fredag 22 juli 2011

อิสานแผ่นดินใหญ่เม็ดทรายสีแดง ภูมิหลังจากวัดป่าบ้านตาดของหลวงตาบัว

ภูมิหลัง ... วัดแห่งนี้มีอดีตเจ้าอาวาสผู้เพิ่งวายชนม์ชื่อเสียงโด่งดัง ทุกคนรู้จักเลื่อมใส พูดคำไหนผู้คนที่นับถือเฮโลตาม ว่ากันว่ามีสานุศิษย์หลายล้านคน
เมื่อก่อนโปรดปรานท่านทักษิณมาก ตอนหลังมีจอมมาร (ใหญ่ยักษ์ที่สุด) ส่งทั้งลูก ส่งทั้งหลาน ส่งทั้งลูกน้อง (รวมทั้งคนรอบข้างที่มากด้วยตัณหา)
มาเป่าหูซ้ำแล้วซ้ำเล่า เลยคล้อยตาม เปลี่ยนมาอัดท่านทักษิณเสียป่นปี้ ผู้ที่เอาใจช่วยท่านทักษิณก็ตกใจว่าสานุศิษย์หลายล้านคนคงเฮโลตามด้วย
แต่ช้าก่อน .. จะลำดับเรื่องราวให้ฟัง
จริงอยู่สานุศิษย์เลื่อมใสศรัทธาท่านเจ้าอาวาสสุดหัวใจ แต่ท่านทักษิณก็มีบุญคุณให้พวกเขารู้คุณค่าและกอบกู้ศักดิ์ศรีของความเป็นคน ช่วยเหลือพวกเขาสารพัด
โครงการต่าง ๆ ที่ทุ่มเทให้พวกเขาลืมตาอ้าปาก พวกเขารู้ดีว่าไม่ได้มาจากท่านเจ้าอาวาส แต่เพราะท่านทักษินและรัฐบาลไทยรักไทยต่างหาก
เรียกกันว่าถ้าแบ่งระหว่างเหลืองกับแดงแล้ว ครึ่งต่อครึ่งเชียวล่ะ พี่น้องเอ๋ย เพียงแต่ว่า พวกเหลืองนี่ ล้วนแต่ร่ำรวย มีการศึกษาดี (แต่โง่) และเอาหน้าเอาตาเก่ง
พวกนี้จะเสียงดัง โหวกเหวกโวยวายไม่เกรงใจใคร พูดเก่ง ปั่นหัวเก่ง ตอแหลเป็นเลิศ เหตุผลไม่ต้องพูดถึง กูเชื่ออย่างนี้ กูจะเอาอย่างนี้ ต้องเอาตามกูอย่างเดียว
พวกแดงก็สงบเสงี่ยมเจียมตัว ด้วยตัวเองฐานะไม่สู้ดี การศึกษาไม่สูง เสียงไม่ดัง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อถือ มองหน้ากันเลิ่กลัก
แอบ ๆ ซ่อน ๆ หวานอมขมกลืน เพราะยังเลื่อมใสศรัทธาในท่านเจ้าอาวาสอย่างเหลือประมาณ
แต่แดงก็ยังคงเป็นแดงวันยังค่ำ ลองดูเรื่องราวต่อไปนี้ก็แล้วกัน
1. ช่วงแดงชุมนุมใหญ่ 2553 พวกนี้ก็รวมตัวกันมาร่วมชุมนุมด้วย แถมยังบริจาควัตถุปัจจัยสนับสนุนแดงอุดรฯ และเวทีชุมนุมสม่ำเสมอ
แต่เผอิญ คุณขวัญชัย ดันประกาศบนเวทีว่า ได้รับการสนับสนุนจากวัดนี้ พร้อมทั้งได้รับบริจาคเท่านี้เท่านั้น หลายครั้ง
ความจึงเข้าหูบรรดาเหลืองผู้มีจิตริษยาอาฆาต เลยรวมตัวกันสืบเสาะค้นหา จนรู้ว่าใครเป็นผู้นำ แล้วขับไล่ออกไปจากวัด
โดยเจ้าอาวาสหารู้เรื่องใด ๆ ไม่ อย่าให้บอกเลยว่าพวกนี้มีอิทธิพลยิ่งใหญ่ขนาดไหน และกอบโกยกันไปเท่าไหร่
2. ช่วงนั้น พี่น้องหลายคนอาจเคยได้อ่านหนังสือ "เม็ดทรายผืนเดียวกัน" หนังสือพ็อคเก็ตบุ๊ค 16 หน้ายกพิเศษ หนาแค่ 32 หน้า จำนวนพิมพ์ถึง 50,000 เล่ม
ตัดเอาคำพูดชื่นชมท่านทักษิณโดยเจ้าอาวาสผู้นี้ มาตีพิมพ์ พร้อมบทความแทรกต่าง ๆ ช่วงท้ายจะคัดเอามาให้อ่านเล็กน้อย
นี่ก็เป็นความพยายามของเหล่าแดงแห่งวัดนี้ ที่รวบรวมปัจจัยเพื่อตีพิมพ์หนังสือออกมาทัดทานกับกระแสอำมาตย์ ใช้เงินกว่า 2 แสนเชียวนา
3. ผลการเลือกตั้ง 2544 และ 2548 แน่นอนกระแสเจ้าอาวาสสนับสนุนท่านทักษิณ ทำให้ชนะการเลือกตั้งเป็นส่วนใหญ่ แต่ปี 2550 และ 2554
ไหนบอกว่าท่านเจ้าอาวาสต่อต้าน และบรรดาสานุศิษย์เห็นพ้องต้องกัน ทำไมพรรคพลังประชาชน พรรคเพื่อไทย นอนมาทุกเขตทั้งจังหวัด
ไหนบอกว่ามีสานุศิษย์ทุกหัวระแหง มีพลังมวลชนยิ่งใหญ่ไพศาล ซึ่งก็จริง แต่เมื่อถึงเวลาประชาชนต้องเลือก ...
พวกเขาไม่โง่เหมือนเหลืองจ๋า ผู้เสียงดัง ร่ำรวย และมีการศึกษาสูง ....
นี่เป็นเรื่องที่พวกเหลืองจ๋าแห่งวัดนี้ เจ็บจึ๊ก .. เหมือนโดยหอกปักเข้ากลางใจ
4. เรื่องอื่น ๆ ที่มีผู้โพสต์เกี่ยวกับท่านเจ้าอาวาสมานั้น จริงบ้างไม่จริงบ้าง ไม่อยากก้าวล่วงเพราะยังต้องถนอมน้ำใจผู้เลื่อมใสศรัทธาด้วยหัวใจบริสุทธิ์
แต่เรื่องของคุณหมอ ... ความจริงที่ได้เห็นกับสองตาโดยบังเอิญ คือ
วันนั้น คุณหมอกระเซอะกระเซิงมาจากไหนไม่รู้ เหมือนหนีใคร หรืออะไรมา สารรูปดูไม่ได้ เข้ามาในวัดเพื่อมุ่งมั่นจะพบท่านเจ้าอาวาส
แต่คงไม่มีวาสนา เพราะวันนั้นก้าวไปตามถนนยังไม่ถึงแม้ศาลา ก็มีรถตู้ตามมาพร้อมกับชายฉกรรจ์หลายคน ล็อคตัวขึ้นรถตู้นั้น
ก่อนออกไปยังกวาดสายตาเบื้องหลังแว่นดำ ตวาดถามบรรดาผู้คนที่ยังหลงเหลืออยู่แถวนั้น 5-6 คนว่า "เมื่อกี๊ เห็นอะไรมั้ย"
แต่ละคนก้มหัวส่ายหน้าตอบว่า ไม่เห็น ไม่รู้ มีอะไรเหรอ .... แล้วรถตู้คันนั้นก็จากไป
เรื่องจริงมีแค่นั้นแหละ ส่วนจะโจษขานกันต่อไปอย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับคุณหมอท่านนี้ ไม่อาจรู้ได้ ไม่ขอมั่ว เพราะต้องการความจริงเท่านั้น
ที่จริงแล้ว เราจะไปยุ่งอะไรด้วย แม้แต่ภรรยา หรือครอบครัวของเขา ไม่เห็นจะมาชี้แจงแถลงข่าวอะไร พ่อแม่พี่น้องก็ไม่เอะอะโวยวาย
ก็เรื่องเขา ชีวิตเขา ช่างหัวเขาสิ .... เห็นมีแต่ภรรยาออกมาลอยหน้าลอยตาพูดจาอะไรทางทีวีบ่อย ๆ ก็ไม่รู้ ไม่เคยฟัง ไม่เคยสนใจ
ผมบอยคอตตระกูลนี้มานานหลายปีแล้ว ที่บ้านใครเผลอเปิดทีวีมีภาพหรือเรื่องราวของคนในตระกูลนี้ต้องรีบเปลี่ยนช่อง หรือปิดไปเลย .. ไม่งั้นมีเรื่อง
5. อยากสรุปเป็นกำลังใจให้พี่น้องผองเพื่อนว่า จงมีกำลังใจเถอะ
ในทุกหน่วยงาน ทุกองค์กร ทุกสังคม ยังมีผู้คนที่เข้าใจ เห็นใจ และสนใจ
พร้อมที่จะเป็นกำลังใจและร่วมต่อสู้กับพวกเราเสมอ
เพราะในที่สุดความจริงจะปรากฏ และจะล้างอธรรมให้สิ้นไป
โฉมหน้าเทพเทวาจะถูกกระชากหน้ากากออกมาให้เห็นจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ ผู้อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ต่าง ๆ
เป็นกำลังใจให้กันและกัน หนักนิดเบาหน่อยก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันนะ
อย่าเพิ่งวู่วาม ไว้ใจกันให้มาก มองแต่ความดีของเพื่อน ๆ เอาไว้ก่อน
6. สุดท้ายแล้ว บอกเล่ามาได้นะว่า เบื่อกระทู้แบบนี้หรือยัง
ตั้งใจบอกเล่าเรื่องราวที่ได้รับรู้และมีประโยชน์บ้าง เพื่อเป็นกำลังใจ
มีเรื่องราวอีกเยอะ ถ้ายังพอฟังได้จะทะยอยเล่าให้ฟัง
รวมทั้งเปิดโฉมหน้าจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ทีละคน แบบปก ๆ ปิด ๆ วับ ๆ แวม ๆ นะ
ขอปิดด้วย บทความจากหนังสือเม็ดทรายผืนเดียวกัน
ซึ่งหนึ่งในแดงผู้ด้อยการศึกษาแห่งวัดนั้น เขียนมาจากใจ
"ใคร ? ? ? ?
ยอมให้เพลิงไฟเผาไหม้แผ่นดิน
ยามบุญส่ง สิ่งประสงค์ ย่อมอำนวย
ยามหมดบุญ หนุนช่วย ย่อมยับเยิน
พญาช้างสารใหญ่ ถ้าไม่ยืนบนผืนทราย จะทรงกายอยู่ได้อย่างไร
พวกเราชาวเม็ดทราย อีสาน เหนือ กลาง ใต้ ออก ตก
ที่เป็นคนจน คนรากหญ้าหน้าดำ
แต่ใจไม่ต่ำพอ จะเข่นฆ่าประชาชน เยี่ยงสัตว์
พวกเราจำยอมต่ออำนาจมืด ความยิ่งใหญ่ ที่ไร้เมตตา
ศพลูกหลานไทย กี่หมื่นศพแล้ว ที่สังเวย ใช้กรรม กรรมมีต้องชดใช้
ฆ่าเม็ดทราย ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่หมด ผืนทรายใหญ่ ซึมซับไว้
ทั้งเลือดและน้ำตา เลือดทุกหยด อาบ รด เม็ดทราย
มันช่วยสร้างพลังในใจให้ยิ่งใหญ่ ไขว่คว้าหาทางเดิน
อันความมืด ปกปิดไว้ ไม่ตลอด ผู้สุดยอด ย่อมหยั่งรู้ ทุกแห่งหน
อันความทุกข์ ในหัวใจ คนยากจน ไม่สุดทน ไม่ร้องขอ ต่อใครใคร
สิ่งที่ได้แทนหัวใจอันหมองไหม้ ทุกข์คือ กระดูกของผองเพื่อน เตือนญาติมิตร
จะเข่นฆ่าเท่าไหร่เพื่อให้ท้อ กับคำขอเสรีภาพของพวกเราชาวเม็ดทราย
รวมกันไว้ เป็นเม็ดทราย ผืนเดียวกัน ไม่กระจายแยกแตกเป็นผุยผง
รวมกันไว้ รวมใจเป็นพลัง สีทรายดั่งสีเลือดที่หยดริน
"ดินผืนใหญ่ เม็ดทรายสีแดง"

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar