måndag 22 april 2019

"โครงการจิตอาสา " ประธาน นปช.”พร้อมคณะ เดินทางไปสมัครเป็นจิตอาสา พระราชพิธีบรมราชาภิเษก(?)

Matichon Online - มติชนออนไลน์
“ประธาน นปช.” พร้อมคณะ เดินทางไปสมัครเป็นจิตอาสา พระราชพิธีบรมราชาภิเษก
https://www.matichon.co.th/politics/news_1461179

.................................................

Somsak Jeamteerasakul

จตุพร พรหมพันธุ์ :

"เพื่อไทยจะต้องคิด.... อะไรคือสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ อะไรคือสู้ได้ #อะไรคือสู้ไม่ได้"
ผมบังเอิญเพิ่งดูคลิป "เบื้องลึก" ของคุณเทอดศักดิ์ เจียม ความจริงไม่ได้ดูคลิปเขามานานเป็นปีแล้วมั้ง เพราะแม้ทุกคลิปจะชื่อ "เบื้องลึก" แต่หาอะไรที่ "ลึก" จริงๆไม่ได้ บังเอิญเห็นเขาจั่วหัวเรื่อง "จตุพร เปลี่ยนไป" เลยสนใจฟังขึ้นมา เลยรู้ว่า เมื่อวานนี้ (19 สิงหาคม) "ไทยโพสต์ แทบลอยด์" ได้ตีพิมพ์บทสัมภาษณ์ จตุพร พรหมพันธุ์ ซึ่งในบทสัมภาษณ์ดังกล่าว จตุพรพูดในลักษณะเหมือนจะขัดแย้งกับณัฐวุฒิ (ที่เคยให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ทำนองว่า เพื่อไทยขาดทักษิณไม่ได้) โดยจตุพรพูดเป็นนัยๆเหมือนจะเสนอว่า ทักษิณควรถอนตัวจากเพื่อไทย
ตัวบทสัมภาษณ์ "ไทยโพสต์ แทบลอยด์" ของคุณจตุพรดังกล่าว อ่านได้ที่นี่ https://goo.gl/1sqTQx
สื่อที่แอนตี้ทักษิณ ทั้งไทยโพสต์เอง และทีนิวส์ เลยเอาคำสัมภาษณ์นี้มา "เล่น" กันใหญ่ (รวมทั้งคุณเทอดศักดิ์ ในคลิปที่ว่าด้วย)
ดูตัวอย่างไทยโพสต์ ที่ผมแค็พภาพมาให้ หรืออ่านตัวจริงที่ https://goo.gl/acRRBa
'จตุพร' มองต่าง 'ณัฐวุฒิ' แนะเพื่อไทยเอาทักษิณออกไป เตือนเล่นแบบเดิมระวังสะดุดหินก้อนที่สาม!"
ทีนิวส์ พาดหัว :
เดินคนละทาง? "จตุพร"สวน"ณัฐวุฒิ" ชัดวันนี้เดินคนละแนวทางกับระบอบ"ทักษิณ" (ไม่ได้แค็พภาพมา อ่านได้ที่นี่ https://goo.gl/YXGoz7)
และ
"จตุพร" ตกผลึกทางคิด เดินคนละแนวทาง “ทักษิณ” ตาม “สนธิญาณ”เคยฟันธง (อ่านได้ที่นี่ https://goo.gl/fGB9eC)
.....................
ความจริง ในบทสัมภาษณ์ "ไทยโพสต์ แทบลอยด์" (ซึ่งยาวมากๆ) ถ้าอ่านทั้งหมด คงพูดไม่ได้ว่าจตุพร "เปลี่ยนไป" มากอย่างที่สื่อข้างต้นพยายามนำเสนอ (ตัวจตุพรเองพูดไว้ตอนหนึ่งว่า "ผมก็ยังพูดคุยของผมเหมือนเดิม ผมไม่เคยเปลี่ยน") แต่ผมคิดว่ามีความเปลี่ยนแปลงบางอย่างจริง อย่างน้อยในแง่ "โทนเสียง" หรือเนื้อหาที่พูดบางอย่าง (อันที่จริง ถ้าใครตามที่เขาสัมภาษณ์หลังออกจากคุก อาจจะพอสังเกตได้ว่า เหมือนๆกับมีอะไรเปลี่ยนไป แต่ไม่ได้ชัดเจน)
ประเด็นใหญ่ที่ไทยโพสต์-ทีนิวส์-เทอดศักดิ์ นำขึ้นมา "เล่น" ดังที่กล่าวข้างต้น คือเรื่องที่จตุพรเหมือนจะเสนอว่าทักษิณควรถอนตัวออกจากเพื่อไทย
สำหรับใครที่ขี้เกียจตามอ่าน ผมขอยกมาให้ดูดังนี้
.....................
[#ถาม] หากยังเป็นแบบเดิมคือมีคนในตระกูลชินวัตรขึ้นมาเป็นหัวหน้า นำพาพรรคเพื่อไทยต่อ ก็อาจเกิดปัญหาแบบเดิม?
[#จตุพร] เขาต้องคิดเอง เราไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะไปสมัครรับเลือกตั้งได้ แต่เขาก็ควรจะคิด คือถ้าเป็นภาษาสื่อมวลชนก็คือ เราไม่ควรจะสะดุดหินก้อนเดิมถึงสองครั้งติดต่อกัน สะดุดครั้งแรกก็โอเคเพื่อให้รู้ว่ามันมีก้อนหิน แต่สะดุดครั้งที่สองมันคนละอย่าง ไม่ควรสะดุดหินก้อนเดิมถึงสองครั้ง แต่ที่ผ่านมาก็เกินสองแล้ว เพราะฉะนั้นมันต้องคิด และต้องคิดให้มาก คือต้องข้าม อย่าไปห่วงเรื่องการเลือกตั้ง
(เมื่อ "ไทยโพสต์ แทบลอยด์" ยกที่ณัฐวุฒิเคยสัมภาษณ์ว่าเพื่อไทยขาดทักษิณไม่ได้)
[#จตุพรตอบว่า] ในมุมมองของผมต้องการให้การเมืองอยู่บนหลักการมากกว่าตัวบุคคล การเมืองถ้าผูกติดกับอุดมคติแนวทางอุดมการณ์มันจะยั่งยืน ส่วนตัวบุคคลสามารถถูกทำลายได้ มีขึ้นมีลง มีบวกมีลบ นี่คือโลกแห่งความจริงหนีไม่พ้น จึงควรต้องยึดแนวทางอุดมการณ์เป็นหลัก คือควรต้องนำบุคคลออกไป การตัดสินแนวทางอุดมการณ์ต้องเอาหน้าคนออกไป
และส่วนที่ผมเอามาจั่วเป็นหัวกระทู้ข้างต้น
[#ไทยโพสต์ถาม] มองเพื่อไทยวันนี้อย่างไร ต้องเปลี่ยนแปลงปฏิรูปอย่างไร
[#จตุพรตอบ] พรรคเพื่อไทยจะต้องคิดตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน จนถึงอนาคต และอะไรคือจุดแข็ง จุดอ่อน ต้องปฏิรูป....ก็ควรที่จะยกเครื่อง อย่างที่ผมบอกว่าถ้าเริ่มต้นแบบไหนก็จะจบลงแบบนั้น ปัญหาก็คือว่าอะไรคือปัญหา อะไรคือสิ่งที่แก้ไขไม่ได้ อะไรคือสู้ได้ อะไรคือสู้ไม่ได้ มีหลายเรื่องต้องนำไปคิด แต่ผมคงไม่นำเสนอ แต่หากไม่เปลี่ยนแปลงเลย ไม่ปฏิรูปเลยก็จะจบลงแบบเดิม
[ขอให้สังเกตว่า "อะไรคือสิ่งที่แก้ไขไม่ได้....อะไรคือสู้ไม่ได้" เป็น "เอ๊คโค่" หรือ "เสียงสะท้อน" กับสิ่งที่ เสก โลโซ พูดและผมยกมาหลายวันก่อน]
.....................
ความจริง ประเด็นสำคัญหลักที่จตุพรเสนอในบทสัมภาษณ์คือ ทุกฝ่ายน่าจะมาพูดคุยกัน เพราะไม่เช่นนั้น เลือกตั้งไป ก็เกิดวิกฤติซ้ำอีก อาจจะมีการตายกันอีก (ซึ่งเป็นประเด็นที่เขาพูดตอนออกมาจากคุกว่า "จะแก้ก่อนตายหรือให้ตายแล้วค่อยแก้")

เรื่อง "คุยกันทุกฝ่าย" ให้รู้เรื่องว่าจะเอายังไงกัน ผมบังเอิญนึกๆขึ้นมาและได้คุยกับเพื่อนบางคนเร็วๆนี้ ผมไม่แน่ใจว่าคุณจตุพรมีภาพอะไรในใจ (เพราะในบทสัมภาษณ์ที่ยาวมากนี้ เขาไม่ได้พูดรูปธรรมออกมาชัด) แต่ผมนึกถึงช่วงปลายปี 2553 - ต้นปี 2554 ที่มีการพบปะพูดคุยระหว่างตัวแทนอย่างน้อย 3 ฝ่ายจริง คือ ฝ่ายประชาธิปัตย์, ฝ่ายเพื่อไทย-นปช #และตัวแทนฝ่ายวัง ซึ่งมีส่วนสำคัญที่นำไปสู่การเลือกตั้งปี 54 แต่เรื่องนี้ คงต้องพูดกันอีกยาว ต้องไว้โอกาสอื่น
.....................
ในระหว่างอยู่ในคุก คุณจตุพรมีโอกาสได้รับการเยี่ยมเยือนและพูดคุยกับ "บุคคลสำคัญมาก" ผู้หนึ่ง ไม่แน่ใจว่า "น้ำเสียง" และเนื้อหาบางอย่างที่เปลี่ยนไปบ้างนี้ เป็นผลจากการได้พูดคุยนั้นหรือไม่เพียงใด (คนที่รู้จักเขาบางคนคิดว่าน่าจะมีส่วน)

Image may contain: 2 people, text 


"จิตอาสา" : "ลูกเสือชาวบ้าน" ของวชิราลงกรณ์ อ่านรายละเอียด.....

"จิตอาสา" : "ลูกเสือชาวบ้าน" ของวชิราลงกรณ์
ถึงตอนนี้ คงยากจะมีคนยังไม่รู้หรือไม่สังเกตเห็นว่า วชิราลงกรณ์ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรียกว่า "จิตอาสา" อย่างมาก (ช่วงเหตุการณ์ "ถ้ำหลวง" นายกฯ ผู้ว่าฯ และเจ้าหน้าที่ต้องใส่เสื้อและผูกผ้าพันคอ "จิตอาสา" - ซึ่งในแง่นึงก็ตลกดี เพราะนายกฯ หรือ ผู้ว่าฯ ไม่ได้กำลังทำ "จิตอาสา" แต่เป็นหน้าที่ประจำที่ต้องทำอยู่แล้ว)
เดือนที่ผ่านมา มีการประกาศรับสมัครข้าราชการและประชาชนเข้าร่วม 'โครงการจิตอาสา "เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ" ' (เขาจงใจสะกดแบบนี้: "ดี" แยกออกมาไม่ติดกับตัวอื่น) เดิมประกาศรับสมัครถึงสิ้นเดือนก่อน แต่ได้ขยายเวลารับสมัครไปถึงสิ้นเดือนนี้
ดูประกาศที่นี่ https://goo.gl/jYKZT3

คมชัดลึก รายงานตั้งแต่วันแรกที่เปิดรับสมัคร (12 กค) อ้างว่า ประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก https://goo.gl/Q12TpE
และดูเว็บไซต์นี้ ซึ่งมีให้รายละเอียดเรื่องความเป็นมา และกิจกรรมในอดีตและปัจจุบัน รวมทั้งการประกาศรับสมัครล่าสุดนี้ https://goo.gl/AWj4dt
...............
แต่ภาพประกอบที่ผมนำมาแสดง (ขอบคุณมิตรสหายท่านหนึ่งที่ช่วยส่งมาให้) ไม่ใช่โครงการ "เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ" ที่ว่า เป็นอีกอันหนึ่งที่กำลังเริ่มทำในเวลาเดียวกัน
เป็นหนังสือของสถิตพงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการฯ ส่งถึงหน่วยราชการหลายแห่งเมื่อต้นเดือนที่แล้ว ให้แต่ละหน่วยตั้งคณะกรรมการคัดเลือกบุคคลรวม 402 คน มาฝึกอบรม 'หลักสูตรจิตอาสา "หลักสูตรหลักประจำ" รุ่นที่ 2 ประจำปี 2561' ซึ่งจะใช้เวลาอบรม 6 สัปดาห์ ช่วงกลางพฤศจิกายน ถึงปลายธันวาคม
ขอให้สังเกตว่า มีการกำหนดให้เสร็จสรรพว่าหน่วยงานไหนต้องส่งมากี่คน, เป็นชาย-หญิง กี่คน, จากส่วนกลาง-ส่วนภูมิภาค กี่คน

ดูลักษณะตามที่บรรยายในหนังสือแล้ว นี่คงเป็นการอบรมแบบ "เข้าค่าย" อยู่กินตลอด 6 สัปดาห์ และมีการฝึกออกกำลังทำนองฝึกทหารด้วย (สถานที่ "ฝึกอบรม" ตามหลักสูตรคือ "กองพันฝึกส่วนหลัง กองบัญชาการมหาดเล็กราชวัลลภ")

ผู้ที่หน่วยราชการคัดเลือกส่งมาฝึก ต้องมีคุณสมบัติ 2 ข้อแรกคือ
"มีทัศนคติที่ดีต่อชาติ ต่อสถาบัน ..."

"เป็นบุคคลที่ได้รับการตรวจสอบพฤติกรรม จากหน่วยงานของรัฐแล้ว ว่าไม่เป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ"
การฝึกอบรม "มุ่งเน้น...ให้บุคคลากรมีทัศนคติที่ดีต่อสถาบัน ..." หลังจากฝึกแล้ว "ผู้รับการฝึกจะต้องเป็นวิทยากรชั้นเลิศ สามารถอบรมขยายผลให้หน่วยงานของตนเองและพื้นที่ ที่ได้รับมอบหมาย..."
พูดง่ายๆ อันนี้ต่างจากอันบนที่เป็นการระดมประชาชนทั่วไปมาเป็น "จิตอาสา" - อันนี้คือการ "ฝึกผู้ปฏิบัติงาน" ของโครงการ

เท่าที่ค้นได้ การฝึกอบรม "หลักสูตรหลักประจำ" รุ่นที่ 1/2561 ทำไปเมื่อต้นปี ช่วงปลายเดือนมีนาคม - ดูรายงานข่าว "สืบสานพระราชปณิธาน ‘ร.10’ อบรมจิตอาสา 904 ‘เป็นเบ้า เป็นแม่พิมพ์’" ที่นี่ https://goo.gl/6yoVb9

และดูรายงานข่าว "พล.1 รอ.อบรม "จิตอาสา 904" รุ่นแรก เพื่อเป็นแม่พิมพ์ความรักชาติ-สถาบันฯ" (29 เมษายน) ซึ่งเข้าใจว่าเป็นการต่อเนื่องจากการอบรมวิทยากรจาก "หลักสูตรหลักประจำ" รุ่นที่ 1 ดังกล่าว https://goo.gl/fCoRg3 
พล.1 รอ.อบรม "จิตอาสา 904" รุ่นแรก เพื่อเป็นแม่พิมพ์ความรักชาติ-สถาบันฯ วันที่ 29 เม.ย. 2561 เวลา 15:23 น.
พล.1 รอ.อบรม "จิตอาสา 904" รุ่นแรก เพื่อเป็นแม่พิมพ์ความรักชาติ-สถาบันฯ
ผบ.พล.1รอ. จัดอบรมพลทหารและมวลชนรอบค่ายเป็น"จิตอาสา904"หวังเป็นแม่พิมพ์ถ่ายทอดความรักชาติและสถาบันฯ
เมื่อวันที่ 29 เม.ย.  พล.ต.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผบ.พล.1 รอ. เปิดการฝึกอบรมเรื่อง "สถาบันพระมหากษัตริย์กับประเทศไทย" โดยวิทยากรหลักสูตรจิตอาสา 904 หลักสูตรหลักประจำ รุ่นที่ 1/61 “เป็นเบ้า เป็น แม่พิมพ์" โดยการอบรมครั้งนี้ เป็นการให้ความรู้กับพลทหารที่จะปลดประจำการ 420 นาย และมวลชนของหน่วย 500 คน เพื่อเป็นการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้จิตอาสา และเป็นการปลูกจิตสำนึกความรักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ให้กับกำลังพลที่จะปลดประจำการไปเป็นประชาชนพลเรือน และประชาชนที่อยู่โดยรอบหน่วย

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar