torsdag 6 december 2012

....."ประเพณีจัดงานบวงสรวงเทวดา"....´ชึ่งทำติดต่อกันมาเป็นเวลายาวนานถึง ๖๖ ปี จากอดีตจนถึงปัจจุบัน เทวดากินเครื่องเซ่นสังเวยมากมายก็มองไม่เห็นความดี บางปีไม่ชอบใจผู้บวงสรวงก็ใช้อำนาจของเทวดาลงโทษให้มีอันเป็นไป ถึงประชาชนจะบวงสรวงอย่างไรก็ไม่มีวันได้ประชาธิปไตยที่แท้จริง เพราะเทวดารักตัวเองกลัวหมดอำนาจตกลงจากสวรรค์ ดังนั้นประชาชนจงตื่นจากการเชื่อว่าจะได้ประชาธิปไตยโดยขอพรให้หล่นลงมาจากฟ้า ตามหลักความเป็นจริงแล้วพวกท่านจะต้องออกมาช่วยกันเป็นผู้กำหนดชะตาชีวิตของท่านและอนาคตของประเทศชาติด้วยมือของท่านเอง เพราะกาลเวลาได้พิสูจน์ให้ท่านเห็นแล้วว่า ประชาชนเจ้าของประเทศส่วนใหญ่ยังยากจนถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง......

โดย  ลูกชาวนาไทย

นายกฯปูจัดงานได้ยิ่งใหญ่ แต่โดนศัตรูโห่เอา ส่วนมิตรก็ไม่ค่อยปลื้มอะไรนักหนา
ผลการจัดงานเมื่อวานนี้ หากคิดเฉพาะเรื่องการจัดงานที่ยิ่งใหญ่นั้น นับว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างยิ่ง ประสพความสำเร็จมากกว่าในยุคของนายอภิสิทธิ์ ที่โหนสถาบันตลอด แต่ก็ไม่สามารถจัดงานวันที่ 5 ธันวาคม ได้ใหญ่โตขนาดนายกฯปู หรือแม้แต่นายกทักษิณ ที่เคยจัดได้ยิ่งใหญ่แบบนี้

นั้นวัดเฉพาะ การจัด Event เท่านั้น ถือว่าประสพความำเร็จ

แต่หากวัดในแง่ของการเมือง การจัดงานเมื่อวานนี้ ไม่ได้นำไปสู่อะไรเลย พวกเสื้อเหลืองพยายามโจมตีทุกอย่าง ตั้งแต่เรื่องจุดพลุ หรือแม้แต่เมื่อถึงเวลาทำพิธี นายกฯปู ก็โดนโห่เอาอีก เรียกว่าไม่ได้เครดิสหรือความชื่นชมจากฝ่ายตรงข้ามแต่อย่างใด แต่หากพลาดเพียงเล็กน้อยก็จะโดนโจมตีอย่างรุนแรง

ผลในด้านสร้างความสามัคคีหรือ ดูจากการโดนโห่ ก็ประเมินได้ว่ามันไม่ได้ส่งผลในการสร้างความสามัคคีให้ทั้งคนเสื้อแดงและเสื้อเหลือ​ง จะวิเคราะห์ให้ตรงๆ ไม่อ้อมค้อมก็ได้ว่า "ประเทศไทยวันนี้ไม่มีอะไรที่เป็นศูนย์กลางดึงใจประชาชนให้ร่วมกันได้อีกแล้ว" ความแตกแยกทางการเมือ 6 ปีที่ผ่านมามันลึกซึ้ง แม้แต่สถาบันก็ไม่มีพลังเพียงพอที่จะประสานความร่วมใจได้ เพราะอีกฝ่ายใช้ทำลายฝ่ายเสื้อแดงตลอดเวลา หากมีช่องโหว่

สำหรับคนเสื้อแดงที่สนับสนุนรัฐบาล ผมว่าส่วนใหญ่ไม่ได้ปลื้มเท่าไหร่ หรือแทบทั้งหมด เฉยๆ อยากทำก็ทำไปไม่มีใครว่าอะไร หรือให้เครดิสกับการดำเนินการครั้งนี้มากนัก อย่างมากก็เอาไปใช้ "ข่มฝ่ายตรงข้าม" ว่าเห็นไหม นายกฯ ชินวัตรสองพี่น้องสามารถจัดงานถวายพระเกียรติในหลวง ได้ยิ่งใหญ่กว่านายกฯจากฝ่ายอำมาตย์เองที่โหนมาโดยตลอดด้วยซ้ำ

ประโยชน์สำหรับฝ่ายสนับสนุนรัฐบาลมีแค่นี้เอง ไม่มีมากกว่านี้

แล้วอย่าคิดนะครับว่า "พวกอำมาตย์จะให้เครดิส" หรือเกรงใจอะไร เพราะนายกฯทักษิณ จัดงานเสร็จ ทั้งงานวันที่ 5 ธันวาคม 2548 และงานฉลองครองราชย์ปี 2549 เสร็จ ก็โดนรัฐประหาร ยึดทรัพย์ อยู่ในประเทศไม่ได้ ไม่เห็นพวกอำมาตย์จะให้เครดิสอะไร

ก็อย่างที่บอก ความขัดแย้งครั้งนี้มันเป็นความขัดแย้ง "การชิงอำนาจทางการเมือง" หากแพ้ก็หมายถึงต้องเสียทุกอย่างทางการเมือง อำมาตย์ก็หมดอำนาจทางการเมืองไป พวกเขาต้องสู้อย่างเต็มที่ หากปล่อยให้ตระกูลชินวัตรอยู่ ฝ่ายชนชั้นนำก็ต้องสูญอำนาจไปอย่างถาวร ยากที่จะทวงคืนกลับมาได้อีก ดังนั้นจะเอาใจฝ่ายอำมาตย์เพื่อให้พวกเขาเห็นใจนั้นอย่าหวังเลย

โชคดีที่ในทางยุทธศาสตร์ "ผู้นำสายเหยี่ยว" ที่สำคัญของฝ่ายอำมาตย์นั้นเดี้ยงไปแล้ว ส่วนที่มีอยู่เป็นสายพิราบ ที่มีความสุขุม ไม่แตกหัก การบุกของอำมาตย์สายเหยี่ยวอย่างม็อบแช่แข็งจึงไม่ได้ผล เพราะหาคนโทรฯ ที่ตำรวจเกรงใจไม่ได้ ดังนั้น การรุกอย่างรุนแรงที่ทรงพลังนั้น พวกอำมาตย์สายเหยี่ยวน่าจะทำได้ยากแล้ว ถึงรุกมาก็ไม่มีพลังที่จะทำลายฝ่ายรัฐบาลได้เพียงพอ

ตุลาการอาจทำลายรัฐบาลปูได้ แต่ยึดอำนาจไม่ได้ จะตั้งรัฐบาลในค่ายทหารนั้น ฝ่ายทหาร หากขาด "แบ็คหนุนหลังที่ทรงพลังพอ" ก็ไม่มีพลังอะไร (ขาดคนโทรฯ) มากมายนัก ยิ่งมีความแตกแยกในกองทัพมากมายด้วย ทหารก็รักษาตนได้เท่านั้น แต่รุกคงยาก

การเมืองอาจค่อยๆ สงบในเรื่องสงครามข้างถนน แต่ไม่สงบในสงครามทางการเมือง เรื่องคดี สภา องค์กรอิสระ
ก็สู้กันไป หากไม่ถึงกับ เอาทหารมายิงประชาชน ยึดสนามบิน ยึดทำเนียบ ก็ไม่มีปัญหาอะไร
                                      
                                     ....................................................................


โดย   ราษฎรตาสว่าง
เราคิดว่าการทำหน้าที่จัดงานครั้งนี้ของรัฐบาลนายกยิ่งลักษณ์   ทำให้พวกเราได้เห็นอะไรหลายอย่าง  ซึ่งผลที่ออกมาเมื่อพวกเราพิจารณาอย่างรอบคอบ    ดูจากอาการของฝ่ายต่างๆเช่น  สมาชิกครอบครัวกษัตริย์    รัฐบาล    ประชาชนเจ้าของประเทศผู้รักประชาธิปไตย   กลุ่มข้าทาสบริวารผู้ผูกขาดความจงรักภักดีจนเสียสติ   เมื่อดูจากการแสดงออกของฝ่ายต่างๆแล้ว    เราคิดว่างานนี้ทำให้ประชาชนตาสว่างมากขึ้นกว่าเดิม    เราคิดว่าอย่าเสียเวลาไปให้ความสำคัญกับเรื่อง"ประเพณีจัดงานบวงสรวงเทวดา"....ของรัฐบาล      เพราะประชาชนส่วนใหญ่ผู้รักประชาธิปไตยไม่ได้ประโยชน์อะไรจากงานนี้    ซ้ำยังต้องเสียเงินงบประมาณจากภาษีที่รัฐบาลเอาไปจัดงานให้เทวดา   นอกจากนั้นประชาชนยังถูกรัฐบาลขอร้องให้ใช้สีเหลืองในวันจัดงานบวงสรวงเทวดาอีกต่างหาก     ซึ่งเราถือว่าไม่เป็นประชาธิปไตย   ใครเป็นต้นคิด?   เพราะ "ความศรัทธาต้องมาจากใจ"  ไม่ใช่โดยการขอร้องหรือถูกบังคับ   เมื่อประชาชนได้เรียนรู้ได้เห็นความจริงแล้วว่าทั้งเทวดาทั้งนายทุนก็เป็นคนธรรมดาเหมือนพวกเรา    ฉนั้นประชาชนจงร่วมจับมือกันออกมาช่วยกันคิด ช่วยกันสร้างสังคมไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง   โดยนำความรู้ ข่าวสาร ข้อเท็จจริงต่างๆออกมาเผยแพร่ให้พี่น้องประชาชนได้รับรู้อย่างทั่วถึง  เพราะความรู้จะทำให้พวกเราเป็นคนฉลาด เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาในสังคมไทยและใช้เป็นแนวทางในการต่อสู้เรียกร้อง    เราคิดว่าไม่มีพลังหรืออำนาจใดๆจะมาหยุดยั้งความต้องการของพลังมวลชนฝ่ายประชาธิปไตยได้อีกต่อไป   พวกเราจงก้าวเดินต่อไป.
ด้วยความปราถนาดี
.................................................................................................................................................................

เป็นคำตอบที่ชัดเจนมากว่าประชาชนได้อะไรจากการบวงสรวงเทวดา.

โดย  หนานเมือง

จะจัดกี่ครั้ง
จะจัดทุกวัน
จะจัดใหญ่
จะจัดเล็ก

มีหรือเขาเดือดร้อน
ใช่เงินเขา
เขาดี เขาเด่น
เขาเป็น เราตาย
จนมากก็ขายตัว
ชั่วมากก็จี้ปล้น
ทุกข์มากเสพยา
ด่ามากก็ติดคุก
ชีวิตที่ซุกในกระเป๋า ก็เท่านี้
นี่แหละชีวิตขี้ข้า แม้เงยหน้า ยังไม่กล้ามองสบตา
อะไรคือปู อะไรคือกุ้ง
ที่รู้ๆตอนนี้หนวดกุ้งมันไปยุ่งพันขาปู...อิ อิ

หนานเมือง สล่าง่าวบ้านนอก

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar