söndag 19 februari 2017

ม.44 ปราบธรรมกาย? ...คอลัมน์ ใบตองแห้



ม.44 ปราบธรรมกาย?
ใบตองแห้ง

หลังคนไทยปีติยินดีกับสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ใหม่ไม่กี่วัน หัวหน้า คสช.ใช้ ม.44 ออกคำสั่งกลางดึก ควบคุมพื้นที่รอบวัดธรรมกาย DSI นำทหารตำรวจตรวจค้น จับฝ่าหลุนกง เอ๊ย พระธัมมชโยให้ได้ หลังประเคนข้อหาไป 300 คดียังไม่ได้ตัว
นี่คือการจับผู้ต้องหา “ฟอกเงินและรับของโจร” หรือปราบลัทธิภัยคุกคามก่อการร้าย ถึงต้องใช้คำสั่ง คสช. ใช้กำลังมากมาย
อ๋อ ใช่เลย คนเกลียดธรรมกายก็จะบอกว่าเพราะธัมมชโยไม่ยอมมอบตัว เพราะสาวกขัดขวางการจับกุม ฯลฯ แต่การทุ่มทุน “ขี่ช้าง” สำหรับผู้ต้องหาคดีอาญาธรรมดารายเดียว ก็ทำให้คนสงสัยว่า คดีธรรมกายมี agenda ใช่ไหม ไม่ใช่คดีธรรมดาตั้งแต่ต้น? หากเป็น “ภารกิจปฏิวัติ” ที่ต้องจัดการลัทธิภัยคุกคามให้ได้ ภายในยุครัฐบาลทหาร
เพราะร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 67 ก็สอดรับกัน ให้รัฐสนับสนุน “พุทธเถรวาท” และต้องมีมาตรการกลไกป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนา ไม่ว่ารูปแบบใด
ไชโยสิครับ ชาวพุทธทั้งหลาย พระศาสนาจะผ่องใสบริสุทธิ์ แต่ไม่ใช่ด้วยการเผยแผ่หลักธรรมหักล้างคำสอนผิดเพี้ยนของลัทธิจานบิน จนคนเข้าถึงแก่นพุทธ แต่พระศาสนาจะบริสุทธิ์ ด้วยการใช้อำนาจรัฐประหารกวาดล้าง “มารนอกรีต”
หรือนี่คือวิถีพุทธ ที่บรรดาผู้เข้าถึงแก่นธรรมคงดีใจฝุดๆ ถ้าได้เห็นวัดธรรมกายถูกปิด เห็นธัมมชโยถูกจับสึก ถูกลากคอเข้าคุก
ประหลาดดี ที่เหล่าผู้อ่านหนังสือท่านพุทธทาส ท่านปัญญา พระประยุทธ์ เชื่อว่าตัวเองเข้าถึงพุทธแท้ๆ กลับมีความเกลียดชังฝังใจและเชื่อว่าต้องใช้อำนาจขจัดมาร
แน่ละ ถ้าจะกวาดล้างธรรมกายจริงๆ จับธัมมชโยอย่างเดียวคงไม่พอ คงต้องมีมาตรการใช้อำนาจอื่นๆ ตามมา แต่ถามจริง ใช้อำนาจแล้วขจัดความเชื่อถือศรัทธาของสาวกได้ไหม ที่สำคัญ ใช้อำนาจแล้วจะปกปักรักษาพระพุทธศาสนา “เถรวาท” ให้พิสุทธิ์ผ่องใสได้จริงหรือ
เคยฟังหลวงพี่ไพศาล วิสาโล พูดไหมว่า “กรณีธัมมชโย/ธรรมกาย เป็นปัญหาที่ร้ายแรงในตัวมันเอง ขณะเดียวกันก็เป็นภาพสะท้อนปัญหาที่ร้ายแรงยิ่งกว่าของวงการพุทธศาสนาไทย”

คำสอนที่ผิดเพี้ยนของธรรมกายเกิดขึ้นไม่ได้หรอก ถ้าไม่ใช่เพราะปัญหาร้ายแรงของวงการพุทธไทย
ธรรมกายรุ่งเรืองมาหลายสิบปี พร้อมกับที่สังคมไทยเปลี่ยนสู่ทุนนิยมบริโภค ผู้คนเคว้งคว้างไม่มีที่พึ่งทางใจ พึ่งหมอดูคุณไสย ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ วัดเปลี่ยนไปเป็นสถานประกอบพิธีกรรม ให้เช่าศาลาตั้งศพ ขายถังสังฆทาน เกจิอาจารย์ก็ปลุกเสกเครื่องรางของขลัง “กูให้มึงรวย” แทบไม่เหลือความผูกพันระหว่างวัดกับบ้าน แทบไม่เหลือการสนทนาธรรม ถ้าเป็น “พระป่า” ก็พาไปโน้น! วิปัสสนากรรมฐาน มุ่งสู่นิพพาน เกินความต้องการชาวบ้านทั่วไป
ธรรมกายอาศัย “ระบบจัดตั้ง” เข้มแข็ง ที่ว่าเหมือนระบบขายตรง รับคนเข้ากลุ่ม สร้างสังคมเพื่อนมิตร มีที่ระบาย มีพระพี่เลี้ยงที่มีการศึกษา พูดจาทันสมัย จึงดึงดูดคนชั้นกลางเคว้งคว้างเข้าไป “บำบัดจิต” มากมาย ซึ่งไม่มีใครสนหรอกว่าคำสอนผิดเพี้ยนหรือไม่ แต่ถ้าเข้าวัดแล้วสบายใจ จ่ายเท่าไหร่ก็เท่ากัน
แน่ละ ธรรมกายน่ากลัวเพราะขยายลัทธิด้วยการอิงอำนาจ ทั้งอำนาจการเมือง อำนาจคณะสงฆ์ แถมยังใช้เงินที่มีไม่อั้น ขยายเครือข่ายไปทั่วประเทศ แต่ปัญหาของวงการพุทธศาสนา ไม่น่ากลัวกว่าหรือ
ความเชื่อศรัทธาของสาวกธรรมกายจะเสื่อมสลายไป เพราะธัมมชโยติดคุกไหม ต่อให้ใช้อำนาจไล่บี้ธรรมกายจนเป็นลัทธินอกรีต ปิดวัด ปิดสาขา ไม่มีที่ยืนแบบฝ่าหลุนกง แล้วจะทำลายศรัทธาได้ไหม
นี่ยังไม่พูดถึงอิทธิพลของธรรมกายที่แฝงอยู่ในคณะสงฆ์ ในคนระดับบนของสังคม อย่าลืมนะครับ สาเหตุหนึ่งที่ธรรมกายขยายอิทธิพลได้ ก็อาศัยความน้อยเนื้อต่ำใจของพระมหานิกาย ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
รัฐใช้ ม.44 บุกธรรมกายได้ โดยอาศัยกระแสสื่อ กระแสสังคม ที่โหมกันมานาน จนกลายเป็นถ้าไม่ใช้อำนาจรัฐประหารยึดทรัพย์ เอ๊ย จับธัมมชโย ก็ไร้น้ำยา คำถามคือการปลุกกระแสเกลียดชัง ทำให้พระศาสนาสูงส่งขึ้นไหม หรือปลุกให้เกลียดธรรมกายเพราะเชื่อว่าอิงอำนาจทักษิณ ฉะนั้นก็หนามยอกหนามบ่ง พึ่งอำนาจรัฐประหารฟาดฟัน

ถามจริง ใครเสื่อมกันแน่ ถ้าวงการพุทธไทยเสื่อม แต่ชี้ให้มองแค่ธรรมกาย อนาคตศาสนาจะเป็นอย่างไร จริงหรือ ที่เกลียดธรรมกายแล้วได้เป็นพุทธแท้ (เกลียดนักการเมืองแล้วได้เป็นคนดี) ชาวพุทธที่มีแต่ความเกลียดชัง คั่งแค้น อำนาจนิยม ทั้งทางโลกทางธรรม จะนำประเทศและศาสนาไปทางใด

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar