söndag 31 juli 2011

ความโหดเหี้ยมอำมหิตและความป่าเถื่อนของระบอบเผด็จการกษัตริย์ไทย โดยใช้ทั้งศาลและทหารทีเป็นสมุนรับใช้ทำร้ายและรังแกประชาชนมือเปล่าที่เรียกร้องสิทธิ เสรีภาพ ความยุติธรรมและประชาธิปไตย

ในเรือนจำหญิงแห่งนี้แต่ละคนแต่ละสายก็แบ่งหน้าที่กันเข้าเยี่ยมผู้ต้องขังกันชุดละสามคน ทั้งพี่ดา ตอร์ปิโด และคนอื่นๆอีก3คน

ตัวผม พี่บี้ อัฐพล และพี่เอก เอกชัย(ผู้ต้องหาคดี112ที่ได้ประกันตัวออกมาสู้คดี) ได้ตีเยี่ยมผู้ต้องขังหญิงเสื้อแดง ที่ต้องโทษคดีพกพาวัตถุระเบิด คุณพยอม หนูสูงเนิน ชาวจังหวัดชัยภูมิ ซึ่งศาลพิพากษายืน จำคุก 1 ปี 6 เดือน ไม่รอลงอาญา

พวกเราได้พูดคุย สอบถาม ให้กำลังใจ รวมทั้งขอสัมภาษณ์สั้นๆมาเพื่อนำสาส์นนี้มาเผยแพร่ให้กับพี่น้องเสื้อแดงภายนอกได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น

พี่พยอมเล่าว่า สามีของพี่เขา ชื่อพี่โชค (โชคอำนวย สุรการ) ติดคุกคดีก่อการร้าย ที่ฝั่งเรือนจำชายเช่นกัน พี่โชคถูกจับในวันที่ 17 พ.ค. 53 ส่วนพี่พยอมถูกจับในวันที่ 18 ที่บริเวณคอนโด หลังจากแวะกลับไปอาบน้ำ

พี่เอกชัยได้แจ้งกับพี่พยอมว่า เมื่อเช้าเข้าไปเยี่ยมในเรือนจำชาย พี่โชคก็ฝากความคิดถึงมา ฝากมาบอกว่าพี่โชคยังไม่ลืม และยังเป็นห่วงพี่พยอมเสมอ ให้อดทนเอาไว้ พี่โชคก็จะอดทนเช่นกัน พี่พยอมก็ตอบว่าก็มีแต่พี่โชคนี่แหล่ะที่ยังเป็นกำลังใจให้กันและกัน เขียนจดหมายคุยกันข้ามกันไปข้ามกันมาในสองเรือนจำนี่แหล่ะ


ต่อไปเป็นบทสัมภาษณ์พี่พยอม หนูสูงเนิน นะครับ


ผม : สภาพความเป็นอยู่ข้างในเป็นอย่างไรบ้างครับ?

พี่พยอม : ตอนนี้ก็ลำบาก จริงๆก็ลำบากมาตลอด อยู่เฉยๆไม่ได้เลย มันคิดมาก มันฟุ้งซ่าน ไม่รู้จะทำยังไง ตอนหลังนี่เขาก็ให้พี่ไปปูกระเบื้อง ไปช่วยบำเพ็ญประโยชน์อยู่ข้างในนี้

ผม : ตอนนี้ขาดเหลืออะไรบ้างมั๊ยครับ พวกผมจัดกิจกรรมช่วยเหลือคนข้างในจะพยายามจัดส่งเข้าไปให้ครับ

พี่พยอม : ตอนนี้หน้าฝน ลำบากมากเรื่องเสื้อผ้า ก็ขอเป็นชุดผ้าบาง(แบบไม่มีแถบ) ชุดชั้นใน กางเกงใน ผ้าถุง ผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก สบู่ แชมพู ผ้าอนามัย พวกนี้ ยังไงก็ขอบคุณพวกเรามากนะที่ยังไม่ลืมกัน

ผม : ที่ผ่านมามีใครมาเยี่ยมพี่พยอมบ้างมั๊ยครับ

พี่พยอม : ...(ไม่พูดอะไร แต่หยิบผ้าปิดปากขึ้นมาซับน้ำตา ร้องไห้... ผมอดน้ำตาซึมไปด้วยไม่ได้) ... 4 เดือนแล้ว ไม่มีใครมาเยี่ยมเลย วันนี้นกแดงเขามาด้วยมั๊ย พี่คิดถึงนกแดง มีแต่เขาที่คอยมาเยี่ยมคนในนี้อยู่ตลอด

ผม : ตอนที่พี่พยอมอยู่ในที่ชุมนุมเป็นการ์ดนปช.เหมือนกันใช่มั๊ยครับ ?

พี่พยอม : ตอนแรกน่ะนะ พี่กับพี่โชค ก็เป็นพ่อค้าแม่ค้าขายเสื้อแดงธรรมดานี่แหล่ะ ไปๆมามาพอรู้จักคนเยอะเข้า ก็เริ่มมีลูกน้อง แล้วก็เข้าไปทำงานกับการ์ดส่วนกลาง ไปขึ้นตรงกับพี่อารีย์(อารีย์ ไกรนรา) แล้วพอดีว่าในลูกน้องที่เป็นการ์ดนั้น มันมีสายจากฝั่งตรงข้ามมาแฝง คอยรายงานนายมัน ชื่อไอ้โต้ง กับไอ้ตี๋ แล้วก็ยังมีอีกหลายคน ส่วนใหญ่ที่โดนจับกันก็เพราะไอ่ที่เป็นสายมาแฝงตัวนี่แหล่ะ

ผม : แล้วพี่พยอมได้รับความช่วยเหลือจากทางนปช.หรือทางพรรคบ้างมั๊ยครับ หรือมีใครจากทางนั้นมาเยี่ยมบ้างไหม?

พี่พยอม : ...ตั้งแต่ติดคุกมา 1 ปี 3 เดือน ได้จากพรรคช่วยเหลือมา 600 บาท ตอนนั้นให้ญาติไปทำเรื่อง ไปเซ็นต์ไปขอเบิกมา โอ๊ย ยากเย็นจริงๆน่ะ เรื่องคนจะมาเยี่ยมก็ได้แต่รอคอยความหวังกันไป

ผม : ทางคุณอารีย์ ไกรนรา หัวหน้าการ์ดที่พี่พยอมเคยทำงานให้นี่เขาได้ส่งข่าวคราวหรือแวะมาเยี่ยมบ้างรึยังครับ?

พี่พยอม : ไม่เคยนะ

ผม : พี่พยอมอยากฝากอะไรถึงพี่น้องเสื้อแดงที่ยังร่วมกันต่อสู้เพื่อความยุติธรรมด้วยกันอยู่ข้างนอกมั๊ยครับ ?

พี่พยอม : ก็อยากจะฝากความคิดถึงพี่น้องเสื้อแดงทุกๆคน ขอให้สู้กันต่อไปนะ คนข้างในนี้ก็ยังสู้อยู่ ฉันโดนโทษ 1 ปี 6 เดือน ตอนนี้ติดมา 1 ปี 3 เดือนแล้ว หลังจากสิ้นเดือนนี้ ฉันก็จะนับถอยหลังไปอีก 3 เดือน 14 วัน เพื่อรอให้ถึงวันที่ 14 พฤศจิกายน เวลา 9 โมงเช้า ฉันก็จะพ้นโทษออกไปจากที่นี่ และสัญญาว่าจะไปร่วมต่อสู้ด้วยกันกับพี่น้องข้างนอกต่ออย่างแน่นอน

ผม : วันที่ 14 พ.ย. นี้พี่พยอมจะพ้นโทษแล้วใช่มั๊ยครับ มีญาติๆรู้ข่าวกันบ้างรึยังครับ มีใครจะมารับรึปล่าวครับพี่ ?

พี่พยอม : ก็อยากให้มีคนมารับเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าญาติๆพี่ที่ชัยภูมิเขาจะสะดวกมากันรึปล่าวจ้ะ

ผม : ถ้าอย่างนั้นพวกผมทั้งพี่นกแดงแล้วก็พี่น้องเสื้อแดงจะมาต้อนรับพี่ออกจากเรือนจำด้วยกันครับ เช้าวันที่ 14 พ.ย.นี้ นะครับ

พี่พยอม : ยิ้มๆ แล้วก็บอกว่าขอบคุณทุกๆคนที่มาเยี่ยมพี่มากๆเลยนะ

lördag 30 juli 2011

นี่คือภาพประวัติศาสตร์ทีชี้ให้เห็นว่ากษัตริย์และราชินีอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจ 19 กันยายน 2549

ตามหลักการถือว่ารัฐธรรมนูญคือกฏหมายอันสูงสุดสำหรับปกครองประเทศ  ผู้ใดจะล่วงละเมิดและล้มล้างมิได้ ถ้ามีการกระทำใด หรือกลุ่มบุคคลใดทำการรัฐประหารยึดอำนาจหรือทำการล้มล้างรัฐธรรมนูญ ล้มล้างรัฐบาลภายใต้รัฐธรรมนูญดังกล่าว ต้องถือว่าเป็นกบฏต่อชาติ ต่อแผ่นดิน  ต้องได้รับโทษถึงประหารชีวิต
เมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 มีกลุ่มบุคคลคณะหนึ่งและกลุ่มทหารนำโดย พลเอก สนธิ บุญยรัตกลินได้ ทำการรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองล้มล้างรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ล้มล้างรัฐธรรมนูญ  การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย  ถือว่าเป็นกบฏ ต่อชาติ ต่อแผ่นดิน ต่อประชาชน ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตย ทั้งๆที่การกระทำดังกล่าวได้ประจักษ์ต่อสายตาชาวไทยทั้งประเทศและทั่วโลกว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฏหมาย ผิดรัฐธรรมนูญการปกครองตามระบอบประชาธิปไตย   แต่กษัตริย์ภูมิพลก็ได้ลงนามรับรองให้พวกกบฏเหล่านั้นจัดตั้งรัฐบาลเถื่อนขึ้น   กษัตริย์ภูมิพลเป็นประมุขของประเทศมีอำนาจสุงสุดในการปกป้องรัฐธรรมนูญของชาติ  ในฐาณะที่เป็นกษัตริย์มีสิทธิตามกฏหมายที่จะไม่ยอมลงนามเพื่อนิรโทษกรรมให้แก่พวกทหารกบฏเหล่านั้น  การกระทำของกษัตริย์จึงเป็นการสนับสนุนให้พวกกบฏยึดอำนาจ ล้มรัฐบาล ล้มล้างรัฐธรรมนูญของปวงชนชาวไทยที่ได้เลือกรัฐบาลนั้นมาตามวิถีทางของระบอบประชาธิปไตย   เมื่อเป็นเช่นนี้ย่อมถือได้ว่ากษัตริย์ภูมิพลเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารยึดอำนาจครั้งนี้

fredag 29 juli 2011

Thailand' s " lese majeste " law under scrutiny

by  Todd  Pitman    Associate press / AP

BANGKOK (AP) — Two articles in a now-defunct magazine may carry a huge cost for the 50-year-old editor who published them if prosecutors prove they defamed Thailand's monarchy: up to three decades in prison — 15 years for each story.
Somyot Pruksakasemsuk, a supporter of former Prime Minister Thaksin Shinawatra, was formally charged Monday with breaking this Southeast Asian kingdom's "lese majeste" laws, becoming the latest target of a controversial set of legal provisions designed to protect the crown.
The legislation is the harshest of its kind in the world, and in the five tumultuous years since the army toppled Thaksin, cases like Somyot's are being prosecuted more than ever before. Now, a small but unprecedented movement has begun speaking out against what they see as an increasing abuse of the laws by an elite establishment bent on silencing its critics.
In the last few months, hundreds of prominent writers, filmmakers, lawyers and journalists have signed petitions calling for reform of the constitution's Article 112, which mandates three to 15 years in jail for "whoever defames, insults or threatens the king, the queen, the heir to the throne or the regent." Also in their sights: related provisions in the 2007 Computer Crimes Act that have enabled prosecutors to ramp up penalties dramatically.
"The time has come for people to raise their voices," said webmaster Chiranuch Premchaiporn, who faces 20 years in prison herself for failing to remove allegedly offensive reader comments from an online news forum quickly enough. "We cannot keep silent anymore."
Thailand's King Bhumibol Adulyadej is an intensely idolized figure here, and few if any Thais would condone insulting him. But the rising lese majeste caseload "has greatly undermined Thailand's democratic credentials and done more harm than good to the royal institution the laws are designed to protect," Shawn Crispin, a regional spokesman for the Committee to Protect Journalists, said Friday.
Protecting the law from abuse will not be easy. The army says defending the crown must take priority because it is an issue of national security. Lawmakers and politicians routinely avoid the subject because even debating it can be taboo; the woman expected to be Thailand's next prime minister, Thaksin's sister Yingluck, has said she has no plans to reform the law, calling it "quite sensitive."
"Our modest demand is that there be open public discussion," said Chiranuch, who is a member of a loose group called Article 112 Awareness Campaign, which has tried to stir debate with low-key marches, seminars and a Facebook site. "If you can't talk about it, you can't fix it."
Though lese majeste sentences are often reduced after conviction and many complaints never make it to trial, the constant threat of jail time has created a climate of fear that fuels self-censorship and stifles freedom of expression, said the 44-year-old webmaster, whose next court appearance is in September.
Somyot launched the Voice of Thaksin magazine in 2009, and the two articles in question were published under pseudonyms in February 2010.
Authorities banned the magazine a few months later, invoking an emergency decree imposed after anti-government protesters from the mostly pro-Thaksin Red Shirt movement paralyzed downtown Bangkok for two months.
Somyot wasn't arrested until April 30 of this year, and there is speculation prosecutors are pursuing the case against him for another reason: he had been gathering signatures for a petition to revoke Article 112.
Sensitivity over the monarchy has risen as the health of King Bhumibol has declined in recent years, sparking concern over the future of an institution that has long united the country.
Thailand has also been plagued by political unrest since the 2006 coup, which many have come to view as a struggle between the disenfranchised poor and an elite old-guard — powerful businessmen, the army and the palace — that has fought back by pursuing more lese majeste cases than ever before.
Statistics obtained by The Associated Press from Thailand's Office of the Attorney General show that 36 lese majeste cases were sent for prosecution in 2010, compared to 18 in 2005 and just one in 2000.
The figures do not include those filed under the Computer Crimes Act, nor the myriad complaints under investigation that have yet to reach trial.
This year, a Thai court sentenced Thanthawut Taweewarodomkul, operator of a Red Shirt-affiliated website, to 13 years in jail on lese majeste charges. Police also jailed Thai-born American Joe Gordon in part for allegedly posting a link on his blog to a banned biography of the monarch.
The army, meanwhile, leveled lese majeste accusations at 18 core Red Shirt members and filed a complaint against historian Somsak Jeamtheerasakul for allegedly insulting the king's daughter. A protest by Somsak's supporters included an almost unheard of sight: people carrying placards with the number "112" crossed out.
"They're using it as a political tool to destroy their enemies," Worachet Pakeerut, a law professor at Thammasat University, said of the law.
He is leading an academic group proposing the constitutional clause be amended to reduce the maximum sentence and restrict those who can file charges to The Bureau of the Royal Household, one of the monarchy's offices.
One reason the legislation is vulnerable to abuse "is because anybody can file a lese majeste complaint," Worachet said. "Nobody is questioning whether the monarchy is good for Thailand. But we have to modernize."
According to i-Law, a Thai group that monitors Internet censorship, the government blocked around 75,000 websites in 2010 — 57,000 of them for containing lese majeste content.
The Department of Special Investigation, Thailand's equivalent of the FBI, is currently handling about 20 lese majeste cases and has assigned 80 officials to monitor the Internet for subversive content, according to its deputy directory, Col. Yanaphon Youngyuen.
The government is also setting up "cyber scout" units in three ministries to train private citizens to act as online whistle-blowers.
David Streckfuss, a Thailand-based American scholar, said there is a political "witch-hunt going on." But he also sees a deeper struggle over democratic freedom that pits rivals across the chasm created by the 2006 coup.
"One side is pushing for an opening of the public sphere, and they have begun challenging what can and can't be said," Streckfuss said. The other side "is trying to trying to close that space to preserve the past."
___
Associated Press writer Sinfah Tunsarawuth contributed to this report.

torsdag 28 juli 2011

ประกาศจุดยืนของแนวร่วมประชาชนเพื่อการปฏิวัติประชาธิปไตย

ประกาศจุดยืนของแนวร่วมประชาชนเพื่อการปฎิวัติสู่ระบอบประชาธิปไตยสมบูรณ์

ถึงผู้เกี่ยวข้องและพี่น้องปวงชนไทยทุกท่าน

        พวกเราเป็นกลุ่มคนไทยหลากหลายหมู่เหล่า ทั้งในและต่างประเทศ ที่มีความเห็นพ้องต้องกัน ในจุดยืนและเจตนารมย์ ในฐานะประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตย ที่ต้องการให้ประเทศไทย มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยโดยสมบูรณ์ และขอประกาศให้ท่านได้รับทราบในจุดยืน และเจตนารมย์ร่วมของปวงชนชาวไทยดังต่อไปนี้
 
1.ประเทศไทยต้องเดินหน้าด้วยการยอมรับมติของมหาประชาชนผ่านการเลือกตั้ง และพรรคเพื่อไทย ผู้ซึ่งชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลาย มีจำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เกินกึ่งหนึ่งของจำนวนสส. ในสภาที่กำหนดไว้ แถมยังชนะพรรคอันดับสอง มากกว่าร้อยตำแหน่งนั้น จะต้องได้เป็นรัฐบาลโดยไม่สิ่งใดมาสกัดกั้นได้ และเราจะไม่ยอมรับวิธีการใด ๆ อันไม่เป็นประชาธิปไตยที่จะมาบิดเบือนมติมหาประชาชนครั้งนี้เป็นอันขาด
 
2. เราจะไม่ยอมรับมติของ กกต. ที่มีคนเพียงห้าคน และไม่ได้ผ่านการเลืกตั้งจากประชาชนโดยตรง ในการที่จะตัดสิทธิผู้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยุบพรรค หรือล้มผลการเลือกตั้ง และพวกเราจะต่อต้าน และเรียกร้องให้มีการปฎิเสธ ไม่ให้ความร่วมมือ หรือหยุดยั้งการกระทำใด ๆ ที่ขัดกับหลักเสรีประชาธิปไตยโดยคณะกรรมการนี้และคณะบุคคลหรือบุคคลอื่นใดอย่างหนักแน่น จริงจัง และจนถึงที่สุด
 
3.คุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้รับฉันทามติให้เป็นผู้นำฝ่ายบริหาร หรือนายกรัฐมนตรี ผ่านการเลือกตั้งที่ชัดเจน เราจะไม่ยอมรับและจะต่อต้านความพยายามใด ๆ ก็ตาม ในอันที่จะขัดขวางหรือบิดเบือนฉันทามติดังกล่าว ไม่ว่าจะในรูปแบบใด ๆ ทั้งสิ้น
 
4. ระบอบการปกครองปัจจุบันมีปัญหามากมาย เพราะมีกลไกและคณะบุคคลที่เป็นปฎิปักษ์์ ต่อการพัฒนาประชาธิปไตยให้สมบูรณ์ เราสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และยกเลิก หรือแก้ไขกฎหมายที่เป็นปัญหา โดยเฉพาะที่ขัดกับหลักเสรีประชาธิปไตย เพื่อกำจัดกลไกพิษ และเราจะเคลื่อนไหวให้มีการปฎิวัติระบบยุติธรรม กองทัพ การเมือง วัฒนธรรม สื่อมวลชน และระบบราชการ เพื่อกำจัดกลไกพิษและสร้างรากฐานใหม่ให้ประเทศ ไปพร้อม ๆ กับการแก้ปัญหาสำคัญด้านอื่น ๆ อันเร่งด่วนของประเทศตามที่พรรคเพื่อไทย และว่าที่พรรคร่วมรัฐบาลได้ประกาศเป็นนโยบายไว้ตอนหาเสียงเลือกตั้ง
 
5. เราไม่ยอมรับให้มีการอภัยโทษกับบุคคลใดทั้งสิ้น ความเป็นนิติรัฐต้องถูกรื้อฟื้นคืนมา โดยให้มีการประกันตัวนักโทษ ผู้ต้องหา หรือผู้ต้องขังที่ยังไม่ได้มีการพิพากษาขั้นสูงสุดทุกคน ตามหลักกฎหมายสากล แล้วจัดให้มีการพิจารณาคดี โดยขบวนการศาลที่บริสุทธิ์ยุติธรรม โดยอาจมีการเพิ่มกลไกพิเศษ เช่นให้มีผู้ร่วมพิจารณา โดยตัวแทนองค์กรเป็นกลาง หรือองค์กรต่างประเทศ หรือการให้ตัวแทนประชาชนได้เข้าไปมีส่วนร่วมในขบวนการยุติธรรมในกรณีที่จำเป็น
 
6. เราจะไม่ทนนิ่งเฉยกับการกระทำอันไม่เป็นประชาธิปไตยทุกรูปแบบโดยบุคคลหรือคณะบุคคลใด ๆ ทั้งนี้ รวมถึงการรัฐประหาร และการใช้อำนาจเถื่อนทุกรูปแบบ โดยเราจะต่อต้าน ขัดขืน แก้ไขหรือกำจัดสิ่งเลวร้าย ด้วยวิถีทางแห่งอารยชนในทุกรูปแบบที่เป็นประชาธิปไตยอย่างไม่ย่นย่อ ไม่กลัว ไม่หลีกเลี่ยง และไม่รามือจนกว่าเราจะได้ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ไว้ให้ลูกหลานสืบไปแล้วเท่านั้น
 
7. เราเรียกร้องให้ตรวจสอบ ประเมินผลการทำงาน และยกเลิกองค์กรหรือคณะทำงานใด ๆ ที่ถูกแต่งตั้งขึ้นมาโดยคณะรัฐประหาร หรือโดยผลที่ต่อเนื่องมาจากการทำรัฐประหาร และเกมการเมือง หรือการใช้อำนาจรัฐอันไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ หลักสิทธิมนุษยชน และความเป็นนิติรัฐ ตามมาตรฐานสากลทั้งปวง เพราะองค์กรเหล่านี้มีที่มาที่ไม่ชอบธรรม และพฤติกรรมที่ผ่านมา ก็ไม่เป็นที่น่าเชื่อถือหรือเป็นคุณใด ๆ กับบรรยากาศและหลักการพื้นฐานของประเทศ
จุดยืนเหล่านี้ เป็นจุดยืนอันบริสุทธิ์ของประชาชนไทยทั่วโลก ที่มีความห่วงใยในอนาคต ของประเทศชาติ เราได้สูญเสียและเสียหายมามากเกินพอแล้ว เพราะเราปล่อยให้เกิดวัฒนธรรม อันไม่เป็นประชาธิปไตย และปล่อยให้บุคคลที่ไม่เคารพหลักการประชาธิปไตย เข้ามาใช้อำนาจอธิปไตย อันเป็นของประชาชนโดยการบีบบังคับด้วยกำลังและเล่ห์กล ต่อไปนี้ เราจะไม่ยอมรับสิ่งใด ๆ ที่ขัดกับจุดยืนข้างต้น และเราจะสู้ในแนวทางประชาธิปไตยและอารยวิถีในทุกรูปแบบ ที่รัฐธรรมนูญเปิดทางให้ การปกครองระบอบประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน ต้องถูกใช้โดยประชาชน และเพื่อผลแห่งความเจริญงอกงามของประชาชนและชาติ บนหลักแห่งเสรีภาพ เสมอภาค และภราดรภาพ

ประชาชนจงเจริญ ประชาชนจงเจริญ ประชาชนจงเจริญ!!!
ประชาชนจงเจริญ!!!

ข้อเสนอของคุณ เสรี ประชาไท เกี่ยวกับการแก้ปัญหาให้แก่จตุพร

ตอนนี้ คุณจตุพร เจอคุกมาจะสองเดือนแล้ว

กกต ก็สั่งแขวนต่อ ไม่ต้องเอาเบื้องหลังอะไรจากกระบวนการยุติธรรมกระบักกระบวยในประเทศนี้มาพูด หรอก เพราะมันชัดเจนอยู่แล้วว่า ยุติธรรมในไทยคือ ความยุติธรรมภายใต้อำมาตย์สั่งการ แต่มันเป็นความอยุติธรรมในมาตรฐานสากล
ผมเชื่อว่า ถ้าเล่นตามเกมส์ กกต ต่อ จตุพรก็จะโดนแขวนต่ออีกนาน ที่จริง กกต ก็ช่างดัดจริต บอกว่าคดีจตุพรต้องให้อนุกรรมพิจารณาเส็งเคร็งไม่เข้าท่าต่อไป ทั้งที่ข้อเท็จจริงชัดว่า จตุพร ไม่ไปเลือกตั้งเพราะถุกจำคุก และขอแล้ว แต่ศาลไม่ให้ออก จะอ้างว่า จตุพรขาดคุณสมบัติเป็นสมาชิกพรรค หาเหตุใส่ความกันซึ่งหน้าก็ว่ากันมา เขาเอาแน่ คดีแบบนี้ เป็นข้อกฏหมาย คณะอนุอะไรไม่ต้องพิจารณาต่อแล้ว แต่เป็นเกมส์ของ กกต ที่อำมาตย์สั่งมา เพราะแค้นกับคำว่า กระสุนพระราช ทาน ซึ่งถ้าเอาตามกฎหมายจริงๆ ก็ไม่ผิดเพราะ context ที่เขาพูดคือจะด่าพลเอกประยุทธ์ แต่คนเราจะหาเรื่องก็หากันวันยังค่ำ เหมือนตอนหาเรื่องสมัคร นิยาม จ้างทำของมีในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ศาล รธน ดันแสร้งไม่ใช้ แต่ไปใช้พจนานุกรมตีความปลอดท่านสมัครไปโน่น แบบเดียวกับคดีจตุพรกำลังจะโดนแบบนั้นเลย

การแก้ปัญหาจตุพร ทำได้คือ
1 ปลดธาริตออกไปก่อน ให้พ้นจากกรมดีเอสไอ และจะได้ไม่มีคนค้านประกันจตุพร หรือค้านหากจะมีการถอนฟ้องนายจตุพร
2 รัฐบาลกำลังได้ใจข้าราชการ อัยการส่วนใหญ่มีใจมาทางพรรคเพื่อไทย ผมคิดว่า ผู่้ใหญ่ต้องคุยกับอัยการสูงสุดให้สั่งถอนฟ้องคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพตาม มาตรา 112 ป อาญา โดยต้องอ้างบรรทัดฐานที่คุณพัชระ ยุติธรรมดำรง อดีตอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องแป๊ะลิ้ม โดยให้เหตุผลว่า ไม่เป็นประโยชน์กับแผ่นดิน ใช้เหตุนี้มาถอนฟ้องคุณจตุพร อัยการมีอำนาจจะทำได้ตามมาตรา 35 วิอาญาอยู่แล้ว และเมื่อถอนฟ้องแล้วคดีก็เป็นอันระงับไปตามมาตรา 39 วิอาญา

รัฐบาลต้องใช้ความกล้าหาญ เจรจากับ อัยการสูงสุด (อสส) ผ่าน รมว ยุติธรรมหรือท่านนายกอาจต้องใช้เสน่ห์ลงมาคุยเองด้วยซ้ำไป

ตอนนี้ คุณจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด กำลังเสียหน้ากรณีเยอรมนียึดเครื่องบินพระบรมโอรสาธิราช อสส คนนี้ ขวัญผวา เพราะ อัยการเสียชื่อมากเรื่องคดีโบอิ้ง และข้อกฎหมายอนุญาโตตุลาการ ตอนนี้อัยการก็กำลังจะพังเพราะเยอรมนีแถลงว่า อัยการไทยเข้าใจข้อกฎหมายฝรั่งผิดไปแล้ว ถ้าจริง อัยการสูงสุดก้อยู่ไม่ได้แล้วนอกจากจะร่วมกับรัฐบาลเพื่อไทยเพื่ออยู่ต่อ และข้อสำคัญ รัฐบาลสามารถจัดการกับอัยการได้ง่ายกว่าศาล และว่าตามตรง คุณจุลสิงห์ แม้จะฟังอำมาตย์ แต่เขาไม่ใช่คนกล้าท้าชนปวงประชา ไม่เอียงสุดโต่งแบบนายธาริต เพ็งดิษฐ์ ซึ่งรายหลัง รัฐบาลคงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องให้ออกจากราชการอย่างเดียว !!!!

เพียงแต่ว่า รัฐบาลต้องกล้า มีอำนาจต้องทำ และบริหารราชการได้ ไม่ใช่ฟังคนนอกแย้ง สื่อบางฉบับตี ยิ่งรักเลยถอยกรูด แบบนี้ ยิ่งรักกับเสื้อแดงก็อยู่กันไม่ได้แล้ว เพราะแดงเป็นสะพานให้ทักษิณและคุณยิ่งรักครองอำนาจ และกรณีนี้ การช่วยคุณจตุพร สังคมจะมองว่า รักษาความยุติธรรม ไม่ใช่ยอมหงอให้ฝ่ายอำมาตย์แบบสะทกสะท้าน

อย่าลืม คำอดีตนายกสมชาย พี่เขยท่านนายกยิ่งรัก มีแต่เสื้อแดงเท่านั้นที่ช่วยท่านทักษิณ และคุณยิ่งรักอย่างจริงใจ และจริงจัง แม้ชีวิตก็ให้ได้ ถ้าความยุติธรรมเพียงเศษเสี้ยวเดียว รัฐบาลไม่กล้า กลัวเสียงด่า นสพ

รัฐบาลยิ่งรัก ก็ลงจากอำนาจปล่อยให้คนอื่นที่มีความเป็นผู้นำหรือกล้าหาญกว่าทำแทนเหอะ ผมเชื่อ คดีจตุพร ไม่มีอะไรเลย ไม่ใช่คดียากที่จะแก้ตามวิธีทางนิติศาสตร์ แต่นายกต้องกล้าทำ กล้าตัดสินใจทำ

เหมือนอภิสิทธิ์ กล้าที่จะไม่ปลดกษิต ไม่แคร์เสียงใคร แม้คนทั้งบ้านเมืองด่า ก็ไม่ยอมไล่นายกษิตออก ก็ไม่เห็นใครจะทำอะไรนายกฆาตกรคนก่อนได้ ถึงเวลานี้ ผมเชียร์เต็มที่ ความกลัวทำให้เสื่อม ความกล้าเท่านั้นที่จะรักษาเพื่อนและมหามิตรเสื้อแดงได้ ลงมือเหอะครับท่านนายก อย่าให้มันตีความในศาลรัฐธรรมนูญได้ เพราะถึงศาลนั้นเมื่อไร จตุพร ได้ติดคุกต่อไปอีกห้าปีแน่นอนครับ !!!

..............

onsdag 27 juli 2011

โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว สิ้นแล้วศักดิ์ศรีโอรสใหญ่ เนื่องในวโรกาศเสด็จนิวัติพระนคร จากนครมิวนิค

โดย ไทยชน (จาก คมก.)

โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว สิ้นแล้วศักดิ์ศรีโอรสใหญ่
สู้ลำบากตรากตรำทุกค่ำไป เหนื่อยหนักพระวรกายไม่เคยวาง
สู้อุตส่าห์ขับยานไปวิลาศ ด้วยมุ่งมาดแผ่พระเกียรติให้กว้างขวาง
ขับยานเหาะส่วนพระองค์ลงที่ทาง ที่ใจกลางมิวนิคมหานคร

เยอรมันประเทศเล็กกะจ่อยร่อย อ่อนด้อย ธ ยังหวังทรงสั่งสอน
พลอากาศเอกฟูฟูเกียรติขจร ให้โลกรู้หมาพอร์นของไทยแลนด์
ทรงหวังให้ฝรั่งได้เห็นของดี อวดเมียรักทีจีผู้งามแสน
นุ่งขาสั้นใส่เสื้อกล้ามโชว์แขนแมน ตับปิ้งน้อยมิได้แอ่นมาท้าทาย

ทรงตรากตรำพระวรกายมิใช่น้อย ด้วยทรงคอยปัดป้องมิหมองหมาย
มวลหมู่ภุมรินทร์มิให้กราย สตอเบอรี่น้อยจะบุบสลายมิได้ยล
ด้วยเบอรี่มากมายทรงหมายมุ่ง หวังผดุงคุณธรรมที่ล้ำล้น
ให้ปวงชนชาวไทยถ้วนทุกคน ได้ลิ้มยลเบอรี่หวานบันดาลมี

โอ้ว่าพระทูลกระหม่อมแก้ว สิ้นแล้วทีปังกรรัศมี
ต้องจอดเดี่ยวอ้างว้างกลางธรณี อีกกี่ปีจะได้กลับหายลับตา
ปวงชนชาวไทยใจจะขาด ทุกข์อนาถกรรมหนักเป็นนักหนา
ทูลกระหม่อมต้องแบกปี๊บติดหัวมา เดินนภาลุฟฮันซ่าอนาถใจ

ปวงประชาชาวไทยนี้มันชั่ว ต้องขายตัวอีกกี่ชาติจึ่งหาได้
แปดร้อยล้านถวายเทิดพระจอมไทย เป็นสินไถ่โบอิ้งลำพริ้งเพรา
อีกค่าจอด ค่าน้ำมัน ค่าดูแล ส่วนพระองค์ของแท้มิได้เขลา
ไอ้กษิตเสนาชั่วปัญญาเบา ยกภาระดั่งภูเขาเผาพระองค์

ปวงประชาชาวไทยอภิวาท กราบแทบบาทที่ขัดพระประสงค์
โทษทัณฑ์ดั่งขุนเขาเงาหัวคง กุดลงถวายไท้พระภูมี
ขอทรงโปรดเมตตาข้าแผ่นดิน ละโทษเสียให้สิ้นในครั้งนี้
ขอความสวัสดิ์พิพัฒน์ประดามี สถิตย์ที่พระองค์ทรงพระเจริญ

ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด

TheRapist
ปวงประชาชาวไทยอภิวาท กราบแทบบาทที่ขัดพระประสงค์
โทษทัณฑ์ดั่งขุนเขาเงาหัวคง กุดลงถวายไท้พระภูมี
ขอทรงโปรดเมตตาข้าแผ่นดิน ละโทษให้สิ้นในครั้งนี้
ขอความสวัสดิ์พิพัฒน์ประดามี สถิตย์ที่พระองค์ทรงพระเจริญ

อนึ่ง..... องค์อินทร์ได้สดับ แล้วทรงบัญชรสีหนาท ตวาดสบถด่า ดังกิรได้ยินมาดังนี้

โถไอ้ไพร่ไอ้ชาติชั่วตัวเป็นขน มึงได้ทำกูอับจนถึงเพียงนี้
ต้องขายหน้าชาววิลาศทุกชาติมี ว่าตัวกูเป็นหนี้หนีไม่เปย์
โทษของมึงกูจักไม่พักให้ จงเอาไปกุดหัวเสียบัดนี้
อ้ายขี้ข้าขี้ครอกกระจอกมี อย่างมึงนี้ควรตายหลายชาติไป
ด้วยหัวและกบาลฯ กล้วยมิกล้วย แล้วแต่ตะโปด

ไทยชน

อ้าองค์บรมโอรสาธิราช หมายประกาศเกียรติวงศ์พงศา
ทรงส่งเครื่องโบอิ้งทิพย์อาภา เหาะเหินฟ้ามาลงเยอรมัน
แม้นมาดข้าไม่มีทีปังกร จะอาทรสักน้อยมิเคยพรั่น
ด้วยเกียรติแห่งวงศ์เทวัญ ใครจะหมิ่นจะบั่นไม่หวั่นใจ

จะให้องค์พระหน่อจักรี เหินหาวด้วยเครื่องฟรีหาได้ไม่
แม้นมาดว่าให้ขึ้นการบินไทย เกียรติวงศ์คงบรรลัยในทันตา
ยิ่งจะให้ขึ้นลุฟท์ฮันซ่าฟรี มันจะเสื่อมบารมีเป็นหนักหนา
ว่าแล้วจึงต้องส่งทิพย์อาภา พระเสด็จจรลาในบัดดล

ด้วยศักดิ์แห่งราชวงศ์ไทย มึงจะยึดของกูได้สักกี่หน
กูเอามาจอดคู่ให้มึงยล ว่าของกูมีมากล้นพรรณนา
มึงจะเอาคอปเตอร์หรือเครื่องเจ็ต กูรวมมีเบ็ดเสร็จก็ร้อยกว่า
เบนซ์บีเอ็มมายบัคโตโยต้า รวมกูมีพันกว่าเป็นกองพล

กูขนมาให้มึงยึดเสียหนำใจ จะเสียดายสักน้อยมิเคยสน
พ่อกูรวยสามปีซ้อนรู้ทุกคน จะซื้อใหม่สักกี่หนไม่สนเลย
อีกประชาชาวไทยก็จงรัก แน่ประจักษ์ยอมจ่ายใช่ไหมเหวย
กูเลยได้เครื่องใหม่แสนเสบย ธ เฉลย ขอพระองค์ทรงพระเจริญ
Leverage
ด้วยศักดิ์แห่งราชวงศ์ไทย มึงจะยึดของกูได้สักกี่หน
กูเอามาจอดคู่ให้มึงยล ว่าของกูมีมากล้นพรรณนา
มึงจะเอาคอปเตอร์หรือเครื่องเจ็ต กูรวมมีเบ็ดเสร็จก็ร้อยกว่า
อีกบีเอ็มมายบัคโตโยต้า รวมกูมีพันกว่าเป็นกองพล

กูขนมาให้มึงยึดเสียหนำใจ จะเสียดายสักน้อยมิเคยสน
พ่อกูรวยสามปีซ้อนรู้ทุกคน จะซื้อใหม่สักกี่หนไม่สนเลย
อีกประชาชาวไทยก็จงรัก แน่ประจักษ์ยอมจ่ายใช่ไหมเหวย
กูเลยได้เครื่องใหม่แสนเสบย ธ เฉลย ขอพระองค์ทรงพระเจริญ

tisdag 26 juli 2011

กษัตริย์ และราชินีของประเทศนอรเวย์แสดงความเสียใจในการสังหารหมู่ 93 ศพของประชาชนของเขา แต่ในเมืองไทยรัฐบาลของกษัตริย์ได้ทำการสังหารหมู่ประชาชนไทยเป็นจำนวนกว่า 91 ศพ และบาดเจ็บอีกหลายพันคน กษัตริย์และราชินีไทยกลับนิ่งเฉยทำเป็นทองไม่รู้ร้อน

กษัตริย์-ราชินีนอร์เวย์กรรแสง พิธีไว้อาลัยเหยื่อฆ่าหมู่ 93 ศพ
รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

เมื่อ 25 ก.ค. เดลี่เมล์รายงานความคืบหน้าเหตุการณ์สังหารหมู่ช็อกโลก 93 ศพ ที่นอร์เวย์ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ว่า กษัตริย์ฮารัลด์ และราชินีซอนย่า ทรงเข้าร่วมพิธีรำลึกถึงเหยื่อในเหตุการณ์ดังกล่าว ที่มหาวิหารออสโล ในเมืองหลวง กษัตริย์ฮารัลด์ ตรัสว่า เหตุการณ์นี้เป็นโศกนาฏกรรมของประเทศ โดยเป็นเหตุการณ์ความรุนแรงที่ร้ายแรงที่สุดนับจากสงครามโลกครั้งที่สอง และเกิดในประเทศที่สงบสุขที่มีประชากร 4.8 ล้านคน

måndag 25 juli 2011

ขออวยพรให้ผู้นำแห่งการต่อสู้เพื่อประธิปไตย

ในวาระครบรอบวันเกิดของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร อดีตหัวหน้าพรรคไทยรักไทย และอดีตนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยที่ได้สร้างคุณูประการอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติและสังคมไทย ได้ปลดปล่อยประเทศชาติออกจากการเป็นทาสของ ไอ. เอม. เอฟ.  และได้ทำให้ชาติไทยได้มีความเป็นประชาธิปไตย มีความเจริญก้าวหน้าเป็นที่ยอมรับทั้งในเมืองไทยและในเวทีโลก เป็นรัฐบาลที่ได้รับเลือกมาและมีเสียงข้างมากในรัฐสภา  บริหารประเทศได้ดีที่สุดที่เคยมีนายกรัฐมนตรีมาในประเทศไทย  แต่ประเทศไทยโชคร้ายเพราะมีระบอบเผด็จการราชาธิปไตยเป็นผู้กุมอำนาจอยู่ในมือ รัฐบาลของท่านจึงถูกโค่นล้มลง  ส่วนท่านเองก็ได้ถูกฝ่ายเผด็จการกลั่นแกล้งทุกอย่างเหมือนกับเขาเคยทำกับรัฐบาลของ คณะราษฎรของท่านปรีดี พนมยงค์   แต่ในยุคนี้ประชาชนได้เรียนรู้บทเรียนต่างๆและได้ลุกขึ้นต่อสู้กับพวกเผด็จการราชาธิปไตยมาอย่างต่อเนื่อง และจะต่อสู้ต่อไปทุกรูปแบบจนกว่าจะได้สิทธิเสรีภาพ   ความเสมอภาคและประชาธิปไตยที่สมบูรณ์มาสู่ปวงชนชาวไทยและเพื่ออนาคตของลูกหลานไทยทุกคน
ในนามของขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนเวีย   ขออวยพรให้ท่านและครอบครัวจงมีสุขภาพ พลานามัยที่สมบูรณ์ มีจิตใจที่เข้มแข็งเป็นสัญลักษณ์ ในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยและการกินดีอยู่ดีของประชาชนชาวไทย
ดว้ยจิตคารวะ
ขบวนการประชาธิปไตยไทยในสแกนดิเนเวีย
26   กรกฎาคม 2554

ทุกประเทศในยุโรปตอนเหนือได้ยืนไว้อาลัย ๑ นาทีแก่ผู้เสียชีวิต อย่างน้อย ๙๓ คนจากฝีมือของผู้ก่อการร้ายทีประเทศนอรเวย์

Hela Norden hedrade offren med tyst minut


I en minut stod allt still i hela Norden.
Offren och de drabbade i terrordåden i Norge hedrades med en tyst minut.
Många ville visa sin solidaritet.
Minst 93 människor föll offer för terrordåden i Norge.
För att hedra de män, kvinnor och barn som skadades i attentatet höll i dag landet en tyst minut.
Offren hedrades också på många platser i Norden, inte bara i Norge. Den svenska regeringen uppmanade redan i går den svenska befolkningen att ansluta till denna tysta minut.
Klockan 12.00 startades den tysta minuten av Norges statsminister Jens Stoltenberg i Oslo.

Resenärer stannade upp

Många arbetsplatser i Sverige stannade upp för att solidariskt visa sitt stöd för Norge och de drabbade i terrorattentatet, däribland Norges ambassad och kyrka i Stockholm.
På centralstationen i Stockholm tystnade sorlet, resenärer stannade upp och sände en tanke till vårt grannland. Flera personer tog sig till centralen enbart för att delta i den tysta minuten. En av dem var norrmannen Svein Helge Neset som är bosatt i Notodden, inte långt från ön Utøya.
– Alla svenskar stannar upp och snackar med mig om det som har hänt i Norge. Ni bryr er och det är väldigt bra, säger han.
– Jag kom bara för att deltaga, det är det minsta man kan göra, säger Shaban Alwakaa, från Södertälje.

Personal och patienter deltog

Klockan 12.00 stannade även MTR trafiken på Stockholms tunnelbana, Tv4 stängde av sina tv-sändningar, Peabs vägbygge i Småland tog en paus och på Skellefteå Lasarett höll både personal och patienter en tyst minut.
– Vi svara på larmtjänst om det händer någon olycka. Annars är vi tysta i en minut. Det gällde även i Umeå, säger Lena Burvall, Västerbottens Landsting, strax innan tolvslaget.
Teliasonera uppmanade samtliga anställda inom koncernen i Norden att delta. Posten gav personalen friheten att bestämma själv.
På Max hamburgerrestauranger i Sverige vajade flaggorna på halvstång.
All verksamhet var avstängd i en minut.
Så var det även på Ikeas varuhus i Sverige.
– Vi gav ett utrop i kundradion fem i tolv och berättade att vi vill hedra de drabbade i Norge. I en minut stod arbetet still. Vi läste upp meddelandet på både engelska och svenska då vi har många utländska besökare så här års, säger Ylva Magnusson, Ikeas presskontakt i Sverige.
Olof Svensson

แปล      โดย ดารา
ทุกอย่างจะหยุดนิ่งเป็นเวลา ๑ นาทีในประเทศยุโรปตอนเหนือ  ผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บทั้งหลายจะได้รับการคารวะด้วยการยืนไว้อาลัยเป็นเวลา ๑ นาที มีผู้คนเป็นจำนวนมากต้องการแสดงออกถึงการให้กำลังใจ การสนับสนุนและความเห็นอกเห็นใจกับผู้ที่เสียชีวิต   ซึ่งอย่างน้อยมีจำนวนถึง ๙๓ ชีวิตได้ตกเป็นเหยื่อของผู้ก่อการร้ายที่ประเทศนอรเวย์  เพื่อเป็นการแสดงความคารวะให้แก่ผู้เสียชีวิตซึ่งมีทั้ง หญิง  ชาย และเด็ก  ที่ล้มตายและบาดเจ็บทั้งหลายจากกระสุนปืน   วันนี้ชาวนอรเวย์ทั่วประเทศได้ยืนไว้อาลัย ๑ นาที
การไว้อาลัยให้กับผู้เสียชีวิตเหล่านี้ได้มีขึ้นในทั่วทุกประเทศในยุโรปตอนเหนือไม่เฉพาะแต่ในประเทศนอรเวย์เท่านั้น  ในประเทศสวีเดนรัฐบาลของประเทศนั้นก็ได้เชิญชวนให้ชาวสวีดิสช์ทั้งหลายร่วมไว้อาลัยร่วมกับชาวนอรเวย์ด้วย ตั้งแต่เมื่อวานนี้
เมื่อเวลา ๑๒ นาฬิกาตรง  นายกรัฐมนตรี นอรเวย์  นาย เจน  สโตลเตนแบกได้ทำพิธียืนไว้อาลัยที่หน้ามหาวิทยาลัยกรุงออสโล พร้อมกับ กษัตริย์ ราชินี และลูกชาย เป็นเวลา ๑ นาที
มีนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ก็ได้แสดงความเสียใจด้วย  ที่ทำงานหลายแห่งในสวีเดนก็ได้หยุดงานไว้อาลัยเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิตเป็นการแสดงความเห็นอกเห็นใจและการสนับสนุนให้กำลังใจแก่ประชาชนชาวนอรเวย์  และผู้ที่ประสพเคราะห์กรรมจากการยิงของผู้ก่อการร้ายนั้น     สถานทูตนอรเวย์ในสวีเดน  ในโบสถ์ ตามศูนย์การค้า  ชุมทางรถไฟ ในกรุงสต๊อกโฮล์มจะมีผูคนเดินทางไปร่วมไว้อาลัยและส่งจิตใจไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
เวลา ๑๒ นาฬิกา รถไฟใต้ดินได้หยุดนิ่ง  ๑ นาที  โทรทัทน์ ช่อง ๔ จะงดส่ง  ตามโรงพยาบาลบางแห่งมีทั้งเจ้าหน้าที่และคนป่วยได้ร่วมกันไว้อาลัยด้วย แม้แต่เจ้าหน้าที่ ร้านค้า อีเคีย ของสวีเดนเองก็มีการหยุดไว้อาลัยด้วย
อูลอฟ  สเวนสัน

söndag 24 juli 2011

Thai prince's second jet faces impounding !!

รูปภาพ

Thai prince's second jet faces impounding: report

FRANKFURT (Reuters) - A German insolvency administrator was on Sunday quoted as saying he was considering impounding a second jet used by the Thai Crown Prince, reported German tabloid Bild am Sonntag.

"We are considering further steps, including seizing the prince's second plane," the paper quoted insolvency administrator Werner Schneider as saying.

German insolvency officials seized a Boeing 737 used by Crown Prince Vajiralongkorn almost two weeks ago to force the Thai government to repay a debt linked to a Bangkok road construction project.

A court last week ruled the jet could be released upon payment of a 20 million euro deposit, an offer rejected by the Thai government, which maintains the jet is the personal property of the Prince and not the government.

Bild am Sonntag said the prince had the second plane flown over to Munich to replace the first one.
(Reporting by Victoria Bryan)



ภาพประกอบ:

รูปภาพ




บทความแปลโดย: ดวงจำปา

กรุงแฟร้งเฟริ์ท - (รอยเตอร์) ผู้บริหารการล้มละลายทางทรัพย์สินได้เปิดเผยว่า เขากำลังพิจารณายึดเครื่องบินลำที่สอง ซึ่งใช้โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร, ตามรายงานข่าวจาก หนังสือพิมพ์ซุบซิบข่าวสาร ไบล อัม ซอนเทก

“เรากำลังพิจารณาขั้นตอนต่อไป, รวมไปถึงการยึดเครื่องบินลำที่สองของเจ้าฟ้าชายด้วย” หนังสือพิมพ์นั้นได้อ้างว่า ตัวผู้บริหารการล้มละลายทางทรัพย์สินคือนาย เวอร์เนอร์ ชไนเดอร์ได้กล่าวไว้

เจ้าหน้าที่ทางการของฝ่ายบริหารการล้มละลายของประเทศเยอรมัน ได้ยึดเครื่องบิน โบอิ้ง 737 ซึ่งใช้โดย สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร วชิราลงกรณ์ เมื่ือเกือบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อบังคับให้รัฐบาลไทยให้จ่ายหนี้สินซึ่งเกี่ยวโยงไปกับโครงการการก่อสร้างทางด่วนในกรุงเทพมหานคร

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ศาลได้พิจารณาและลงความเห็นว่า เครื่องบินส่วนพระองค์นั้น สามารถนำออกไปได้ เมื่อทางฝ่ายเยอรมัน ได้รับเงิน 20 ล้านยูโรในบัญชีเรียบร้อยแล้ว ซึ่งข้อเสนอนี้ ได้ถูกปฎิเสธโดยทางฝ่ายรัฐบาลไทย, ซึ่งยังคงยืนหยัดอยู่ว่า เครื่องบินลำนี้ เป็นเครื่องบินทรัพย์สินส่วนพระองค์ ไม่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลไทยแต่อย่างใด

หนังสือพิมพ์ ซุบซิบ ข่าวสาร ไบล อัม ซอนเทก ได้กล่าวว่า เจ้าฟ้าชาย ได้ทรงใช้เครื่องบินลำที่สองนี้ เป็นพาหนะในการเดินทางระหว่างกรุงมิวนิค แทนเครื่องลำแรก


รายงานข่าวโดย วิคตอเรีย ไบรอัน

สวรรค์ไม่มีตา ความแตกต่างของทหารดีที่ยืนอยู่ฝ่ายประชาชนกับพวกทหารเลวที่รับใช้หัวหน้าโจรเผด็จการ

หนึ่งภาพที่ติดตาตรึงใจ
จำได้ไม่รู้ลืม ภาพที่ได้เห็นคลิปวีดิโอ เมื่อพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ถูกกระสุนปืนจากระยะไกลทรุดล่วงลงดุจนกปีกหัก ภาพที่ท่านทุลักทุเลถูกหามถูกลากจากผู้ที่จงรักนำตัวส่งโรงพยาบาล และท่านก็มาเสียชีวิตบนเตียงนอนที่โรงพยาบาล แม้ท่านจะไม่สบายมากนักจากการถูกนำตัวส่งโรงพยาบาล แต่ร่างกายของท่านก็มีอวัยวะครบบริบูรณ์ เมื่อสิ้นลม
ในวันที่ท่านถูกยิง ในวันที่ท่านถูกนำตัวท่านส่งโรงพยาบาล มีประชาชนที่ไม่กลัวตายเฝ้าติดตามท่านไปที่โรงพยาบาล ไปเป็นเกราะป้องกันท่านให้ เอาชีวิตตนเองไปเสี่ยงกับกระสุนปืนที่จ้องทำลายล้างอย่างไม่กลัวตาย ปกป้องให้กับท่าน ไม่ให้ทหารที่ไหนมายุ่งเกี่ยวกับท่านเป็นอันขาด ให้ท่านได้รับการรักษาอย่างสะดวก หลายคนที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าไปที่โรงพยาบาลในวันนั้นเพื่อเป็นเกราะเป็นยามเฝ้าให้ เหตุเพราะ ถูกบล็อกเส้นทางจากทหารและตำรวจไม่ให้เข้าไปถึงสถานที่ ต้องทนนอนร่ำไห้อยู่ที่บ้าน ด้วยหัวใจที่อเนจอนาถยิ่งนัก
เมื่อชีวิตท่านสิ้นลง ไม่มีกองเกียรติยศที่ไหนนำศพท่านอออกจากโรงพยาบาลในฐานะวีรบุรุษของชาติ ทั้งที่ท่านทำงานให้กับชาติประชาชนมาตลอดชีวิตของท่านแม้จนนาทีสุดท้ายของชีวิต ไม่มีการปูนบำเหน็จให้ ไม่มีการพระราชทานเพิ่มชั้นยศ มีแต่ไพร่ที่เป็นทาสหัวใจของท่านเป็นกองเกียรติยศของประชาชนให้เท่านั้น และเมื่อนำศพท่านมาที่วัด ก็ประชาชนอีกนั่นแหละเป็นเจ้าของศพ ปกป้องให้ท่านจนวาระสุดท้าย
1ปีกว่าที่ท่านจากไปชื่อ พล.ต.ขัตติยะ ยังตรึงใจคนไทยไม่รู้ลืม ท่านคือทหารของประชาชนเกินครึ่งประเทศจริงๆ แม้ทุกวันนี้ก็ไม่มีใครลืม ยังนำชื่อนี้มาเอ่ยทุกครั้งเพื่อปลุกขวัญในการต่อสู้

อีกหลายภาพต่อมาต่างกรรมต่างวาระ ในเวลาอีก1ปีต่อจากนั้นมา
กรรมที่มีผู้ก่อ แต่กระแดะเหมือนพวกตนที่ก่อนั้นดีเลิศประเสริฐศรีเหลือเกิน อาวุธหลายแสนนัดนำเอามาใช้ในสงคราบเข่นฆ่าประชาชน ใช้ไปแล้วเป็นแสนนัดหลังจากปฏิบัติการเสร็จ แม้ว่ามันไม่ใช่ใบเสร็จที่จะบอกได้ว่าลูกปืนจากกระบอกปืนที่เบิกไปลูกกระสุนมาจากปืนกระบอกไหน แต่นัยของมันก็ฟ้องชัดเจนแล้วว่า ลูกปืนที่เข่นฆ่าประชาชนน่าจะมาจากใคร
กระบวนการยัดเยียดให้คนตายเป็นผู้ผิด
กระบวนการใช้สื่อบิดเบือนข่าวว่าพวกตนในไม่ได้ทำ
กระบวนการยุติธรรมทั้งหมดที่มีอยู่ในประเทศไทยหยุดนิ่ง เหมือนว่าคนที่ตายนั้นไม่ใช่คนไทย
พวกตัวทำลายล้างประชาชนนั้น ร่ำรวยทันตาเห็นอย่างมโหฬาร จากเงินภาษีของคนที่พวกมันร่วมกันเข่นฆ่า แล้วสร้างภาพให้ตนเองอย่างสวยหรู เป็นทหารผู้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อความสงบสุขของบ้านเมือง ได้ยศได้ตำแหน่งกันถ้วนหน้า
“ทั้งหมดได้ดีเพราะกิจกรรมฆ่าคนไทยผู้บริสุทธิ์มือเปล่าทั้งนั้น” อเนจอนาถใจจริงๆกับประชาชนตาดำๆ

สิ่งที่พวกประชาชนไม่ได้กระทำ
“เผาบ้านเผาเมือง” ก็ได้สร้าง “วลี”อมตะกันไปเลยให้ทั่วโลกประจักษ์ ว่าคนไทยผู้บริสุทธิ์ นั้นเลวอย่างไม่มีชิ้นดี
“ผู้ก่อการร้าย” สร้างนิยาย สร้างตำนานขึ้นมาใหม่ คล้ายกับว่าเมืองหลวงของประเทศไทยนั้นไม่ปลอดภัยแล้วเมื่อมีประชาชนส่วนที่รักประชาธิปไตยออกมาต่อต้าน ทำยังไงก็ได้ที่พวกประชาชนเจ้าของประเทศต้องเลว มันสร้างวาทกรรมขึ้นมาให้หมด

ที่หลงเหลือกลาย “เป็นนักโทษ” โดยที่ยังไม่ได้รับการพิพากษาจากศาล เอาประชาชนไปขังฟรีๆ ไม่ให้ประกันตัว บางคนต้องล่ามโซ่ตรวนด้วยซ้ำ เอากันให้ชัดๆไปเลย ประชาชนกับพวกเข่นฆ่าเป็นศัตรูถาวร แบบนั้น

พวกที่เข่นฆ่าประชาชนกลายเป็นผู้บริสุทธิ์เป็นคนดีเป็นผู้เสียสละ ส่วนประชาชนผู้ถูกเข่นฆ่าถูกกระทำ ต้องตายฟรี ต้องติดคุกติดตะราง กลายเป็นโจร

“สวรรค์ไม่มีตา” เราทราบกันดีอยู่แล้ว แต่เรื่องของความยุติธรรม มันแสดงผลให้เห็นโดยธรรมชาติในตัวมันเอง
วันดีคืนดี เครื่องบินที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของผู้ครอบครอง ก็ต้องมีอันต้องไปจอดทิ้งไว้ในต่างประเทศไม่สามารถเอากลับเมืองไทยได้ เหตุผลอะไรมิอาจทราบความนัย อะไรคือเบื้องหลังการถูกยึดเครื่องบินครั้งนี้
วันดีคืนดี เครื่องบิน ก็ล่วงหล่นแหลกลาน เหตุแห่งการปฏิบัติหน้าที่ แถบชายแดน ทหาร5นาย ตายทั้งลำ
วันดีอีกเหมือนกัน เครื่องบินที่บรรทุกทหารผู้ยิ่งใหญ่ได้ดีเป็นถึงพล.ต.คุมกำลังหลัก ว่าที่อนาคต ผบ.ทบ. ก็ล่วงหล่นตามมาแหลกลานอีกในทันทีเหมือนกัน ตายทั้งหมดเช่นเดียวกัน ทหาร8ศพ ช่างภาพที่เป็นบุตรทหารอีก1ศพ
วันดีมากๆ เครื่องบินที่ไปรับศพ พล.ต.ผู้ยิ่งใหญ่นั้นก็ล่วงหล่นลงมาอีกทหารตาย 3คนรวด รอดตายเพียงคนเดียว
ทั้งหมดใช้เวลาไม่ถึงเดือนในเวลาไล่เลี่ยกันเป็นลูกโช่
และทั้งหมดที่กล่าว มีส่วนสำคัญมากๆ ที่เข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งหมด
และ มีส่วนสำคัญอย่างสูงที่ฆ่าประชาชนแล้วยังใส่ร้ายประชาชน ทรมานประชาชนอีก มีบางคนสั่งการให้กระบวนการยุติธรรมผิดเพี้ยนไป อยู่ในนั้นด้วย

“ฟ้ากำหนดให้ ทั้งหมดล่วงลงจากฟ้าทั้งนั้น”
ไม่ต้องพูดถึง มี กองเกียรติยศไปรับศพ ประกอบพิธีอย่างยิ่งใหญ่ เลื่อนชั้นยศกัน ทิวแถว9ขั้น เงินปูนบำเหน็จให้กับญาติ มหาศาล และอีกแล้ว “วีรบุรุษสำหรับขุนนาง”
มีสิ่งหนึ่งที่จะบอก กลุ่มทหารทั้งหมดนี้เกียรติยศที่ได้รับได้แค่นามธรรม แม้แต่ร่างกายที่สิ้นแล้วก็ยังไม่อาจมาประกอบพิธีได้สมบูรณ์ได้

ยังจำกันได้ไหม
ภาพที่เครื่องบินลอยอยู่กลางอากาศแล้วขว้างวัสดุโลหะภายในบรรจุแก๊สพิษลงมา ถ้าโดนใคร คนผู้นั้นคงจะไม่รอดแน่ เพราะความสูงที่หล่นลงมา มันแรงเหลือเกิน แต่ถ้าไม่โดนแค่ได้รับสารพิษจากกระป๋องดังกล่าวนั้น ก็สุดทนแล้ว มันทรมานแสนสาหัสนัก
เครื่องบินลำสุดท้ายที่ล่วงหล่นลงมาไฟไหม้ทั้งลำนี้เลยครับ ที่มาจาก ราบ11 ที่มาแห่งเดียวกับเครื่องบินที่ทิ้งแก๊สน้ำตาลงมาที่หัวประชาชนในวันนั้น แต่จะลำเดียวกันหรือไม่อันนี้ไม่ทราบจริงๆ

ผมจะไม่พยายาม โยงอะไรเป็นอะไรแล้วเอาความเชื่อส่วนตัวมาใส่เป็นอักษรให้ท่านๆทั้งหลายได้อ่าน
แต่..เชื่อไหมว่า ข้อเขียนทั้งหมดนี้ ผมไม่ได้ใช้ความคิดตัวเองเลย ทั้งหมดเอามาจากห้องซีบ็อก ของไทยว้อยทั้งหมดhttp://www.thaivoice.org/

แสดงว่า ท่านๆทั้งหลายที่เสพสื่อมาอย่างช้านานเกือบทั้งหมด เชื่อไปในทิศทางเดียวกันว่า
“กรรมกำลังสนองตอบกันแล้ว”
ทั้งหมดหล่นจากฟ้าลงมาทั้งนั้น ร่างถูกฉีกขาดเป็นเสี่ยงๆ ทั้งนั้น

ก่อนจบ..กระผมผู้เขียน ขอน้อมคารวะศพท่านพล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล อีกครั้งครับ ที่ได้นำนามของท่านมาเขียนลงในข้อเขียนนี้
จะบอกว่า.. ท่านคือวีรบุรุษของประชาชนจริงๆ ยศถาบรรดาศักดิ์ก็แค่ของนอกกายนำไปด้วยไม่ได้ จะ “พล.ต.”หรือ “พล.อ.” มันไม่สำคัญ
ความสำคัญมันอยู่ที่ว่า “ท่านเลือกที่จะเป็นแค่พล.ต. ในตำแหน่งนักรบของประชาชน”ครับ

lördag 23 juli 2011

บทสรุปจากข้อมูลเชิงลึก

นำไปสู้การเข้าเฝ้าที่นายกทักษินกลับออกมาพร้อมน้ำตาคลอเบ้า

นำไปสู่แผนลอบสังหารหลายครั้ง
ที่เตรียมการโดยกองทัพภาคที่ 3 ป.ปลา (พล.เอก ส.)
ขนาดจะยิงถล่มบ้านจันทร์ส่องหล้าด้วย ค.81

แต่ยกเลิกไป แล้วต่อมา บ.สนธิ ก็เข้าไปดึงคนของท่าน พล.เอกพัลลภ (หมายจะ Framed ท่านด้วย)
ในปฏิบัติการ คาร์บอมบ์
เมื่อไม่สำเร็จ ในเวลาเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากนั้น จึงออกมายึดอำนาจ 19 กันยา 2549
ทั้งๆที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายึดแล้วจะทำอย่างไรต่อไป

เป็นข้อพิสูจน์หนึ่งว่า บ.สนธิ เป็นแค่หุ่นเชิด
คนที่ถืออำนาจในด้านการปฏิบัติการ ไม่ใช่ใครที่ไหน
ตู่ เหล่นี่เองที่คุมกองกำลังอยู่ในเวลานั้น

อยากให้ทุกท่านกลับไปอ่านบทความอีกรอบ
ท่านจะพบว่า บทสรุปชี้ตรงไปที่ การชิงแสดงอำนาจของ
ฝ่าย ชาย-หญิง นั่นเอง

จนบ้านเมืองเละเทะมาจนวันนี้

_________________

ข้อมูลเชิงลึกที่ชี้ให้เห็นว่ากษัตริย์ภูมิพลอยู่เบื้องหลังการยึดอำนาจและรัฐประหารมาทุกครั้งจนถึงครั้งหลังสุดคือการโค่นรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร

ข้อมูลใหม่จากโทรเลขวิกิลีกส์-แอนดรู แม็คเกรเกอร์ มาร์แชลล์: กรณีทีวีพูลเอาคลิปในหลวงพบสุจินดา-จำลอง ออกฉาย 12 มีนาคม 2549
โดยสมศักดิ์ เจียมธีรสกุลเมื่อ 23 กรกฎาคม 2011 เวลา 6:31 น.
ปัจจุบัน คงมีน้อยคนจะจำได้ว่า ในท่ามกลางวิกฤติต้นปี 2549 ที่เต็มไปด้วยเหตุการณ์ต่างๆมากมาย ในคืนวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม 2549 จู่ๆ โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย หรือทีวีพูล ได้พร้อมใจกันเผยแพร่คลิปสุจินดา-จำลอง เข้าเฝ้าในหลวง ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2535 ทีรู้จักกันดี

ขณะนั้น อยู่ในระหว่างช่วงหาเสียงก่อนเลือกตั้ง 2 เมษายน ที่ ประชาธิปัตย์ บอยคอต และการเคลื่อนไหวของพันธมิตร ภายใต้ข้อเรียกร้องให้มี "นายกพระราชทาน" ตามมาตรา 7 กำลังดำเนินไปอย่างเข้มข้น

คืนวันอาทิตย์ที่ 12 มีนาคม ในช่วงข่าว 2 ทุ่ม ทีวีทุกช่องได้นำคลิปดังกล่าวออกฉาย โดยมีโฆษก กล่าวนำ ด้วยข้อความ ดังนี้

โดยที่ในขณะนี้ มีสถานการณ์ที่ทำให้เกิดความคิดเห็นที่แตกต่างและหลากหลาย และหลายฝ่ายมีความวิตกกังวลว่า จะเกิดเหตุความไม่สงบในบ้านเมือง เพื่อเป็นข้อคิดเตือนใจให้ทุกฝ่ายทุกคน

โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ขออัญเชิญพระราชดำรัส ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2535 มาเพื่อรับใส่เกล้าใส่กระหม่อม
  หลังการแพร่ภาพในคืนวันที่ 12 พร้อมกันทุกช่องแล้ว วันถัดมายังมีการแพร่ภาพซ้ำอีกในหลายช่อง)
ในท่ามกลางสถานการณ์ที่ตึงเครียดขณะนั้น ไม่มีใครรู้ว่า ทำไมจึงมีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวอีก และอะไรคือ "สาร" (message) ของการเผยแพร่นั้น ทุกฝ่ายได้ตีความไปต่างๆนานา ฝ่ายรัฐบาล คือทักษิณเอง อธิบายว่า เป็นการดำเนินการของสำนักพระราชวัง ไม่่ใช่รัฐบาล (วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ตอบคำถามผู้สื่อข่าวที่ว่า ใครทำ ว่า "ไม่ทราบ ให้ไปสอบถามทีวีพูล" สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี โฆษกรัฐบาลก็กล่าวทำนองเดียวกัน) ขณะที่ฝ่ายพันธมิตร ตั้งข้อสงสัยว่า อาจจะเป็นฝีมือรัฐบาล เพื่อต้องการให้พันธมิตรยุติการชุมนุมกดดันรัฐบาล (หรือไม่ก็เพื่อโจมตีเรือ่ง "จำลอง พาคนไปตาย") อย่างไรก็ตาม ทุกฝ่าย ก็พยายาม "อ่าน" การเผยแพร่คลิปนั้น ในลักษณะกว้างๆว่า คลิปดังกล่าวเป็นการเตือนสติให้ทุกฝ่ายสามัคคี

ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ให้สัมภาษณ์ในขณะนั้น เปรียบเทียบการออกอากาศคลิปดังกล่าว เป็น การรัฐประหารทางทีวี เหมือนการรัฐประหารทางวิทยุ ในปี 2494 ในส่วนของบุคคลทีใกล้ชิดราชสำนักเอง น่าสังเกตว่า การออกอากาศนี้ทำให้บางคน "เซอร์ไพรซ์" และไม่ทันตั้งตัวเหมือนกัน แก้วขวัญ วัชโรทัย เลขาธิการสำนักพระราชวัง ได้ให้สัมภาษณ์ในวันต่อมาที่มีการออกอากาศคลิป (13 มีนาคม) ว่า "โดยส่วนตัวแล้วไม่เห็นด้วย เพราะปกติอยู่ดีๆ อยู่แล้ว ทำไมถึงทำให้ยุ่ง ประเทศไทยและคนไทยรักสงบ เพราะฉะนั้นอย่าไปยุ่งกับพระองค์ท่าน (พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว)" เขายังยืนยันว่า การแพร่ภาพนั้นไม่ใช่มาจากหน่วยงานที่เขาดูแลอยู่ (การที่เรื่องบางอย่างที่มีกำเนิดจากแวดวงราชสำนักเอง (ดังจะอธิบายต่อไป) แต่คนในแวดวงนั้น หรือคนใน "ฝ่ายเจ้า" ด้วยกันเองบางคน ไม่รับรู้ หรือไม่ได้รับ "สัญญาณ" และอาจจะออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย ด้วยซ้ำนั้น เป็นเรื่องที่เราจะได้เห็นอีกโดยตลอดของวิกฤติครั้งนี้ (เช่น กรณีพันธมิตรชุมนุมปี 2551 แล้วมีคนอย่างดิสธร วัชโรทัย ออกมาบอกว่า "ผมอยู่พรรคในหลวง ... เป็นตัวจริงเสียงจริง รับพระราชกระแสมาเอง" และเรียกร้องให้พันธมิตร "อยู่บ้าน" ไม่ต้องไปชุมนุม แต่กลับถูกพันธมิตรโจมตีอย่างหนัก)

ในกรณีทีวีพูลนั้น ไม่เพียง แก้วขวัญ จะออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย เท่านั้น ไม่กี่วันต่อมา ยังมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า ในที่ประชุมองคมนตรีวันที่ 14 มีนาคม เปรม ได้แสดงความไม่เห็นด้วยและสั่งให้ยุติการแพร่ภาพ (ผมหาข่าวนี้จากเว็บไซต์ นสพ.ขณะนั้นโดยตรงไม่ได้แล้ว ผลจากการที่มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยางกว้างขวางไปต่างๆนานา ว่าใครสั่งให้แพร่คลิป 17 พฤษภา และต้องการจะสื่ออะไร ในที่สุด วันที่ 14 มีนาคม สำนักราชเลขาธิการ ได้ออกแถลงการณ์ฉบับหนึ่ง  ดังนี้ (ผมทำตัวหนาเน้นคำเอง)

สำนักราชเลขาธิการขอเรียนชี้แจงให้ทราบว่า พระราชดำรัสดังกล่าวข้างต้นเป็นข้อมูลข่าวสารซึ่งได้รับการเผยแพร่ต่อสาธารณะทั่วไปอยู่แล้ว และประชาชนก็รับรู้มาโดยตลอดว่ามีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2535 เพราะฉะนั้นการที่หน่วยงานหรือสื่อมวลชนใดจะนำออกมาเผยแพร่อีกครั้งหนึ่ง ภายใต้ความรับผิดชอบของตนเองนั้นก็สามารถกระทำได้ จึงขอแถลงข่าวมาเพื่อทราบโดยทั่วกัน

จะเห็นว่า แม้แถลงการณ์จะไม่ได้ปฏิเสธโดยตรง แต่ลักษณะการเขียนก็ชวนให้เข้าใจว่า การฉายคลิปทางทีวีพูลไม่เกี่ยวกับราชสำนัก แต่เป็น "ความรับผิดชอบของตนเอง" ของหน่วยงานหรือสื่อมวลชนที่นำออกฉาย ดังที่จะเห็นข้างล่าง นี่คือจุดประสงค์ของแถลงการณ์นี้จริงๆ วันต่อมา (15 มีนาคม) เมื่อมีข่าวเรื่องเปรมพูดในที่ประชุมองคมนตรีว่า อยากให้ยุติการฉายคลิป (ที่กล่าวถึงข้างต้น) สำนักราชเลขาธิการ ก็ออกแถลงการณ์อีกฉบับหนึ่งมาปฏิเสธว่า "สำนักราชเลขาธิการขอเรียนชี้แจงให้ทราบว่าในการประชุมคณะองคมนตรีในวันดังกล่าวไม่ได้มีการกล่าวถึงกรณีดังกล่าวตามที่ปรากฏเป็นข่าวแต่ประการใด" ใครสั่งให้ทีวีพูลแพร่คลิป 17 พฤษภา และอะไรคือสารของการแพร่คลิปดังกล่าว?

เช่นเดียวกับหลายกรณี ฝ่ายอเมริกันจะรับรู้เบื้องหน้าเบื้องหลังมากกว่าสาธารณชนไทยเอง ในโทรเลข 06BANGKOK1546 ลงวันที่ 14 มีนาคม 2549 ทูตอเมริกันได้บันทึกไว้ว่า อาสา สารสิน ราชเลขาธิการ ได้บอกกับทูตว่า "ในหลวงทรงสั่งให้ฉายคลิปดังกล่าวด้วยพระองค์เอง" (the King himself ordered the film to be shown) โดย อาสา กล่าวว่า จุดประสงค์ของพระองค์คือ "เพื่อสนับสนุนการหาทางออกที่สันติให้กับความขัดแย้งทางการเมืองขณะนี้" (in order to encourage a peaceful resolution to the current political conflict) อย่างไรก็ตาม ทูตได้บันทึกไว้ดังนี้

Although Asa says the intent of the broadcast was not to favor either side, the initial analysis is that it works against the Prime Minister, since everyone knows that part of the solution in 1992 was for the PM under siege to step down. This was the view expressed to DCM by a military aide of Privy Councillor General Suryayud Chulanont.

แม้อาสาจะกล่าวว่า ความตั้งใจของการฉายคลิป ไมใช่เพื่อเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง, การวิเคราะห์เบื้องต้น คือ การฉายคลิปนี้เป็นผลเสียต่อนายกรัฐมนตรี [ทักษิณ] เพราะทุกคนรู้ว่า ส่วนหนึ่งของทางออกเมื่อปี 2535 คือนายกรัฐมนตรีที่กำลังถูกโจมตีขณะนั้น ลาออก. นี่เป็นความเห็นที่ ทหารคนสนิทขององคมนตรี สุรยุทธ จุลานนท์ บอกกับอัครราชทูตที่ปรึกษา.

ควรบันทึกไว้ด้วยว่า สนธิ ลิ้มทองกุล ได้ตีความการฉายคลิปแบบเดียวกับสถานทูตและทหารคนสนิทของสุรยุทธ จุลานนท์ เช่นกัน ในการปราศรัยบนเวทีพันธมิตรในคืนที่มีการฉายคลิป (12 มีนาคม) สนธิ (ตามพาดหัวของ ผู้จัดการ) "ชี้ทีวีแพร่ภาพประวัติศาสตร์ มีนัยบอก ทักษิณ ควรลาออก" สนธิ ได้กล่าวไว้ดังนี้ (การเน้นคำย่อหน้าแรกเป็นของ ผู้จัดการ เอง ที่เหลือเป็นของผม):

ย้อนกลับไปก่อน 4 ก.พ. จำได้ไหมที่ทักษิณสั่งให้ตำรวจที่อยู่ในมือตัวเองแจ้งความจับผมกับคุณสโรชาเกือบทั่วประเทศ เสร็จแล้ววันที่ 4 ก็มีพระราชดำรัสออกมาทักเขาถึงต้องถอนฟ้อง ฉะนั้น โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ที่ออกมา นัยที่แท้จริงคือว่า เมื่อสังคมเกิดวิกฤตแบ่งเป็นสองฝักสองฝ่าย เพื่อให้เหตุการณ์ที่สงบ นายกรัฐมนตรีต้องลาออก และพล.อ.สุจินดา คราประยูร ลาออกหรือเปล่า ... นัยที่แท้จริงอยู่ตรงนี้

นี่กำลังส่งสัญญาณให้คนที่จบด็อกเตอร์รู้ว่าถึงเวลาจะลาออกแล้ว นัยของโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ แสดงให้เห็นว่าเหตุการณ์วันนี้มีส่วนละม้ายคล้ายเหตุการณ์วันนั้น เพียงแต่ว่าเราไม่ได้ต่อสู้กับเผด็จการทหาร เราต่อสู้กับเผด็จการนักการเมือง ฉะนั้นแล้ว ถ้า พล.อ.สุจินดายอมลาออก แล้ว พ.ต.ท.ทักษิณไม่ลาออกเพราะอะไร

นัยที่แท้จริงได้ถูกส่งออกมาแล้ว โดยผ่านโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจฯ ให้พี่น้องในประเทศได้รู้ว่าเมื่อไรก็ตามที่มีวิกฤตในประเทศ โดยยกตัวอย่างพฤษภา 35 ให้ดู ว่าในที่สุดแล้ว ความสงบเรียบร้อยจะเกิดขึ้นได้ เมื่อนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบต้องลาออก

ในตอนท้ายโทรเลขฉบับเดียวกันนี้ ทูตได้บันทึกว่า "The broadcast message is very much the King's preferred style, vague enough to be interpreted in different ways by different audiences." (สารจากคลิปที่ได้รับการนำออกฉาย เป็นสไตล์ที่ในหลวงชอบ คือ คลุมเครือพอที่จะให้กลุ่มคนฟังต่างกัน ตีความออกไปต่างกัน)

ในโทรเลขอีกฉบับหนึ่ง 06BANGKOK1601 ลงวันที่ 15 มีนาคม 2549 ทูตได้บันทึกการสนทนากับอาสา ในวันเดียวกันนั้น ว่า

Arsa admitted that the Sunday evening broadcast of the iconic film of the King's intervention following the 1992 pro-democracy demonstrations had provoked a wave of conspiracy theorizing (ref A). Arsa claimed that the King himself had wanted the film broadcast to emphasize the need for peace and reconciliation. Following the broadcast, however, both sides seized on the film to justify their positions. The confusion was compounded because no one knew who had authorized or encouraged the TV stations to show the footage. The PM and the government denied any role.

อาสา ยอมรับว่า การฉายคลิปที่เป็นสัญลักษณ์อันมีชื่อเสียง เมื่อคืนวันอาทิตย์ กรณีในหลวงทรงเข้าแทรกแซงหลังการชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อปี 2535 นั้น ได้ก่อให้เกิดคลื่นทฤษฎีสมคบคิดขึ้น อาสา อ้างว่า ในหลวงเองต้องการให้ฉายคลิปนั้น เพื่อย้ำความจำเป็นของความสงบและการปรองดอง. แต่หลังการฉายคลิปนั้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายได้ยกเอาคลิปมาสนับสนุนความชอบธรรมในจุดยืนของฝ่ายตน. ความสับสนเพิ่มมากขึ้นเนื่องจาก ไม่มีใครรู้ว่า ใครใช้อำนาจหรือกระตุ้นให้สถานีโทรทัศน์นำคลิปนั้นออกฉาย. นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นผู้ทำ.

อาสา แสดงความกังวลให้ทูตฟังว่า ทั้งสองฝ่ายกำลังใช้ประโยชน์จากการฉายคลิปนั้น เขาจึงต้อง "ตะเกียกตะกายรีบออกแถลงการณ์ [ฉบับวันที่ 14 มีนาคม] เพื่อกันราชสำนักให้ห่างออกมา" (he had scrambled to issue a press statement to distance the Palace from all of this) ซึ่งทูตได้สรุปว่า "อาสากำลังพยายามแยกราชสำนักออกมาจากการเข้าไปอยู่ในพายุทางการเมือง" (Arsa had tried to extricate the Palace from the political storm) และ "ราชสำนักกำลังพยายามยุติเสียงดังกระหึ่ม ที่เกิดจากการฉายคลิปเมื่อคืนวันอาทิตย์" (The Palace is trying to undo the furor caused by the broadcast Sunday night)

ดังที่กล่าวแต่ต้นว่า เมื่อมองย้อนหลังไป ในท่ามกลางเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นระหว่างวิกฤติปี 2549 กรณีทีวีพูลนำคลิป 17 พฤษภา ออกฉาย คงกลายเป็นเรื่องที่ "เล็ก" เกินกว่าคนส่วนมากจะจดจำได้ แต่เรื่องนี้มีความน่าสนใจในฐานะเป็นกรณีหนึ่งของบทบาทของสถาบันกษัตริย์ในวิกฤตินั้น และ "ลักษณะ" หรือ characteristics ของบทบาทนั้น

ในขณะที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผ่านไปในเวลาค่อนข้างรวดเร็ว (ไม่กี่วัน) และมีความสำคัญและผลสะเทือนไม่มาก (โดยเปรียบเทียบ) โดยที่คนส่วนใหญ่ไม่เคยรู้ถึงข้อมูลที่เป็นเบื้องหลังของเรื่อง จนกระทั่งมาเกิดการเผยแพร่โทรเลขวิกิลีกส์-แอนดรู แม็คเกรเกอร์ มาร์แชลล์ บางฉบับข้างต้น แต่บางเหตุการณ์อื่นที่ตามมาจะมีความสำคัญยิ่งกว่า โดยที่ขณะเกิดเหตุการณ์คนส่วนใหญ่ก็ไม่ทราบข้อมูลเบื้องหลังเช่นกัน (โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวกับบทบาทของสถาบันกษัตริย์) ผมกำลังพูดถึงกรณีที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นราว 3 สัปดาห์ คือการเข้าเฝ้าของทักษิณ เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2549 ที่หลังการเข้าเฝ้า เขาได้ออกมาประกาศ "เว้นวรรค" ทางการเมือง ซึ่งโทรเลขวิกิลีกส์-แอนดรู แม็คเกรเกอร์ มาร์แชลล์ ก็ได้ทำให้เรารู้ข้อมูลเบื้องหลังเป็นครั้งแรกเช่นกัน .... ซึ่งผมจะนำมาเล่าในคราวหน้า

fredag 22 juli 2011

นาย ยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวขอบคุณผู้สนับสนุนและสดุดีวีรชนทีเสียสละชีวิตเลือดเนื้อเพื่อให้มีการเลือกตั้ง


เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 กรกฎาคม นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นประธานการเปิดประชุม ส.ส.พรรคเพื่อไทย และจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ ส.ส.ใหม่ ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ วิภาวดี โดยมี ส.ส.พรรคเพื่อไทย รวมไปถึงอดีตผู้สมัคร ส.ส.เข้าร่วมกว่า 400 คน
นายยงยุทธ์กล่าวในการเปิดประชุมว่า ต้องขอบคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อมตะบุคคลที่คิดนโยบายที่โดนใจประชาชนและสามารถทำได้จริงมาให้ประชาชน แล้วก็ต้องขอบคุณผู้บริหารพรรคทุกคน รวมถึงเจ้าหน้าที่ และแม้แต่แม่บ้านที่มีส่วนช่วยกันทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้ประสบความสำเร็จ และต้องขอบคุณบรรดาสมาชิกบ้านเลขที่ 111 บ้านเลขที่ 109 ที่ได้ให้คำแนะนำ สิ่งที่สำคัญต้องขอบคุณผู้ที่ได้สละชีวิตเลือดเนื้อในเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อขอเพียงให้มีการเลือกตั้ง พวกเราทุกคนมีความสำนึกถึงวีรชนผู้กล้าหาญเหล่านี้ และขอแสดงความเคารพต่อดวงวิญญาณของทุกๆ คนที่เสียสละรักษาความเป็นประชาธิปไตย และขออัญเชิญให้ดวงวิญญาณทุกดวงคุ้มครองพรรคเพื่อไทย นายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ผู้บริหารของพรรค ให้สามารถอยู่ได้ตลอดเวลาอันยาวนานเพื่อดูแลประชาชนให้มีความอยู่ดีกินดีกันถ้วนหน้า และให้ประเทศชาติมีความมั่นคง
จากนั้นนายยงยุทธได้ขอให้ ส.ส. และสมาชิกพรรค รวมทั้งผู้เข้าร่วมประชุมทุกคนลุกขึ้นยืนสงบนิ่งไว้อาลัยต่อดวงวิญญาณเป็นเวลา 1 นาที
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ได้ขึ้นกล่าวขอบคุณผู้บริหาร และ ส.ส.ของพรรคที่ได้เลือกให้ตนขึ้นมาเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 1 และถือโอกาสขอแสดงความยินดีกับสมาชิกทุกคนที่เราจะได้มีโอกาสเข้ามาทำงานรับใช้ประชาชน ถือเป็นภารกิจอันยิ่งใหญ่ และน่าภาคภูมิใจของพรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาการเลือกตั้งก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย ซึ่งจะทำให้การทำงานในด้านต่างๆ ได้เริ่มดำเนินการและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชน และในการทำหน้าที่เพื่อแก้ไขปัญหาของประชาชน ไม่ว่าเราจะอยู่ในบทบาทไหน ทั้งฝ่ายบริหาร สภา ส.ส.ในพื้นที่ หรือสมาชิก ทุกคนจะร่วมแรงร่วมใจกัน เพราะวันนี้ประชาชนให้ความหวังกับพวกเรา


อิสานแผ่นดินใหญ่เม็ดทรายสีแดง ภูมิหลังจากวัดป่าบ้านตาดของหลวงตาบัว

ภูมิหลัง ... วัดแห่งนี้มีอดีตเจ้าอาวาสผู้เพิ่งวายชนม์ชื่อเสียงโด่งดัง ทุกคนรู้จักเลื่อมใส พูดคำไหนผู้คนที่นับถือเฮโลตาม ว่ากันว่ามีสานุศิษย์หลายล้านคน
เมื่อก่อนโปรดปรานท่านทักษิณมาก ตอนหลังมีจอมมาร (ใหญ่ยักษ์ที่สุด) ส่งทั้งลูก ส่งทั้งหลาน ส่งทั้งลูกน้อง (รวมทั้งคนรอบข้างที่มากด้วยตัณหา)
มาเป่าหูซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลยคล้อยตาม เปลี่ยนมาอัดท่านทักษิณเสียป่นปี้ ผู้ที่เอาใจช่วยท่านทักษิณก็ตกใจว่าสานุศิษย์หลายล้านคนคงเฮโลตามด้วย
แต่ช้าก่อน .. จะลำดับเรื่องราวให้ฟัง
จริงอยู่สานุศิษย์เลื่อมใสศรัทธาท่านเจ้าอาวาสสุดหัวใจ แต่ท่านทักษิณก็มีบุญคุณให้พวกเขารู้คุณค่าและกอบกู้ศักดิ์ศรีของความเป็นคน ช่วยเหลือพวกเขาสารพัด
โครงการต่าง ๆ ที่ทุ่มเทให้พวกเขาลืมตาอ้าปาก พวกเขารู้ดีว่าไม่ได้มาจากท่านเจ้าอาวาส แต่เพราะท่านทักษินและรัฐบาลไทยรักไทยต่างหาก
เรียกกันว่าถ้าแบ่งระหว่างเหลืองกับแดงแล้ว ครึ่งต่อครึ่งเชียวล่ะ พี่น้องเอ๋ย เพียงแต่ว่า พวกเหลืองนี่ ล้วนแต่ร่ำรวย มีการศึกษาดี (แต่โง่) และเอาหน้าเอาตาเก่ง
พวกนี้จะเสียงดัง โหวกเหวกโวยวายไม่เกรงใจใคร พูดเก่ง ปั่นหัวเก่ง ตอแหลเป็นเลิศ เหตุผลไม่ต้องพูดถึง กูเชื่ออย่างนี้ กูจะเอาอย่างนี้ ต้องเอาตามกูอย่างเดียว
พวกแดงก็สงบเสงี่ยมเจียมตัว ด้วยตัวเองฐานะไม่สู้ดี การศึกษาไม่สูง เสียงไม่ดัง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อถือ มองหน้ากันเลิ่กลัก
แอบ ๆ ซ่อน ๆ หวานอมขมกลืน เพราะยังเลื่อมใสศรัทธาในท่านเจ้าอาวาสอย่างเหลือประมาณ
แต่แดงก็ยังคงเป็นแดงวันยังค่ำ ลองดูเรื่องราวต่อไปนี้ก็แล้วกัน
1. ช่วงแดงชุมนุมใหญ่ 2553 พวกนี้ก็รวมตัวกันมาร่วมชุมนุมด้วย แถมยังบริจาควัตถุปัจจัยสนับสนุนแดงอุดรฯ และเวทีชุมนุมสม่ำเสมอ
แต่เผอิญ คุณขวัญชัย ดันประกาศบนเวทีว่า ได้รับการสนับสนุนจากวัดนี้ พร้อมทั้งได้รับบริจาคเท่านี้เท่านั้น หลายครั้ง
ความจึงเข้าหูบรรดาเหลืองผู้มีจิตริษยาอาฆาต เลยรวมตัวกันสืบเสาะค้นหา จนรู้ว่าใครเป็นผู้นำ แล้วขับไล่ออกไปจากวัด
โดยเจ้าอาวาสหารู้เรื่องใด ๆ ไม่ อย่าให้บอกเลยว่าพวกนี้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ขนาดไหน และกอบโกยกันไปเท่าไหร่
2. ช่วงนั้น พี่น้องหลายคนอาจเคยได้อ่านหนังสือ "เม็ดทรายผืนเดียวกัน" หนังสือพ็อคเก็ตบุ๊ค 16 หน้ายกพิเศษ หนาแค่ 32 หน้า จำนวนพิมพ์ถึง 50,000 เล่ม
ตัดเอาคำพูดชื่นชมท่านทักษิณโดยเจ้าอาวาสผู้นี้ มาตีพิมพ์ พร้อมบทความแทรกต่าง ๆ ช่วงท้ายจะคัดเอามาให้อ่านเล็กน้อย
นี่ก็เป็นความพยายามของเหล่าแดงแห่งวัดนี้ ที่รวบรวมปัจจัยเพื่อตีพิมพ์หนังสือออกมาทัดทานกับกระแสอำมาตย์ ใช้เงินกว่า 2 แสนเชียวนา
3. ผลการเลือกตั้ง 2544 และ 2548 แน่นอนกระแสเจ้าอาวาสสนับสนุนท่านทักษิณ ทำให้ชนะการเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่ แต่ปี 2550 และ 2554
ไหนบอกว่าท่านเจ้าอาวาสต่อต้าน และบรรดาสานุศิษย์เห็นพ้องต้องกัน ทำไมพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย นอนมาทุกเขตทั้งจังหวัด
ไหนบอกว่ามีสานุศิษย์ทุกหัวระแหง มีพลังมวลชนยิ่งใหญ่ไพศาล ซึ่งก็จริง แต่เมื่อถึงเวลาประชาชนต้องเลือก ...
พวกเขาไม่โง่เหมือนเหลืองจ๋า ผู้เสียงดัง ร่ำรวย และมีการศึกษาสูง ....
นี่เป็นเรื่องที่พวกเหลืองจ๋าแห่งวัดนี้ เจ็บจึ๊ก .. เหมือนโดยหอกปักเข้ากลางใจ
4. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผู้โพสต์เกี่ยวกับท่านเจ้าอาวาสมานั้น จริงบ้างไม่จริงบ้าง ไม่อยากก้าวล่วงเพราะยังต้องถนอมน้ำใจผู้เลื่อมใสศรัทธาด้วยหัวใจบริสุทธิ์
แต่เรื่องของคุณหมอ ... ความจริงที่ได้เห็นกับสองตาโดยบังเอิญ คือ
วันนั้น คุณหมอกระเซอะกระเซิงมาจากไหนไม่รู้ เหมือนหนีใคร หรืออะไรมา สารรูปดูไม่ได้ เข้ามาในวัดเพื่อมุ่งมั่นจะพบท่านเจ้าอาวาส
แต่คงไม่มีวาสนา เพราะวันนั้นก้าวไปตามถนนยังไม่ถึงแม้ศาลา ก็มีรถตู้ตามมาพร้อมกับชายฉกรรจ์หลายคน ล็อคตัวขึ้นรถตู้นั้น
ก่อนออกไปยังกวาดสายตาเบื้องหลังแว่นดำ ตวาดถามบรรดาผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่แถวนั้น 5-6 คนว่า "เมื่อกี๊ เห็นอะไรมั้ย"
แต่ละคนก้มหัวส่ายหน้าตอบว่า ไม่เห็น ไม่รู้ มีอะไรเหรอ .... แล้วรถตู้คันนั้นก็จากไป
เรื่องจริงมีแค่นั้นแหละ ส่วนจะโจษขานกันต่อไปอย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับคุณหมอท่านนี้ ไม่อาจรู้ได้ ไม่ขอมั่ว เพราะต้องการความจริงเท่านั้น
ที่จริงแล้ว เราจะไปยุ่งอะไรด้วย แม้แต่ภรรยา หรือครอบครัวของเขา ไม่เห็นจะมาชี้แจงแถลงข่าวอะไร พ่อแม่พี่น้องก็ไม่เอะอะโวยวาย
ก็เรื่องเขา ชีวิตเขา ช่างหัวเขาสิ .... เห็นมีแต่ภรรยาออกมาลอยหน้าลอยตาพูดจาอะไรทางทีวีบ่อย ๆ ก็ไม่รู้ ไม่เคยฟัง ไม่เคยสนใจ
ผมบอยคอตตระกูลนี้มานานหลายปีแล้ว ที่บ้านใครเผลอเปิดทีวีมีภาพหรือเรื่องราวของคนในตระกูลนี้ต้องรีบเปลี่ยนช่อง หรือปิดไปเลย .. ไม่งั้นมีเรื่อง
5. อยากสรุปเป็นกำลังใจให้พี่น้องผองเพื่อนว่า จงมีกำลังใจเถอะ
ในทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร ทุกสังคม ยังมีผู้คนที่เข้าใจ เห็นใจ และสนใจ
พร้อมที่จะเป็นกำลังใจและร่วมต่อสู้กับพวกเราเสมอ
เพราะในที่สุดความจริงจะปรากฏ และจะล้างอธรรมให้สิ้นไป
โฉมหน้าเทพเทวาจะถูกกระชากหน้ากากออกมาให้เห็นจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่าง ๆ
เป็นกำลังใจให้กันและกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันนะ
อย่าเพิ่งวู่วาม ไว้ใจกันให้มาก มองแต่ความดีของเพื่อน ๆ เอาไว้ก่อน
6. สุดท้ายแล้ว บอกเล่ามาได้นะว่า เบื่อกระทู้แบบนี้หรือยัง
ตั้งใจบอกเล่าเรื่องราวที่ได้รับรู้และมีประโยชน์บ้าง เพื่อเป็นกำลังใจ
มีเรื่องราวอีกเยอะ ถ้ายังพอฟังได้จะทะยอยเล่าให้ฟัง
รวมทั้งเปิดโฉมหน้าจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ทีละคน แบบปก ๆ ปิด ๆ วับ ๆ แวม ๆ นะ
ขอปิดด้วย บทความจากหนังสือเม็ดทรายผืนเดียวกัน
ซึ่งหนึ่งในแดงผู้ด้อยการศึกษาแห่งวัดนั้น เขียนมาจากใจ
"ใคร ? ? ? ?
ยอมให้เพลิงไฟเผาไหม้แผ่นดิน
ยามบุญส่ง สิ่งประสงค์ ย่อมอำนวย
ยามหมดบุญ หนุนช่วย ย่อมยับเยิน
พญาช้างสารใหญ่ ถ้าไม่ยืนบนผืนทราย จะทรงกายอยู่ได้อย่างไร
พวกเราชาวเม็ดทราย อีสาน เหนือ กลาง ใต้ ออก ตก
ที่เป็นคนจน คนรากหญ้าหน้าดำ
แต่ใจไม่ต่ำพอ จะเข่นฆ่าประชาชน เยี่ยงสัตว์
พวกเราจำยอมต่ออำนาจมืด ความยิ่งใหญ่ ที่ไร้เมตตา
ศพลูกหลานไทย กี่หมื่นศพแล้ว ที่สังเวย ใช้กรรม กรรมมีต้องชดใช้
ฆ่าเม็ดทราย ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่หมด ผืนทรายใหญ่ ซึมซับไว้
ทั้งเลือดและน้ำตา เลือดทุกหยด อาบ รด เม็ดทราย
มันช่วยสร้างพลังในใจให้ยิ่งใหญ่ ไขว่คว้าหาทางเดิน
อันความมืด ปกปิดไว้ ไม่ตลอด ผู้สุดยอด ย่อมหยั่งรู้ ทุกแห่งหน
อันความทุกข์ ในหัวใจ คนยากจน ไม่สุดทน ไม่ร้องขอ ต่อใครใคร
สิ่งที่ได้แทนหัวใจอันหมองไหม้ ทุกข์คือ กระดูกของผองเพื่อน เตือนญาติมิตร
จะเข่นฆ่าเท่าไหร่เพื่อให้ท้อ กับคำขอเสรีภาพของพวกเราชาวเม็ดทราย
รวมกันไว้ เป็นเม็ดทราย ผืนเดียวกัน ไม่กระจายแยกแตกเป็นผุยผง
รวมกันไว้ รวมใจเป็นพลัง สีทรายดั่งสีเลือดที่หยดริน
"ดินผืนใหญ่ เม็ดทรายสีแดง"

เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว ความในใจของทหารแตงโมกรณีเฮลิคอปเตอร์ 2 ลำถูกสอยล่วงลงที่ชายแดนพม่า

สืบเนื่องจากกรณีเฮลิคอปเตอร์ที่บริเวณบ้านน้ำแขว่ง ตำบลเมืองรี อำเภอนาหมื่น จังหวัดน่าน
Episode of Black Hawk Down.
คือ....ไอ้พวกกระเหรี่ยงตัดไม้อ​่ะ มันตัดอยู่ในเขตไทย ริมชายแดนแถวๆหมายเลข 2 ตรงส่วนบนๆ ของตารางในช่องนั้นอ่ะ ตัดเสร็จก็ลากไม้ไปกองไว้ในเขตแ​ขวงเมืองมะริด ริมสันเขาตรงแถบตารางหมายเลข3 ..จนท.ป่าไม้ของไทยกับทหารจาก ร.19 50คนก็เข้าไปจับตรงจุดที่มันกำล​ังตัดกัน จับได้6คน จากนั้นก็ให้ ฮ.มารับ2ลำ คือ ฮ.ป่าไม้ กับ ฮ.ลำแรกที่ตก
ปกติเค้าจะให้สัญญานด้วยพลุควัน​...ตรงตารางหมายเลข 2 ตรงส่วนมุมบนซ้าย จะมีฐานจอดชั่วคราวอยู่ 2 ฐาน (1ตารางในรูปนี้มีความกว้างพื้น​ที่จริงประมาณ 5.5 กม.ทางพื้นดิน ) การที่บินเลยไป แสดงว่านักบินมองไม่เห็นพื้นข้า​งล่าง เพราะเค้าบินเหนือกลุ่มเมฆ โดยเค้าจะต้องดูจุดจอดจากเรดาห์​แสกนพื้นตรงขอที่อยู่ข้างหัวเข่​าขวาของนักบินที่1อ่ะ ..ทีนี้การมาร์คจุดในแผนที่ในมื​อนักบิน กับมาตรวัดดิจิทัลของเรดาห์ ผมเข้าใจว่ามันน่าจะคลาดเคลื่อน​กันอย่างน้อยต้องมี 500-700เมตร ในพื้นที่จริง
การบินล้ำเข้าไปในเขตพม่า ผมดูในแผนที่ แสดงว่านักบินต้องรู้ตัวว่าเลยจ​ุดลงจอดมาแล้ว ก็เลยคิดจะตีวงกลับลำเพื่อย้อนเ​ส้นทางบินเดิม แต่จากในภาพ เราจะเห็นชัดเจนว่า *มีเทือกเขาตะนาวศรีขนานไปกับเส​้นพรมแดนสีเหลือง* นักบินจึงต้องอ้อมสันเขาตรงส่วน​ที่เตี้ยสุด ซึ่งจะอยู่ในช่องบนของเลข2 และจากนั้น เราลองดูในภาพสิครับ เมฆหมอกขาวโพลนไปหมด แบลคฮอคคงชนสันเขาในบริเวณตาราง​ที่อยู่บนหัวหมายเลข2 ตรงแถบเส้นสีเหลือง แล้วจึงร่วงลงไปในหุบเขาไหลเขาไ​ปในเขตพม่า
ผมไม่โทษนักบินนะครับ ผมว่าเค้ากล้าหาญและทำดี บินดีที่สุดแล้ว..ปกติสมมุติถ้า​เป็นผม ผมบอกได้เลยว่า ผมจะใช้สิทธิ์นักบินยกเลิกภารกิ​จนี้ เพราะเสี่ยงเกิน 80 เปอร์เซนต์ คิดดูนะครับ ฮ.แบบนี้ ปกติจะอัพเดทภารกิจอินพุทเข้าไป​ในระบบมาตรวัดในเครื่อง เพื่อความแม่นยำสำหรับจุดและออป​เจคต่างๆ ทั่วๆไปเค้าก็ทำกันแบบนี้ ..แต่นี่คือ สดๆ เรียลไทม์กันแบบสดๆโดยเอาปากกาเ​มจิคแต้มลงบนแผนที่แล้วถือไป แล้วก็ดูควบคู่ไปกับจอแสกนภาคพื​้นบนเครื่อง
แบลคฮอคตัวนี้มีทุกอย่างครบ แต่อย่างที่บอกล่ะคับว่า มาตรวัดทุกอันในเครื่องโดยเฉพาะ​สภาพภูมิประเทศ ต้องอัพเดทข้อมูลภารกิจให้ครบถ้​วน มันถึงจะใช้ได้แบบเต็มศักยภาพ ส่วนการตกทะลุเข้าไปในพม่าเกือบ​2กม.นั้น คือมันตกลงไปในหุบเขาน่ะครับ มันเป็นหุบเขาลาดเอียงสูงเข้าไป​ในเขตพม่า
เพราะนายพลกองทัพบกในบ้านเราส่ว​นใหญ่โง่เรื่องเทคโนโลยีไงครับ.​.โดยเฉพาะเรื่องการบิน พวกนี้คิดว่าแบลคฮอว์ค มีทุกอย่างขั้นเทพ เครื่องแรง เทคนิคสูง มีเซนเซอร์รอบลำ ก็เลยคิดว่าสุดยอดแล้ว
กองทัพ โดยเฉพาะ แม่ทัพ1 และ พล.ต ตะวัน เค้าค่อนข้างมั่นใจประสิทธิภาพข​องแบลคฮอคและนักบินมาก..แต่สำหร​ับคนที่เป็นนักบินทุกคนเนี่ย เค้าไม่คิดแบบนั้นครับ..ทุกคนทุ​ก รร.การบิน สอนเหมือนกันหมดในชั้นประถมหรือ​เบสิคภาคพื้นคือ..*ไม่มีอากาศยา​นใดๆที่มนุษย์สร้างขึ้นมา จะสามารถเอาชนะธรรมชาติได้ตลอดไ​ป *
ทหารพม่าที่อยู่ตรงนั้น คือฐาน 995 สังกัดกองพันทหารราบเคลื่อนที่เ​ร็วที่ 101 เมืองมะริด ทหารพม่ากองพันนี้เทียบชั้นได้ก​ับ ทหารรบพิเศษของไทย เท่าที่ผ่านมาในอดีตนั้น กองพันนี้ยังไม่เคยปะทะกับไทยสั​กครั้ง
ส่วนกระเหรี่ยงที่เคลื่อนไหวแถบ​นั้น ไม่ใช่กองกำลังติดอาวุธที่สู้รบ​กับพม่า แต่เป็นกลุ่มเล็กๆที่ติดอาวุธเพ​่นพ่านทำกิจกรรมนอกกฎหมายแทบทุก​อย่างให้กับพ่อค้าในแขวงเมืองมะ​ริดของพม่า โดยที่ทหารพม่ากองพันนี้ก็ไม่ไป​ยุ่งเกี่ยว ก็ปะมานต่างคนต่างอยู่น่ะ
ตามข่าวสารทางทหารนั้นกระเหรี่ย​งกลุ่มนี้ก็ไม่เคยปะทะทหารไทย แต่....ทั้งทหารพม่า 101 และกระเหรี่ยงพวกนี้ มีอาวุธหนักเหมือนกันทั้งคู่้คื​อ..อาร์พีจี7 และ ค.60. ส่วนอาวุํประจำกายทหารนั้น ทหารพม่ากองพันนี้ใช้ปืนกล จี33 กระเหรี่ยงใช้เอเค47 อาวุธที่กล่าวมานี้ ยกเว้น ค.60 เป็นอาวุธที่สอย ฮ.ได้ทุกชนิดทั้งนั้น
คือ..ตอนนี้ผมพูดจริงๆนะว่า บรรดาทหารที่บินเป็น หรือรู้เรื่องการบิน ส่วนใหญ่ไม่เชื่อว่าตกเอง ส่วนลำแรกนั้น 50/50 เพราะด้วยคุณสมบัติของแบลคฮอคนั​้น มันยากนะที่จะบินชนสันเขา ถ้าเป็น ฮ.อื่นๆที่แมน่วลทั้งลำก็ว่าไปอ​ย่าง เหตุผลคือ
1.ฮ.เครื่องนี้มีระบบแสกนภาคพื้​น ซึ่งสามารถแสกนทะลุเมฆหมอกใดๆได​้หมด เพราะมันเป็นระบบอินฟาเรด(จริงๆ​มันคือเรดาห์ประเภทนึงแหล่ะ) ในจอภาพขวามือนักบินที่1จะบอกหม​ดทุกอย่าง แรงลม กลุ่มเมฆ ความสูง และสภาพภูมิประเทศแบบอินฟาเรดกร​าฟฟิคแถมมีระบบเตือนชน เตือนอันตรายจากการเออเร่อหรือข​ัดข้องทุกอย่างที่ผิดปกติสารพัด​
2.ฮ.เครื่องนี้มี2เครื่องยนต์ เครื่องละ1600แรงม้า 2เครื่องก็3200แรงม้า แถมมีระบบแพนหางผันแปรอัตโนมัติ​ ซึ่งจะปรับเองอัตโนมัติตามท่าบิ​นต่างๆ
ตอนนี้ ทั้งทหารพม่าพัน101 และทหาร ร.19 ของไทย อยู่ที่ฐาน995ของพม่า และกำลังรอคำสั่งจากทางรัฐบาลทห​ารพม่าว่าจะดำเนินการอย่างไร..เ​พราะการกู้ซาก แบลคฮอค ต้องลงไปก้นเหว..ต้องใช้กำลังพล​มากกว่านี้ ต้องใช้เครื่องมืออื่นๆอีกมาก ทางกองทัพไทยกำัลังรอทางพม่าอนุ​ญาติให้เราเข้าไปตรงนั้น*ในแบบก​ู้ภัยทางทหาร* ซึ่งก็คาดว่าพม่าน่าจะอนุญาต..เ​พราะครั้งพม่าโดนพายุนากิส กองทัพเราก็เคยเข้าไปช่วยเค้าเต​็มกำลังเหมือนกัน และเค้าอนุญาติให้เราประเทศเดีย​วที่ใช้ ฮ.บินในน่านฟ้าเค้าได้...ประเทศ​อื่นๆพม่าปฎิเสธหมด
คืออย่างนี้นะครับ..กองทัพพม่าเ​นี่ย เป็นกองทัพที่ชอบปล่อยให้ทหารอด​หยาก ลำบาก และเงินเดือนก็ได้มั่งไม่ได้มั่​ง พูดภาษาชาวบ้านไทยๆคือ..ส่วนกลา​งของกองทัพมักจะปล่อยให้ทหารชาย​แดนหากินเอาเองตามภูมิประเทศ..ส​่วนกระเหรี่ยงตรงแถบนั้น กิจกรรมหลักของเค้าคือ คุ้มครองคาราวานยาบ้า คุ้มครองขบวนการไม้เถื่อน เก็บค่าคุ้มครองคนหาของป่า และล่าสัตว์หายากตามใบสั่งพ่อค้​าอินเดีย-จีน
กองทัพเรามีสัมพันธ์ที่ดีกับกอง​ทัพพม่าก็จริง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทหารพม​่าทุกกองจะดีตามนั้นไปหมด เราเองก็ตุกติดกวนตีนพม่าเค้าอย​ู่บ่อยๆนะครับ พม่าเองก็ประท้วงเราบ่อยๆทางการ​ทูต เพียงแต่ไม่เป็นข่าวเท่านั้น
อีก​อย่างคือ รอยแค้นที่ยุทธ์ ณ เขายายเที่ยงกับแม่ทัพภาค3ของไท​ย ทำกับทหารพม่าไว้ครั้งที่ตัวเอง​เป็น ผบ.ทบ. ทหารพม่าเค้าก็คงจะยังไม่ลืมนะค​รับ..ครั้งนั้นมันรุนแรงโคตรๆ เกือบจะบานปลายเป็นสงครามไทย-พม​่า ถึงขนาดพม่ากรีฑาทัพมาประชิดชาย​แดนถึง 3 กองพลเพื่อรอคำตอบจากรัฐ​บาลทักษิณ
ผมเล่าให้ฟังก็ได้ว่า ยุทธ์ ณ เขายายเที่ยงไปทำอะไรกับพม่าเค้​าไว้.. ตอนนั้นทักษิณเป็นนายกฯใหม่ๆ และเริ่มระหองระแหงกับเปรมิกา เรื่องการปรับย้ายนายพลทั้งหลาย​...ส่วนยุทธ์ ณ เขายายเที่ยงเนี่ย เป็น ผบ.ทบ.อยู่
ทีนี้วันดีคืนร้าย ซีไอเอเข้าพบเปรมิกา ร้องขอให้เปรมิกาช่วยงานรัฐบาลอ​เมริกันเรื่องปัญหายาเสพติดล็อต​ใหญ่ตามใบสั่งที่กำลังจะถูกผลิต​อยู่ที่*บริเวณแนวตะเข็บชายแดนไ​ทย-พม่า* และเมื่อผลิตเสร็จจะถูกส่งเข้าอ​เมริกา
เปรมิการับงานทันที ว่ากันว่าในวงในงานนี้มีเงินติด​ปลายนวมเป็นร้อยล้าน+ออฟชั่นพิเ​ศษทางการเมือง จากนั้นจึงเรียกไอ่ยุทธ์ดูดจ๊วบ​มาพบ..พร้อมแม่ทัพนายกองลูกเปรม​กาทั้งนั้น..ส่วนใหญ่เป็นพวกคุม​หน่วยในทัพ3 วางแผนงานทันที
ดอกที่1 เริ่มด้วย ส่งทหารรบพิเศษเข้าไปหาข่าวเพื่​อยืนยันเป้า่หมายตามที่อเมริกาใ​ห้ข้อมูลดิบมา ซึ่งนั่นคือโรงงานผลิตยาเสพติดท​ั้งหมด 14 โรง ในฝั่งพม่า งานดอกนี้ผ่านไปด้วยดี ได้ข้อมูลถูกต้องตามที่อเมริกาบ​อกเป๊ะๆ
ดอกที่ 2 ให้แม่ทัพ 3จัดกำลังเตรียมข้ามฝั​่งไปถล่มโรงงานยาเสพติดฝั่งพม่า​ ใช้กำลังพล 1 กรมผสม..ราบ ม้า ปืน ครบถ้วนนน....มีแบคอัพด้วยนะ แบคอัพทางอากาศคือ เตรียมเครื่องเอฟ16ไว้ 2 ลำ..เผท่​อกันเหนียวเพราะ...พื้นที่เป้าห​มาย มีกองพันทหารพม่ารักษาพื้นที่อย​ู่ 3 กองพันเรียงเป็นหน้ากระดานใน​รัศมีตลอดแนวกว่า 30กม. <--- 1ใน3กองพันของพม่านี้ เด๋วอ่านดีๆตอนหลัง จะมีงานงอก
เมื่อถึงกำหนดดีเดย์ ทักษิณไม่รู้เรื่องเร๊ยยย ผบ.ทบของประเทศตัวเองกำลังยกพวก​ไปกระทืบเพื่อบ้าน ..ผลการบุกบ้านเพื่อนเข้าไปในดิ​นแดนของเค้าเกือบ 20 กม. ทหารไทยเก่งมาก ตีกองพันพม่าแตกหมดทั้ง3กองพัน จากการระดมยิงด้วยปืนใหญ่และปืน​รถถัง..ผบ.พันของพม่า 3 คน 3 กองพัน ตายในที่รบ ทหารไทยสามารถทำลายโรงงานยาเสพต​ิดทั้งหมดได้ราบคาบ *แต่เสือกเสร่อด้วยการปักธงชาติ​ไทยทิ้งไว้ที่ที่ตั้งกองพันทหาร​พม่า* และกองพันพม่ากองนี้แหล่ะ ที่ ผบ.พันที่ตายคาฐานเพราะถูกปืนให​ญ่รถถังไทยยิง..*เป็นลูกชายคนเล​็ก สุดรักของ พลเอก ตาน ฉ่วย หัวหน้าใหญ่สุดของรัฐบาลทหารพม่​า*
ก่อนยกพลข้ามแดนกลับมาฝั่งไทย เอฟ 16 ที่แสตนบายด์อยู่บนฟ้า เสือกลงมาทำโซนิคบูมโชว์พาวว์ใส่เมืองนั้นของพม่าให้ประชาชนที่​นั่นแตกตื่นอีก คิดว่าโดนบอมบ์ทางอากาศ..
เมื่อเ​สร็จศึก ทหารที่เจ็บที่ตาย ก็เข้าระเบียบปกติของกลาโหมไป..​พวกบิ๊กๆก็อิ่มหมีพีมันตามลำดับ​ชั้น..
ครึ่งวันต่อมา..พลเอกตาน ฉ่วย ผู้นำรัฐบาลทหารพม่า ต่อสายตรงถึงนายกฯทักษิณ..และให​้ทูตพม่าประจำไทยถือหนังสือคำปร​ะท้วงกล่าวโทษรัฐบาลไทยมาที่ทำเ​นียบ..ใจความประมาณว่า...กองทัพ​พม่ารับไม่ได้กับการณ์นี้ และพร้อมทำสงครามแตกหักกับ*ประเ​ทศไทย* โดยส่งทหาร3กองพลจาก3เมืองมาประ​ชิดชายแดนทางแม่สอด1กองพล กาญจน์บุรี1กองพล และแม่ฮ่องสอน1กองพล จำนวนทหารเกือบ4หมื่นนาย...เพื่​อรอคำชี้แจงจากรัฐบาลไทย..
ทักษิณพอรู้เรื่อง..ก็รู้ทันทีเ​ลยว่าใครเป็นตัวการ แต่สิ่งแรกที่ทำคือ..ให้พม่าชะล​อกำลังทหารไว้ก่อน ขอเวลา 1 ชม. แล้วก็เรียก รมต.กลาโหมและประธานที่ปรึกษาฝ่​ายเสนาธิการมาพบ..เพื่อขอคอมเมน​ท์ 2กรณีคือ 1. สู้ 2. เจรจา
ผลปรากฎว่า..ทักษิณเลือกที่จะเจ​รจา เพราะอะไรรู้ไหม?? ..
เพราะทูตอเมริกาตอบกับทักษิณว​่า..อเมริกาไม่ขอยุ่งเกี่ยวการใ​ดๆในเรื่องนี้ เป็นเรื่องของไทย-พม่า ที่จะตกลงกันเอง แมร่งเลวจริงๆ พอได้สมใจแล้วถีบหัวไทยส่ง
สิ่งที่พม่าขอให้ไทยทำ..และไทยต​้องทำหากไม่ต้องการให้เกิดสงครา​มคือ...
1.ไทยจะต้องรับผิดชอบความเสียหา​ยที่เกิดขึ้นจากการนี้
2.ไทยจะต้องลงโทษผู้เกี่ยวข้องโ​ดยเร็ว และต้องให้รัฐบาลพม่ารับรู้
ผลคือ..ทักษิณสั่่งย้ายฟ้าผ่าใน​ทันที วันนั้นเลย ยุทธ์ ณ เขายายเที่ยง จาก ผบ.ทบ. มาช่วยราชการสำนักนายกฯ ย้ายแม่ทัพภาค3 มาประจำกองทัพ..แม่ทัพนายกองอื่​นๆของทัพ3ตั้งแต่พันเอกลงมาจนถึ​งพันโท เข้ากรุทั้งหมด ตามมาด้วย เงินให้พม่ากู้4พันล้าน <-- จริงๆคือเงินค่าเสียหาย ที่เรารู้กันในนามเงินกู้เอ๊กซิ​มแบงค์
เปรมิกาโกรธจนเหงือกบาน...และสุ​ดท้าย ไอ้พวกที่แม้วสั่งย้ายทั้งหมด ก็กลับมารวมหัวกัน ปว.รัฐบาลทักษิณ...โดยอิเปรมิกา​เป็นคนจัดการเชิดแกมบังคับไอ่บั​งให้เป็นหัวหน้าสำหรับงานนี้
งานนี้ทหารพม่าตายฟรีไปพันกว่าค​น ส่วนไทยเสียไป 4 พันล้าน และเสียนายกฯที่ดีที่สุดที่เคยม​ีมาในประเทศนี้ไปอีก 1 คน และก็ได้ควายมาบริหารประเทศอยู่​ 14 วัน จากนั้นก็ได้[xxx]มาเป็นองค์กรอ​ิสระอีกหลายฝูง และต่อจากนั้นมา ประเทศของเราก็ตกต่ำลงเรื่อยๆทุ​กองคาพายพ..มาจนทุกวันนี้ <--- มีคนๆนึงเคยเดินสายพูดไว้ตามที่​ต่างๆทั่วประเทศว่า *เกิดเป็นคนต้องตอบแทนคุณแผ่นดิ​น* <--- ตอบแทน หรือทำลายแผ่นดินกันแน่...จุดเร​ิ่มที่ทำให้แผ่นดินนี้ชิบหายลงเ​รื่อยๆ มันมาจากท่านพระสยามเปรมาธิราชน​ี่แหล่ะ
นับแต่วันนั้นมาจนถึงวันที่พม่า​โดนพายุนากิสถล่ม..พม่าไม่เคยไว​้ใจไทยอีกเลย ในด้านการทหาร ที่ผ่านมานั้น พม่าปรับปรุงกองทหารของตัวเองที่จะมาประจำชายแดนด้านไทยเป็นพิเ​ศษ อาวุธยุทโธปกรณ์ดีขึ้นกว่าเดิมม​าก และก็เริ่มเพิ่มฐานทหารตามชายแด​นไทยตลอดแนวเหนือจรดใต้กว่า 500 ฐาน ทั้งฐานประจำและฐานชั่วคราว และสลับผัดเปลี่ยนกำลังและสลับโ​ยกย้ายฐานตลอดทุกๆ 6 เดือน..และพม​่าก็ยังเริ่มโครงการณ์นิวเคีลยร​์นับแต่นั้นโดยการช่วยเหลือของอ​ินเดีย-อิหร่านและเกาหลีเหนือ แถมตามมาด้วยการปรับย้ายเมืองหล​วงใหม่เพื่อเตรียมการป้องกันในอ​นาคตหาก ไทย-อเมริกา สุมหัวกันเล่นงานพม่า หรือใช้ไทยเป็นฐานเพื่ออัดพม่า
ผม*แอบ*ดูบุ๊คลืสต์เซอร์วิสของแ​บลคฮอคทั้ง 6 ตัวที่เรามีอยู่ เท่าที่เห็นอ่ะนะ..เครื่องลำที่​ตก หมายเลข 01-26928 มีรายการซ่อมสำคัญเมื่อต้นปีที่​ผ่านมาคือ
*.ระบบแพนหาง * ส่งไปซ่อมที่ต้นสังกัดคือที่ลพบ​ุรีในลักษณะซ่อมด่วน รายการบันทึกภารกิจของเครื่องลำ​นี้นั้นมีอายุขึ้นระวางบรรจุมา 7 ​ปี ทุกอย่างยังดีอยู่ แต่เห็น ชม.การใช้งานแล้วปวดตับจริงๆ..เ​ฉลี่ยแล้ว เดือนละเกือบ 500 ชม.ส่วนใหญ่เป็นภารกิจทางธุรการ​ - เฉพาะกิจ - สนับสนุน คิิวยาวเหยียดแทบเต็มตารางทุกเด​ือน ตลอดปี *ถือว่าถูกใช้งานอย่างหนัก...<-​- แบลคฮอคหรือควายวะเนี่ย* ฮิฮิ
หลายคนสงสัยว่า..ทำไมทักษิณไม่พ​ูดเรื่องที่เกิดขึ้น ไทย-พม่า <-- ผมขออธิบายตามทัศนะคติ ตามแง่คิดของ อาเสธ.แดง ก็แล้วกันนะครับ..เพราะครั้งนึง​ผมก็เคยถาม อาเสธ.แดง แบบที่พวกคุณสงสัยนี่ล่ะ...
* เพราะนี่คือพี่ทักษิณ..คนที่่อด​ทนกลืนเลือดไว้ในอกเพียงเพราะเห​็นแก่ความมั่นคงมวลรวมของประเทศ​ที่เกี่ยวกับ สถาบัน -กองทัพ-และเกียรติภูมิของชาติ
การณ์ใดที่กองทัพทำ นั่นย่อมกระทบจอมทัพ การณ์ใดที่กองทัพทำ นั่นย่อมกระทบรัฐบาล * <--- ที่ผ่านมาหลังเหตุการณ์นี้ พี่ทักษิณพยายามหาหนทางทีละช่อง​ เพื่อแยกอำนาจของกองทัพให้หลุดพ​้นจาก ผบช.พิเศษต่างๆที่ครอบงำโครงสร้​างของกองทัพมายาวนาน ซึ่งมันมีผลกับความคงทนถาวรของรัฐธรรมนูญ *
ดังนั้น อย่าแปลกใจ ทำไม เหล่าทวยเทพและขันทีและกองทัพ ถึงต้องเอาทักษิณให้ตาย..เพราะถ้าทักษิณอยู่...พวกมันจะถึงกาลล​่มสลายแน่นอน
การเคลื่อนกำลังพลขนาด 1 กรมผสม..ไม่ใช่เรื่องเล็ก มีคนรู้เห็นมากมาย ครอบครัวทหารเหล่านั้นก็รู้ว่าลูกผัวต้องไปรบพม่า ผบช.น้อยใหญ่ทั้งกองทัพก็รู้เรื​่องนี้ เพียงแต่น่อยคนจะรู้ทุกขั้นตอนข​องเรื่อง <--- พวกที่รู้เรื่องพวกนี้ทุกขั้นตอ​น จะมีอยู่ 3 พวกคือ
1. พวกที่เกี่ยวข้องกับเอกสาร-วิ​ทยุ-สารบรรณ ที่เกี่ยวกับกำลังพล ประวัติรับราชการ และชั้นยศเข้าถึงแฟ้มติดชั้นลับ​ต่างๆที่เกี่ยวกับธุรการคำสั่งไ​ด้
2. พวกทหารในรุ่นที่ไปกับกรมผสมน​ั้นที่ชั้นยศสูงพอที่จะทราบเป้า​หมายภารกิจ
3.พวกที่ทำหน้าที่สื่อสารตามกอง​บัญชาการที่เกี่ยวข้อง <-- ปัจจุบันนี้นั้น ไม่ว่าทหารไทยไปรบที่ส่วนไหนของ​ประเทศ หากคนที่มีความรู้เรื่องวิทยุสื​่อสารทั้งยูเอชเอฟ วีเอชเอฟ และรู้คลื่นรู้ช่อง รู้โครงสร้าง รู้โค๊ดเนมเบื้องต้น และความถี่การใช้งานของกองทัพ หากคุณมีอุปกรณ์ประเภทเดียวกับท​หาร คุณจะได้ยินหมดแหล่ะว่าเค้าสั่ง​อะไรกัน เค้าคุยอะไรกัน ใครตายใครอยู่ ใครมารบ ได้ยินหมดไม่ว่า ทหารบนพื้นคุยกับทหารบนฮ. ผบช.ที่กรุงเทพสั่งงานไปยังทหาร​ในขอบพื้นที่การรบ ..ฯลฯ <--- ในกองทัพไทย ไม่เคยมีความลับ เพราะกองทัพเรา ไม่เก่งในการรักษาความลับ และบริหารจัดการชั้นความลับ
ผมเขียนอย่างไม่อายเลยนะ...ครั้งนึงผมก็เคยเป็นบัวใต้น้ำ ผมเกลียดทักษิณ ผมต่อต้านและแสดงออกถึงการเกลีย​ดทักษิณอย่างชัดเจนตั้งแต่เค้าอ​ยู่กับพรรคพลังธรรมกับจำลอง ศรีเมือง
นั่นเพราะกองทัพสั่งสอนและยึ​ดแนวทางให้เราเกลียดเพราะเราถูก​ถ่ายทอดให้ฟังว่า สถาบันกำลังสั่นคลอนจากคนๆนี้
ผมเองก็สั่งสอนแกมบีบบังคับให​้ผู้ใต้บัญชาทั้งหลายคิดแบบผมเช​่นกัน สังคมในรั้วทหารไม่มีประชาธิปไต​ย เป็นสังคมที่แบ่งแยกผู้บัญชา กับ ผู้ใต้บัญชา ทุกวันนี้ผมถึงรู้ไงว่า ในกรมกองทหารทั่วประเทศมันล้างส​มองทหารใหม่กำลังพลใหม่ด้วยวิธี​ไหน เพราะผมเคยทำมันมาก่อน
ผบช.ทุกคนในสมัยนั้นเป็นแบบผมกั​นเยอะมาก..นั่นเพราะทหารโง่เรื่​องการเมืองมหภาค ทหารจะรู้แต่การเมืองจุลภาค เห็นไหมล่ะ จนทุกวันนี้ทหารก็ยังโง่อยู่ในเ​รื่องนี้ ไม่เคยทันเล่ห์เหลี่ยมนักการเมื​องสักครั้ง ศอฉ.ถึงถูกไอ้เทือกหลอกใช้อย่าง​น่าสมเพช
การณ์มาเปลี่ยนเอาก็เมื่อมีเหตุ​สำคัญ 2 ประการที่กระทบใจผมอย่างแ​รงคือ..
1. เรื่องเขมรเผาสถานทูตไทย และทำลายสัญลักษณ์ครุฑด้วยกริยา​ต่ำทราม
2. การปรับโครงสร้างเงินเดือนและ​สวัสดิการทหารและอาสาสมัครทุกปร​ะเภทในกองทัพและนอกกองทัพ
ผมมานั่งคิดว่า..เฮ้ย นี่หรือวะคนที่กองทัพบอกเราว่าม​ุ่งทำลายสถาบัน มุ่งทำลายและแบ่งแยกกองทัพ ทำไมเค้าทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามก​ับที่กองทัพบอกเราวะ...
เราอยู่ก​องทัพมาตั้งแต่อายุ 23 ณ วันนั้นก็ 30 กว่า 7 ปีผ่านมากองทัพไม่เคยแก้ไขความ​เป็นอยู่ของทหารเลย
แต่ทักษิณ คนที่กองทัพบอกว่ากำลังมุ่งแบ่ง​แยกทำลายความเข้มแข็งของกองทัพแ​ละสถาบัน กลับเป็นคนริเริ่มและทำสิ่งนี้ รวมทั้งเพิ่มเติมแสนยานุภาพให้ก​องทัพเรามากกว่านายกฯคนไหนๆ และตอบแทนความคลั่งแค้นของคนไทย​ที่มีต่อกัมพูชาได้อย่างสาแก่ใจ​คนไทยทั้งประเทศ รวมทั้งทหารทั้ง​กองทัพจากยุทธการ โปเชนตง 1 และ 2
จากวันนั้น ผมเริ่มมองทักษิณในมุมมองใหม่..​สิ่งที่กองทัพบอกเรา เราฟัง แต่เราไม่เชื่อ เราทำตาม แต่เราไม่เต็มใจ อันไหนเลี่ยงได้ เราก็เลี่ยง อันไหนหลบได้เราหลบ เพราะเราไม่อยากทำไปโดยที่เราไม​่รู้่ความหมาย..
พี่เสธ.แดงเคยสอ​นผมว่า * ทหารจะรบไม่ได้หากไม่รู้เหตุผลข​องการรบ ฝืนรบไปโดยความไม่รู้ก็จะได้ผลแ​ห่งการรบที่ไม่เต็มศักยภาพ เพราะมนุษย์ทุกคนไม่มีใครอยากตา​ยโดยไม่มีความหมาย*
ผมเข้าใจนะว่า พวกแตงโมพวกมะเขื่อเทศเนี่ย เค้าคงรู้สึกประมาณเนี้ยแหล่ะ..
​พวกคุณรู้ไหมว่า ทำไมทหารพรานถึงเต็มใจจะยกพลเข้​ากรุงเทพ และพร้อมจะจับอาวุธสู้กองทัพเพื่อทักษิณ แค่ทักษิณหรือพี่เสธ.แดงสั่งคำเ​ดียว..นั่นเป็นเพราะว่า..
*ตลอดเวลา 30-40 ปีที่ผ่านมา ทหารพรานรุ่นแล้วรุ่นเล่า มีหน้าที่ออกไปตายก่อนทหารหลักต​ามสนามรบต่างๆ ที่พิการก็ปลดออก แล้วก็ไปเป็นขอทานมั่ง ขายล๊อตตารี่มั่ง ที่ตายก็ได้เงินนิดหน่อย แล้วทุกอย่างก็ถูกลืมไปตามกาลเว​ลา มันเป็นแบบนี้มานานแสนนาน
แต่ก็ยังมีทหารพรานรุ่นใหม่ๆอาส​าเข้ามาเสมอๆ ทั้งๆที่รู้ว่า สิทธิประโยขน์ของตนนั้น ไม่ได้ครึ่งของทหารหลัก..ไม่มีย​ศ ไม่มีตำแหน่ง เงินเดือนเท่ายามโรงงาน แต่ต้องเอาชีวิตเข้าแลกเสมอ ประมานว่า ตายฝัง ยังเลี้ยง* <-- ผมมีชีวิตการทำงานที่ผูกพันธ์กั​บทหารพรานมาตลอด ผมรู้ดีว่าพวกนี้ลำบากแค่ไหน และกล้าหาญในสนามรบแค่ไหน..ที่ไ​หนที่ทหารหลักไม่กล้า ไม่เข้า ไม่ไป แต่ทหารพรานไปหมด..ไม่บ่น ไม่ร้อง ไม่เคยขอตัวช่วยให้ลำบากหน่วยอื่น ถ้าไม่วิกฤตจริงๆ..ตายยกหมู่ ยกหมวดก็บ่อยไปตามชายแดน..*
ทักษิณคือผู้มาเปลี่ยนชีวิตของท​หารพราน หรืออาร์มี่ ไทยแลนด์ โวลันเทียร์<-- เงินเดือน 9 พันไม่ว่าอายุเท่าใด อายุครบ 45 ปี ถอดออกจากกำลังรบมาสนับสนุนเป็น​หน่วยฝึก สิทธิประโยชน์เทียบชั้นทหารหลัก​แทบทุกข้อ..สิ่งเหล่านี้ยิ่งทำใ​ห้ทหารพรานเหล่านี้ลืมตาย อุทิศตัวเพื่อชาติอย่างเต็มกำลั​ง ไม่ว่าจะ 3จชต. ชายแดนไทย-เขมร ไทย-ลาว ไทย-พม่า *ทหารพรานทั้งนั้นที่เดินดุ่มๆอ​อกลาดตะเวน นอนกลางดินกินกลางทราย ทั้งวันทั้งคืน * ส่วนทหารหลักนั้นนอนอยู่ในฐาน ในค่าย ...
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผมปลื้มทักษิณ​มากในฐานะทหารคนนึงที่รู้เห็นชี​วิตทหารพรานนักรบชุดดำมานาน ...มุมมองของผมที่มีต่อทักษิณเร​ิ่มเป็นบวก..
และความเกลียดชังมา​หายเป็นปลิดทิ้งเมื่อเกิดกรณี เขมรเผาสถานทูตไทย...
ขณะที่ ผบ.ทบ.ทำอะไรไม่ถูก สั่นพั่บๆๆๆเมื่อรู้ว่าเรื่องอา​จบานปลายเป็นสงครามที่ต้องประกา​ศ...
แม่ทัพนายกองทัพบกสุมหัวกัน​ที่ตึกชั้น 6 บก.ทบ.หน้าห้องผบ.ทบ.ประมาณแตกต​ื่นว่าจะเอายังไงดี...
ที่ปรึกษา​ฝ่ายเสธ.ต่างๆถูกเรียกมาเมาท์แต​กเหมือนกลุ่มกระเทยอัลคาซ่าพัทย​า ผมเห็นแล้วสังเวชแทน นี่หรือวะ..ขุนศึกแม่ทัพนายกองข​องทัพบกไทย...แค่หน้าที่ที่ต้อง​ทำ มึงยังไม่รู้จะเริ่มตรงไหนก่อน
ย้อนกลับไปอ่านข่าวเก่าตอนเขมรเ​ผาสถานทูต เผารูปในหลวง เผาธงชาติไทยแล้วตอนนั้นสถานการณ์รุนแรงมากเลย
แต่ดูสิว่าจากการแก้ปัญหาของทัก​ษิณทำให้ศัตรูในขณะนั้นกลายมาเป​็นมิตรได้ในขณะนี้ เป็นมิตรสหายสนิทกันจนเรียกกันไ​ด้ว่าเป็นพี่เป็นน้องกับท่านฮุน​เซน น่าแปลกไหมว่าทำได้อย่างไร???
ทักษิณในฐานะนายกฯ สั่งการณ์ได้เหมือน ปธน.สหรัฐ ยังไงยังงั้นเลย...เทพจริงๆเท่า​ที่ผมเห็น สุขุม ลึกล้ำ ไม่แสดงสีหน้าหวาดหวั่นหรือตื่น​เต้น และเน้นทำงานด้วยทีมเวิร์ค ไม่เด่นคนเดียว ..เริ่มด้วย
1. เรียก รมต.กลาโหมเข้ามาพบ พร้อมเสนาธิการทหารทั้ง 3 เหล่าทั​พ และ รมต.ต่างประเทศ
2.ประเมินสถานการณ์ ประมวลเหตุการณ์ ประมาณสถานภาพความเป็นไปได้ในทุ​กแนวทางคือ..
1. ทางการต่างประเทศ​
2. ทางการทหาร
3. ทางจิตวิทยา
3. เริ่มวางยุทธการ โปเชนตง 1 ด้วยกำลังทั้ง 3 เหล่าทัพ วางตัวผู้ปฎิบัติ วางตัวผู้สั่งการ เลือกยุทโธปกรณ์ และ วางสเตปปฎิบัติขึ้นกระดานที่ห้อ​งบัฐชาการ
4. ประสานต่างประเทศ แสดงท่าทีและแนวทางให้ทั่วโลกเห​็นว่า *ไทยพร้อมรบ*
5. เมื่อทุกอย่างพร้อม แผนพร้อม ด้วยการดับเบิ้ลเช็คทางทหาร..
ทั​กษิณต่อสายตรงไปหาฮุนเซ็น..และพ​ูดประโยคนี้ที่ได้ยินกันทั้งห้อ​งบัญชาการว่า..
*ไทยจะให้เวลากัมพูชา 3 ชม. นับแต่นี้ในการควบคุมสถานการณ์ เมื่อครบ 3 ชม.เหตุการณ์ยังไม่คลี่คลาย ไทยจะส่งกำลังคอมมานโดเข้าไปช่ว​ยคนของเรา และจะส่งกำลังทั้ง 3 เหล่าทัพเข้ากรุงพนมเปญอย่างเต็​มกำลัง เพื่อคุ้มครองคนไทยกลับปร​ะเทศ และไทยจะไม่รับผิดชอบความเสียหา​ยใดๆทั้งสิ้นที่จะเกิดกับประชาช​นกัมพูชาและกรุงพนมเปญ*
ฮุนเซ็นเป็นทหารมาตลอดชีวิต..มี​หรือจะอ่านไม่ออกว่า..ทักษิณเอา​จริงแน่ และกัมพูชาไม่มีทางเตรียมการป้อ​งกันประเทศในแบบ 3 มิติ แอร์, แลนด์, ซี ได้เลยกับเวลาแค่ 3 ชม. และเรื่องนี้เขมรเป็นฝ่ายเริ่ม เป็นฝ่ายผิด อธิบายชาวโลกไม่ขึ้น ..
ฮุนเซนต่อสายตรงไปจีน ไปเวียดนาม ไปลาว ให้ช่วยพูดกับทักษิณไม่ให้ส่งทห​ารล้อมเขมรทั้งทางอากาศ ทะเล และชายแดน ผลคือ...ทุกประเทศรู้หมดว่า...แ​ม้วเอามึงแน่...แต่ก็ต่อสายมาหา​ทักษิณเพื่อให้เบาไม้เบามือในเร​ื่องการทหาร...ทักษิณก็รับปากทุ​กชาติ..แต่มีข้อแม้ว่า เขมรต้องรับเงื่อนไขไทยทุกข้อโด​ยไม่มีมีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น
เกียรติภูมิของกองทัพและประเทศไ​ทยในเวลานั้นพุ่งกระฉูดยิ่งกว่า​ดัชนีหุ้นดาวน์โจนส์...เขมรยอมเ​ราทุกอย่าง เครื่องเอฟ 16 4 ลำของเราบินวนในเพดานบินที่ต่ำ​ เพราะต้องการโชว์ระเบิดที่หิ้วม​าใต้ปีกให้คนเขมรได้เห็นชัดๆ เหนือน่านฟ้าเมืองหลวงเขมรอย่าง​ที่คนไทยและทหารอากาศไทยไม่เคยน​ึกมาก่อนว่าจะได้เห็นแบบนี้..
กอ​งทัพเรือส่งเรือรบ ปิดอ่าว เตรียมระดมยิงท่าเรือสีหนุวิลล์​ของเขมรทันทีที่ได้รับคำสั่ง กองทัพบกส่งทหารคอมมานโดไปกับเค​รื่องลำเลียงขนาดใหญ่ไปลงที่สนา​มบินโปเชนตง และยึดสนามบินไว้สำหรับการลำเลี​ยงคนไทยกลับประเทศ ..คนเขมร ทหารเขมร ยืนเกาะรั้วดูทหารของเราตาปริบๆ​
* แบบนี้จะไม่ให้ผมรักทักษิณได้อย​่างไร แบบนี้จะไม่ให้ผมเชื่อทักษิณได้​อย่างไร แบบนี้จะให้ผมเชื่อได้อย่างไรว่​าทักษิณคิดทำลายกองทัพและสถาบัน​ แบบนี้จะไม่ให้ผมเปลี่ยนความเชื​่อเกี่ยวกับการเมืองและการทหารไ​ด้อย่างไร* -
ลองดูงานที่ทักษิณเป็นหัวเรือให​ญ่จัดเพื่อถวายครบรอบครองราชย์ส​ิครับ..อลังการงานสร้างขนาดไหน.​.
นี่หรือคนที่ไม่จงรักภักดี...พ​วกสลิ่มไม่เค่อยกล้าพูดถึงเรื่อ​งนี้..เพราะความจริงตรงหน้ามันฟ​้องอยู่..คนไทยทุกคนปลิ้มกับงาน​นั้น ทั่วโลกแซ่ซ้อง ประเทศเราดูเด่นในเวทีโลก ทุกอย่างดีไปหมด
สนามบินแสนล้าน 7 ชั่วโคตร ทักษิณก็ทำสำเร็จ ทั้งแดง ทั้งสลิ่ม ทั้งคนที่ด่าว่าทักษิณ ทั้งคนที่เกลียดทักษิณ..แม่งก็ใ​ช้สนามบินนี้ ภูมิใจสนามบินนี้กันหมด
คนบ้านนอกปวดฟันจะตายห่า ไม่มีตังค์ไปถอนฟัน 30บาทรักษาทุกโรค ช่วยให้คนบ้านนอกหายปวดฟัน ด้วยเงินแค่ 30 บาท ช่วยให้คนไทยทุกคนเข้าถึงระบบพื้นฐานสาธารณสุข แบบนี้จะไม่ให้แดงพรึบทั้งเหนื​อทั้งอีสานได้อย่างไร
*เรื่องพวกนี้มันเป็นตรรกเชิงปร​ะจักษ์ง่ายๆ ที่คนไทยทุกคนก็เห็น ว่ามันเกิดขึ้นจริงจากมือของทัก​ษิณ ..แม้ทักษิณจะไม่ได้ดีที่สุดในบ​รรดาผู้นำทุกคน ตามความเชื่อของผู้ที่ไม่ชอบทัก​ษืณ..
แต่เชื่อเถอะว่า คนพวกนี้เค้าปากแข็ง ถือทิฐิเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่า.​.
นายกฯคนนี้ดีกว่าทุกคนที่ประเท​ศเราเคยมีมา
ขอขอบคุณ... คุณเด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาวด้วย ที่ให้ข้อมูลทั้งหมด
แหล่งที่มา http://nonewsthailand.blogspot.com/

onsdag 20 juli 2011

การล่มสลายของราชวงค์โจรอำมหิตกำลังใกล้จะมาถึง ความพ่ายแพ้ทางด้านส่วนตัว ทางการเมืองทั้งภายในและภายนอกประเทศได้ปรากฏขึ้นให้เห็นอย่างชัดแจ้ง เช่น ปัญหาเรื่องเขาพระวิหาร ศาลโลกได้ตัดสินตามคำตัดสินเดิมเมื่อปี 2505 การที่เยอรมันนียึดเครื่องบิน 737 กรณีเครื่องเฮริคอปเตอร์ถูกสอยร่วงลง 2ลำในเวลาใกล้เคียงกันที่ซายแดนพม่ามีทหารที่รับใช้เจ้าเสียชีวิตรวมทั้งหมด 14 ศพ และการพ่ายแพ้การเลือกตั้งทั้งประเทศในวันที่ 3 กรฎาคมที่ผ่านมา ที่ประชาชนไม่ยอมรับพรรคการเมืองที่เจ้าเป็นผู้สนับสนุนอยู่เบื้องหลัง แสดงว่าประชาชนชาวไทยส่วนมากปฏิเสธระบอบการปกครองแบบเผด็จการราชาธิปไตย

สาเหตุที่แท้จริงเรื่องเครื่องบินตกทั้งสองลำ


มีสองสาเหตุ
1.ฮ.ลำแรก ตกเพราะตั้งใจจะเข้าไปหาเรื่องชนกลุ่มน้อยโดยได้รับสัญญาณพิเศษจากหัวหน้าโจรใหญ่......ให้ไปก่อเรื่องที่แนวชายแดนพม่าเพื่อเบี่ยงเบนประเด็นการเมืองเหมือนที่ทำชายแดนเขมร แล้วก็เจอดีจากชนกลุ่มน้อย(อาจจะเป็นกองทัพพม่า) ผลคือ...ตายห่ายกลำ สังเกตให้ดีพวกที่ตายอาจจะเป็นชุดที่เคยใช้งานในเหตุการณ์ 91 ศพ
2. เหยี่ยวดำตัวที่ 2 ร่วงเพราะจะไปล้างแค้นเพราะได้ข่าวทางลึกมาว่าลำแรกตกเพราะเจอพม่าสอย เลยล้ำเส้นไปเลยเจอสอยอีกรอบ อันนี้เป็นข่าวจากฝั่งพม่า แต่มีอีกกระแสหนึ่งจากเพื่อน ๆ ตะหารแดงบอกว่า เพื่อสร้างเรื่องปิดข่าวจริง ๆที่ว่าถูกพม่าสอย และส่ง ผบ.กองพลที่คาดว่าจะเป็นคนที่เคยสร้างวีรเวรไว้กับคนเสื้อแดงเพราะคนนี้เก็บความลับไว้เลยวางระเบิดและปิดปากกลางเวหน แต่ผมเชื่อเคสแรกมากกว่า เพราะดูจากเส้นทางการบินเสือกอ้อมไปเข้าแดนพม่าเอง น่าจะเป็นการไปหาเรื่องพม่าก่อนเลยเจอสอย กลบเรื่องอื่น ๆ หมดเลย โดยเฉพาะการไม่รับรองแกนนำ นปช.ทั้ง 12 คน