทศ ถ้า 2 พรรคนี้รวมกัน อาจชนะ ส.ส.เขตอีกมาก แต่ก็เป็นธรรมชาติ ที่ต้องแข่งขัน
ขณะที่พรรคพลังประชารัฐ หากมองในภาพรวม นอกจากฐานเสียงพลังอนุรักษ์
ในต่างจังหวัดยังอาจมาจากความสำเร็จของนโยบายประชานิยม บัตรคนจน การแจกต่าง
ๆ บนฐาน ส.ส.ที่ดูดจากพรรคอื่น ประกอบกับอำนาจรัฐราชการ
กล่าวได้ว่าเป็นการรวมทุกปัจจัยในระบอบการเมืองเก่า
เพื่อเอาชนะและรักษาอำนาจ
พรรคเพื่อไทยยังรักษาฐานมวลชนในภาคเหนือและภาคอีสาน แม้เสีย ส.ส.บางส่วน ซึ่งอันที่จริงไม่น่าแปลกใจ เพื่อไทยชนะในปี 2554 แบบกวาดเรียบ แต่ชนะด้วยคะแนนไม่มาก เมื่อถูกตีฐานบางส่วน พร้อมกับเสียคะแนนให้อนาคตใหม่ ก็เสีย ส.ส.เขตไปไม่น้อย โดยก่อนหน้านั้นก็ถูกดูด ส.ส.ในภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างไปหลายสิบคน
หากมองในภาพรวม “ฝ่ายประชาธิปไตย” ฐานเสียงไม่น่าจะลดลง แต่คนที่เลือกเพื่อไทยกระจายไปเลือกอนาคตใหม่ ขณะที่อนาคตใหม่ได้คะแนนเสียงคนรุ่นใหม่เพิ่มเข้ามา
หากคิดว่า นี่คือการหาเสียงแบบคนรุ่นใหม่ ไม่ได้ใช้วิธีการแบบเก่า ๆ ไม่มีกระสุน ไม่ได้ใช้คะแนนจัดตั้ง ไม่มีอำนาจรัฐหนุน ผู้สมัครโนเนมเกือบทั้งหมดด้วยซ้ำ ชัยชนะของอนาคตใหม่ก็เป็นสิ่งที่น่าตะลึงพรึงเพริด และเป็นอนาคตของขั้วการเมืองฝ่ายเสรีประชาธิปไตย
พูดง่าย ๆ การเมืองในช่วงต่อไป จะมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำฝ่ายอนุรักษนิยม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้นำฝ่ายเสรีนิยม แม้ไม่ใช่ผู้นำฝ่ายค้าน เพราะเพื่อไทยได้ ส.ส.มากกว่า แต่ความโดดเด่นจะมาอยู่ที่ธนาธร
อย่างไรก็ดี หากมองข้ามช็อต พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคเฉพาะกิจเท่านั้น รัฐบาลหน้าของ พล.อ.ประยุทธ์ จะประกอบด้วยพรรคการเมืองต่าง ๆ หลากหลาย จะต้องจับมือทั้งภูมิไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา มาเป็นรัฐบาล
พูดอีกอย่าง รัฐบาลหน้าจะอยู่บนอุดมการณ์อนุรักษนิยม ที่คนชั้นกลางเก่าเชื่อว่าเป็น “คนดี” แต่องค์ประกอบจะเป็นนักการเมืองทุนท้องถิ่น ย้อนกลับไปเหมือนสมัยประชาธิปไตยครึ่งใบ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่า จะอยู่ได้นานเท่าไหร่ จะคงความเชื่อถือศรัทธาได้เพียงไหน
เผยแพร่ครั้งแรกใน: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/285959
ไม่ต้องพูดว่าอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ต้องลาออกจากหัวหน้า แต่ประชาธิปัตย์แทบจะไม่มีน้ำหนักต่อรองร่วมรัฐบาลด้วยซ้ำ
ขณะที่เขียนยังนับคะแนนไม่เสร็จ แต่คงไม่พลิกมากนัก อันดับแรกน่าทึ่งกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งถ้าดูเฉพาะกรุงเทพฯ แทบจะกวาดคะแนนจากพรรคประชาธิปัตย์ไปหมด โดยใน 22 เขต พรรคเพื่อไทยกับอนาคตใหม่ตัดคะแนนกันเอง ขณะที่อีก 8 เขต คะแนนฝ่ายไม่เอาลุงเทไปที่อนาคตใหม่พรรคเดียว
นี่คือทิศทางที่เห็นชัด ฐานเสียงคนชั้นกลางเก่า ความคิดอนุรักษ์ ซึ่งเคยเลือกประชาธิปัตย์เทไปให้ลุงตู่ แปลว่าที่ผ่านมา คนเหล่านี้ไม่ได้ศรัทธา ปชป. เพียงเลือกเพราะเกลียดทักษิณ ขณะที่ฐานเสียงอีกฝ่าย คนไม่เอารัฐประหาร คนรักประชาธิปไตย คนรุ่นใหม่ อยู่ระหว่าง “ผลัดใบ” ก้ำกึ่งระหว่างเพื่อไทย อนาคตใหม่ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะ กทม. แต่เห็นภาพเช่นนี้ทั่วประเทศ ถ้า 2 พรรคนี้รวมกัน อาจชนะ ส.ส.เขตอีกมาก แต่ก็เป็นธรรมชาติ ที่ต้องแข่งขัน
พรรคเพื่อไทยยังรักษาฐานมวลชนในภาคเหนือและภาคอีสาน แม้เสีย ส.ส.บางส่วน ซึ่งอันที่จริงไม่น่าแปลกใจ เพื่อไทยชนะในปี 2554 แบบกวาดเรียบ แต่ชนะด้วยคะแนนไม่มาก เมื่อถูกตีฐานบางส่วน พร้อมกับเสียคะแนนให้อนาคตใหม่ ก็เสีย ส.ส.เขตไปไม่น้อย โดยก่อนหน้านั้นก็ถูกดูด ส.ส.ในภาคกลางและภาคเหนือตอนล่างไปหลายสิบคน
หากมองในภาพรวม “ฝ่ายประชาธิปไตย” ฐานเสียงไม่น่าจะลดลง แต่คนที่เลือกเพื่อไทยกระจายไปเลือกอนาคตใหม่ ขณะที่อนาคตใหม่ได้คะแนนเสียงคนรุ่นใหม่เพิ่มเข้ามา
หากคิดว่า นี่คือการหาเสียงแบบคนรุ่นใหม่ ไม่ได้ใช้วิธีการแบบเก่า ๆ ไม่มีกระสุน ไม่ได้ใช้คะแนนจัดตั้ง ไม่มีอำนาจรัฐหนุน ผู้สมัครโนเนมเกือบทั้งหมดด้วยซ้ำ ชัยชนะของอนาคตใหม่ก็เป็นสิ่งที่น่าตะลึงพรึงเพริด และเป็นอนาคตของขั้วการเมืองฝ่ายเสรีประชาธิปไตย
พูดง่าย ๆ การเมืองในช่วงต่อไป จะมี พล.อ.ประยุทธ์เป็นผู้นำฝ่ายอนุรักษนิยม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้นำฝ่ายเสรีนิยม แม้ไม่ใช่ผู้นำฝ่ายค้าน เพราะเพื่อไทยได้ ส.ส.มากกว่า แต่ความโดดเด่นจะมาอยู่ที่ธนาธร
อย่างไรก็ดี หากมองข้ามช็อต พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคเฉพาะกิจเท่านั้น รัฐบาลหน้าของ พล.อ.ประยุทธ์ จะประกอบด้วยพรรคการเมืองต่าง ๆ หลากหลาย จะต้องจับมือทั้งภูมิไทย ประชาธิปัตย์ ชาติไทยพัฒนา ชาติพัฒนา มาเป็นรัฐบาล
พูดอีกอย่าง รัฐบาลหน้าจะอยู่บนอุดมการณ์อนุรักษนิยม ที่คนชั้นกลางเก่าเชื่อว่าเป็น “คนดี” แต่องค์ประกอบจะเป็นนักการเมืองทุนท้องถิ่น ย้อนกลับไปเหมือนสมัยประชาธิปไตยครึ่งใบ ซึ่งไม่ทราบเหมือนกันว่า จะอยู่ได้นานเท่าไหร่ จะคงความเชื่อถือศรัทธาได้เพียงไหน
เผยแพร่ครั้งแรกใน: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/285959
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar