söndag 11 mars 2012

วรเจตน์" ผนึก "ครก.112-ม.เที่ยงคืน" เดินหน้าแก้ "ม.112" ชูธงร่างรธน.ใหม่ลงโทษพวกทำรัฐประหาร

"วรเจตน์" ผนึก "ครก.112-ม.เที่ยงคืน" เดินหน้าแก้ "ม.112"
ชูธงร่างรธน.ใหม่ลงโทษพวกทำรัฐประหาร


 
เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2555 ที่คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
 

นายวรเจตน์  ภาคีรัตน์ อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และนักวิชาการคณะนิติราษฎร์
นายสมชาย  ปรีชาศิลปกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน
นางพวงทอง  ภวัครพันธุ์  อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
และครก.112 ร่วมเสวนา
เรื่อง "กฎหมายรัฐธรรมนูญกับประชาธิปไตยไทย"
มีนักศึกษา ประชาชน เสื้อแดงเข้าร่วมกว่า 500 คน พร้อมเปิดลงชื่อ
เพื่อเสนอแก้กฏหมายอาญามาตรา 112 มีผู้ร่วมลงชื่อกว่า 100 คน
นายสมชาย ปรีชาศิลปกุล กล่าวว่า
ประชาธิปไตยเป็นการต่อสู้แนวคิด การรับรู้ และปฏิบัติการทางสังคม
การเป็นรัฐธรรมนูญ ต้องมีจุดเชื่อมโยงประชาชน
ซึ่งรัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นฉบับกึ่งรัฐสภากึ่งอำมาตยาธิปไตยแบบเข้ม
ที่ให้องค์กรอิสระ และระบบราชการ เข้ามากำกับการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง
ซึ่งการทำรัฐประหารไม่ใช่คำตอบแก้ความขัดแย้งการเมืองไทย
เพราะการต่อสู้ เป็นการสร้างระเบียบการเมือง และนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง

 "ข้อเสนอคณะนิติราษฎร์ ที่ให้แก้กฏหมาย ม.112
กระทบจารีตประเพณีรัฐประหาร จึงถูกตอบโต้จากทหารและกลุ่มคนชั้นนำ
ที่ต้องการรักษาอำนาจไว้
ทำให้ข้อเสนอดังกล่าวเดินต่อไม่ได้เนื่องจากผู้คนคุ้นเคยรูปแบบปกครองแบบเดิม
ต้องอาศัยการเปลี่ยนแปลงแนวคิดการรับรู้และปฏิบัติการทางสังคม
ผลักดันให้มีการสร้างประชาธิปไตยเต็มรูปแบบ ไม่ซ้อนรูปเผด็จการ
ซึ่งการเปลี่ยนแปลงต้องใช้เวลา และไม่มีสงครามครั้งสุดท้าย
ต้องสร้างรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีอำนาจ"
นายสมชายกล่าว
นางพวงทอง ภวัครพันธุ์ กล่าวว่า ขอมองมิติกฎหมายกับความยุติธรรม
จะเห็นได้ชัดว่า ม.112 เป็นกฎหมายที่ไม่ได้ถูกใช้เท่าเทียมกัน
ขัดกับหลักประชาธิปไตยที่ต้องการให้เกิดความเสมอภาคและเท่าเทียม
การออกมาคัดค้านหรือตอบโต้ทำให้ประชาชนตาสว่าง
เรียนรู้กระบวนการประชาธิปไตย และตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว
ดังนั้นคณะนิติราษฎร์ จึงล่ารายชื่อประชาชน 10,000 คน เพื่อเสนอแก้กฏหมายดังกล่าว
และสังเกตเห็นได้ว่าประชาชนตื่นตัวและรับรู้ข้อมูลข่าวสาร
และสนับสนุนแนวทางคณะนิติราษฏร์
แม้รัฐบาล หรือพรรคเพื่อไทย จะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องก็ตาม
แต่มีประชาชนภาคเหนือ อีสาน และภาคใต้ตอนบนร่วมลงชื่อจำนวนมาก
"การที่พรรคเพื่อไทยปฏิเสธแก้ ม.112
ทำให้เสื้อแดงเป็นอิสระ เคลื่อนไหวการเมืองได้มากขึ้น
เป็นปรากฏการณ์น่าตื่นเต้น
ที่เสื้อแดงเป็นตัวของตัวเองสูง ไม่สังกัดการเมืองใด
ที่สำคัญรู้ถึงความต้องการของตนเอง
และกำลังก้าวข้ามความกลัว ไม่ปล่อยให้กฎหมาย ม.112 เป็นเครื่องมือการเมือง
แต่แปลกใจที่ไม่มีการตอบสนองจากชนชั้นสูง
เพราะไม่อยากรับฟัง
แต่ประชาชนต้องการเปลี่ยนแปลง โดยใช้สำนึกสร้างความยุติธรรม
เพื่อบันทึกประวัติศาสตร์"
นางพวงทอง กล่าว
นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดประเทศ
แต่ถามว่าใครเป็นรัฏฐาธิปัตย์ที่กุมอำนาจสูงสุด
ซึ่งมันควรเป็นของปวงชนชาวไทย
ซึ่งทุกคนมีโอกาสสัมผัสและเข้าถึงความเสมอภาค เทียมเท่ากัน
ดังนั้นข้อเสนอคณะนิติราษฎร์ จึงถูกต่อต้าน
เพราะรากฐานความคิดแตกต่างกัน แต่ไม่ใช่เรื่องประหลาด
เพราะผู้คนคุ้นเคยกับระบบเดิมมายาวนาน
ต้องผลักดันประชาธิปไตยเพื่อขับเคลื่อนแนวคิดดังกล่าวให้สังคมได้ขบคิด
ถ้าความคุ้นชินถูกทำลายประชาธิปไตยก็จะเดินหน้าไปได้เร็ว
"คณะนิติราษฏร์เสนอให้มีการลบล้างผลพวงรัฐประหารทั้งหมด
ซึ่งต้องอาศัยแรงผลักดันทางการเมือง และให้ประชาชนลงประชามติ
ถ้าเสียงส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยก็จบไป
ดังนั้นการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ควรมีหมวดว่าด้วยการทำรัฐประหาร
เพื่อชิงอำนาจมาจากประชาชน
โดยให้ดำเนินคดีและมีบทลงโทษผู้กระทำผิด
ทั้งนี้เพื่อเปลี่ยนแปลงจารีตประเพณีรัฐประหาร ความคุ้นเคยแบบเดิม
และการผูกขาดอำนาจ ไม่ใช่เป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ เช่นทุกวันนี้"
นายวรเจตน์กล่าว

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar