lördag 3 mars 2012

อำนาจของไฟแห่งอุดมการณ์ ที่ได้จุดติดขึ้นในใจของมวลมหาประชาชนผู้รักความยุติธรรม คืออาวุธสำคัญที่จะนำไปสู่ชัยชนะในการต่อสู้กับระบอบเผด็จการของกษัตริย์ภูมิพลและอำนาจของเทพเทวาองค์ไหนก็ไม่สามารถจะมาหยุดยั้งไฟแห่งอุดมการณ์ของมวลมหาประชาชนได้อีกแล้ว

เห็นรูปเก่า ๆ เห็นภาพเก่า ๆ ของการต่อสู้ อะไรหนอที่ทำให้เราอึด และเดินมาจนถึงวันนี้


ชุดนี้ก็แถวๆพฤศจิกา49 วันเสาร์ก็มีนัดที่สนามหลวงกัน
แดดร่มลมตกเราก็มารวมกัน ฟังบ้างไม่ฟังบ้าง จับกลุ่มด่ากันไป

ผู้กล้าในช่วงแรกๆ


เอาชุดนี้ดีกว่า น่าจะเป็นการเดินครั้งแรกจากสนามหลวงไปอนุเสารีย์ประชาธิปไตย ช่วงค่ำๆ
ใครที่เคยพูดคุยสนทนากันทั้งในพันทิป ประชาไท มาประชาทอล์ค ก็เหมือนคนที่เดินมาด้วยกัน
แล้วจะแยกจากกันไปไหนเสียล่ะครับ ยังเดินไม่ถึงเลย



มีโอกาส ได้เห็นภาพ การต่อสู้เก่า ๆ เมื่อคืนนี้ ในยุคที่ยังไม่มี คนเสื้อแดง
มันอดย้อนไปถึงอดีตไม่ได้ พวกเราต่อสู้กันได้อย่างยาวนานขนาดนี้เชียวหรือ
จาก 19 กันยายน 2549....
ไม่นึกฝันว่า...เราจะผ่านอะไรมาได้กันขนาดนี้
จากมีคนสิบกว่าคน ที่มีแกนนำอย่างนายวรัญชัย โชคชนะ กับเก้าอี้พลาสติก 1 ตัว ตะเกียงน้ำมันก๊าด 1 ดวง....หลังจากยึดอำนาจได้ 1 อาทิตย์
ผ่านร้อนหนาว ผ่านแดดฝน ผ่านความทุกข์ยาก ได้เจอกับกลุ่มพิราบขาว 24 มิถุนา ฯลฯ
ไปสู่การออกมาจากโลกไซเบอร์ มายืนกันตามท้องถนน กับ คนวันเสาร์ ไม่เอาเผด็จการ
ผันมาเป็น นกป. และกลายเป็นทะเลแดง นปช. ในที่สุด
ยังจำความรู้สึกร่วมของพี่น้องร่วมชาติ กับการไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับโจรเขียน กันได้อยู่ไหม
ผ่านมาวันนี้
หลาย ๆ ท่าน ยังทุ่มเทการต่อสู้ ทั้งในโลกไซเบอร์ และโลกแห่งความเป็นจริง อย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อย หลายท่านสู้จนจบชีวิตลงไปก็มี
เราร้องไห้ หัวเราะ ทุกข์ เครียด โกรธแค้น เจ็บใจ ร่วมกันมาเป็นระยะเวลาอันยาวนาน
นานเสียจนไม่น่าเชื่อว่า เสรีชนจะอึดกันถึงขนาดนี้
วิธีการยึดอำนาจ ยามข้าไม่ชอบหน้าเอ็ง ที่เผด็จการใช้มาทุกยุค แล้วประชาชนยอมรับกลาย ๆ ดูเหมือนว่าจะใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว กับการยึดอำนาจแบบหน้าด้าน ๆ ในครั้งนี้
จนมีการพูดกันออกมาว่า ยึดอำนาจไม่ยาก แต่จะอยู่บนบัลลังก์อำนาจต่อไปนี่สิ มันแทบไม่มีรูให้เสวยสุขอีกต่อไป
เพราะประชาชนจำนวนมากพร้อมใจกันลุกขึ้นมาบอกปฏิเสธ กับระบบความคิดแบบเก่า ๆ ที่ไม่เคยสร้างคุณความดีให้กับประเทศชาตินี้เลย
วันนี้ แม้นจะยังเหลือลูกหลานไดโนเสาร์บางส่วน ยังโหยหาการยึดอำนาจ การล้มรัฐบาลจากประชาชน เพียงแค่กูอยากชนะพวกเมิง ยังมีอยู่
แต่ก็ไม่ได้มีมากพอ ที่จะนำพาให้คนทั้งประเทศนี้ พยักหน้าให้ช่วยกันหมุนประเทศนี้ ทวนเข็มนาฬิกา ไปสู่ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์
ยิ่งโดนกระชากหน้ากากคุณธรรม ยิ่งโดนประชาชนชน จับแก้ผ้ากลางถนน ก็ดูเสมือนว่า ไพ่ในมือมันหมดแล้ว
ผมเชื่อว่า การต่อสู้เหล่านี้ มันเป็นสัญชาติญาณ ของมนุษย์ในประเทศนี้ไปแล้ว
ทักษิณ ไม่ได้สร้างคนเสื้อแดง ทักษิณไม่ได้เป็นเจ้าของคนเสื้อแดง
ทักษิณแค่เป็นคนปลุก ให้ประชาชนในประเทศนี้ รู้จักหวงแหนสิทธิและเสรีภาพของพวกเขาต่างหาก
ประชาชนเหล่านี้ ปะปนอยู่ในสังคมไทยทั่วทุกอณู อยู่ที่ว่า เขาจะลุกขึ้นมาต่อสู้ ชนิดกัดไม่ปล่อย เมื่อไหร่ ต่างหาก
นั่นคือเงาเสรีชน ที่พวกมันกลัวมาก ชนิดจับขั้วหัวใจ
ไฟแห่งอุดมการณ์จุดติดในใจของประชาชนนานแล้ว
ผมอดนึกย้อนหลังไปถึง วันที่คนกลุ่มเล็ก ๆ ยืนกล้าท้า เผด็จการ ปราศรัยโจมตีการยึดอำนาจ กลางสนามหลวง ขณะที่บ้านเมืองอยู่ในสภาวะ กฏโจร (ห้ามชุมนุมทางการเมือง) ไม่ได้
อะไร...นำพาให้เรามาร่วมต่อสู้กันขนาดนี้
อะไร ...ทำให้พวกเรา อึด และฮึดขนาดนี้
อะไร คือความมุ่งมั่น .....ไม่ยอมแพ้ แม้จะเจ็บ ตาย เสียเลือด และน้ำตา ถึงสองครั้งได้ขนาดนี้
จนทำให้พวกมันถอยกรูด....ๆ ไปจนแทบจะไม่มีที่ยืน
อะไร ?
วันนี้ ทำเป็นหวงแหน สมบัติชิ้นสุดท้าย ที่ กลุ่มทรราชย์ มันโยงเอาไว้ให้
ถามจริง ๆ ประสบการณ์กว่า 5 -6 ปีเนี่ย
พวกเอ็งยังไม่รู้จัก อำนาจของประชาชน อยู่อีกหรือ ?

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar