แนว คิดผู้ตรวจการแผ่นดิน (Ombudsman) มีกำเนิดมาจากประเทศแถบสแกนดิเนเวียซึ่งปกครองด้วยระบอบกษัตริย์ โดยมีจุดมุ่งหมายให้ผู้ตรวจการแผ่นดินทำหน้าที่ดูแลปัดเป่าเรื่องร้องทุกข์ ของประชาชนแทนพระมหากษัตริย์ ต่อมาได้มีการพัฒนามาสู่ระบอบประชาธิปไตยในระบบรัฐสภา อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (หมายเหตุ เพื่อผู้อ่านจะได้ไม่เข้าใจผิด ขอชี้แจงข้อมูลเพิ่มสำหรับประเด็น... 1, ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขนั้นไม่มีหรอกครับ นั่นเขาเรียกว่าระบอบเผด็จการกษัตริย์ ระบอบประชาธิปไตยคือระบอบที่อำนาจสูงสุดมาจากปวงชน และปวงชนเป็นผู้ใชั ไม่ใช่กษัตริย์เป็นผู้ใช้ เหมือนที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญของไทย... 2, คำว่า Ombudsman ในประเทศสวีเดน ไม่ได้หมายถึงผู้ตรวจการแผ่นดิน แต่เป็นเจ้าหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของพวกเจ้าหน้าที่ของรัฐแทนประชาชน แต่งตั้งโดยรัฐสภา ผู้ตรวจการแผ่นดินเรียกว่า ( Riksrevision ) มีหน้าที่ตรวจสอบบัญชีของชาติ ของรัฐบาล แต่ไม่มีอำนาจอย่างอื่นจะมาก้าวก่ายหน้าที่ของรัฐบาล Riksrevision นี้ แต่งตั้งโดยรัฐสภา และรัสภาในประเทสสแกนดิเนเวีย เลือกตั้งโดยตรงมาจากประชาชน ไม่มีระบบวุฒิสภา ที่แต่งตั้งเหมือนเมืองไทย คือมีสภาเดียว ผู้เรียบเรียง )
สำหรับประเทศไทย ผู้ตรวจการแผ่นดินมีขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2542 โดยใช้ชื่อว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
ต่อมารัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้มีผู้ตรวจการแผ่นดินจำนวน 3 ท่าน โดยให้ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ (24 สิงหาคม 2550) ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน
ผู้ตรวจการแผ่นดินชุดปัจจุบันมี คุณผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นประธาน ได้รับเรื่องร้องเรียนให้พิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีกระทำการไม่เป็นไปตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 ของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้เปิดแถลงภายหลังการประชุมโดยมีใจความสรุปว่า การแต่งตั้ง ดร.นลินี ทวีสิน และ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรีไม่ขัดกฎหมาย แต่ขัดจริยธรรม โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.การ แต่งตั้ง ดร.นลินีดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของ ประชาชนและอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของชาติหรือไม่ โดยให้นำระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 ข้อ 9 ข้อ 10 และข้อ 27 มาพิจารณา
2.การ แต่งตั้งคุณณัฐวุฒิดำรงตำแหน่งโดยที่คุณณัฐวุฒิอยู่ในระหว่างถูกฟ้องเป็น จำเลยคดีอาญา แต่นายกฯไม่ได้นำพฤติกรรมทางจริยธรรมของคุณณัฐวุฒิมาประกอบการพิจารณาอย่าง รอบคอบก่อนเสนอแต่งตั้ง
หากจะ เปรียบเทียบเรื่องนี้กับสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแล้วจะเห็นว่าแตก ต่างกันราวฟ้ากับดิน ในสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลไม่เคยมีการนำประมวลจริยธรรมของข้าราชการ การเมืองมาใช้กับพรรคประชาธิปัตย์เลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำเช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยทำในขณะนี้ แถมบางเรื่องเห็นได้ชัดเจนว่าไร้ซึ่งจริยธรรมและมนุษยธรรม ดังจะขอยกตัวอย่างมาเทียบเคียงเป็นรายกรณี ดังนี้
1.การแต่งตั้ง คุณกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งๆ ที่คุณกษิตนำพรรคพวกไปบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ อย่างนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าพฤติกรรมของคุณกษิตก่อให้เกิดความน่าเชื่อ ถือศรัทธาของประชาชน และไม่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของชาติตามประมวลจริยธรรมข้อ 27 กระนั้นหรือ
อีกทั้ง การบุกยึดสนามบินของคุณกษิตและพรรคพวกแสดงว่าเป็นการเคารพสิทธิเสรีภาพส่วน บุคคลของผู้อื่นกระนั้นหรือ ถ้าใช่ต่อไปหากใครคิดจะประท้วงเรื่องใดก็ให้ไปยึดสนามบินเพราะไม่ผิดทั้ง กฎหมาย และจริยธรรม
นอกจาก นี้ การที่คุณกษิตออกมาด่านายกฯฮุน เซน ว่าเป็นกุ๊ย ก็ไม่ถือว่าเป็นการแสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพตามประมวลจริยธรรมข้อ 11 กระนั้นหรือ
2.กรณี รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ปล่อยให้มีการฆ่าหมู่ประชาชนกลางเมืองหลวง กลางวันแสกๆ โดยยังไม่สามารถหาตัวผู้สั่งการและตัวผู้ลงมือสังหารหมู่ประชาชน โดยคุณอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบอะไรให้เห็นเลยแม้แต่น้อย อย่างนี้แสดงว่าคุณอภิสิทธิ์สูงส่งไปด้วยคุณธรรม จริยธรรมใช่ไหม เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นองค์กรใดออกมาร้องหาจริยธรรมจากคุณอภิสิทธิ์
เช่น เดียวกัน ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ไม่เห็นทำอะไรเลย ซึ่งผิดกับกรณีนายกฯยิ่งลักษณ์ ที่ผู้ตรวจการดูจะกุลีกุจอเรื่องนี้เป็นพิเศษ รีบพิจารณาและเสนอให้นายกฯรับไปพิจารณาตรวจสอบพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคล ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีใหม่ และให้แจ้งกลับมายังผู้ตรวจการแผ่นดินภายใน 30 วัน
จริงๆ แล้วคนที่จะมาทำหน้าที่ตรวจสอบจริยธรรมผู้อื่นควรจะต้องเป็นผู้ที่เพียบ พร้อมไปด้วยจริยธรรม ปราศจากซึ่งอคติ และมีมาตรฐานเดียวในการพิจารณาไม่ใช่หรือ
แต่ผู้ ตรวจการแผ่นดินชุดที่มีคุณผาณิตเป็นประธานไม่แน่ว่าจะมีคุณสมบัติดังกล่าว ครบถ้วนหรือไม่ ทั้งนี้ อาจดูได้จากการแต่งตั้งที่ปรึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 ท่าน ที่ล้วนแต่ประกอบด้วยบุคคลที่มีส่วนในการร่วมร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นผลผลิต ของเผด็จการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
หรือไม่ ก็เป็นกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลประโยชน์จากการรัฐประหารในครั้งนี้เกือบทั้ง สิ้น นอกจากนี้ ที่ปรึกษาดังกล่าวยังประกอบไปด้วยกลุ่มบุคคลที่เกลียดทักษิณเป็นชีวิตจิตใจ อีกจำนวนหนึ่ง แล้วอย่างนี้ยังจะพูดได้เต็มปากอีกหรือไม่ว่าผู้ตรวจการแผ่นดินชุดนี้ ปราศจากซึ่งอคติ และเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม
ดังนั้น จึงอยากจะขอฝากเตือนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินว่าอย่าบ้าจี้ไปตามแรงกดดันของ กลุ่มผู้มากบารมีเลย ไม่เช่นนั้นการแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้ นอกจากจะต้องยุบเลิกองค์กรศาลบางประเภท เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และองค์กรอิสระที่ไม่อิสระสมชื่อ เช่น กกต. และ ป.ป.ช.แล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินก็อาจเป็นอีกองค์กรหนึ่งที่สมควรต้องถูกยกเลิกเช่นกัน
ตอนนี้จึงอยากจะเรียกหาจริยธรรมของผู้ตรวจการแผ่นดินก่อนที่ท่านจะทำหน้าที่ตรวจสอบจริยธรรมของผู้อื่น
สำหรับประเทศไทย ผู้ตรวจการแผ่นดินมีขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ.2542 โดยใช้ชื่อว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา
ต่อมารัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 กำหนดให้มีผู้ตรวจการแผ่นดินจำนวน 3 ท่าน โดยให้ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ซึ่งดำรงตำแหน่งอยู่ในวันที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ (24 สิงหาคม 2550) ดำรงตำแหน่งเป็นผู้ตรวจการแผ่นดิน
ผู้ตรวจการแผ่นดินชุดปัจจุบันมี คุณผาณิต นิติทัณฑ์ประภาศ เป็นประธาน ได้รับเรื่องร้องเรียนให้พิจารณาสอบสวนข้อเท็จจริง กรณีกระทำการไม่เป็นไปตามประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 ของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้เปิดแถลงภายหลังการประชุมโดยมีใจความสรุปว่า การแต่งตั้ง ดร.นลินี ทวีสิน และ คุณณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นรัฐมนตรีไม่ขัดกฎหมาย แต่ขัดจริยธรรม โดยมีรายละเอียดดังนี้
1.การ แต่งตั้ง ดร.นลินีดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีอาจก่อให้เกิดความไม่เป็นที่เชื่อถือศรัทธาของ ประชาชนและอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของชาติหรือไม่ โดยให้นำระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยประมวลจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2551 ข้อ 9 ข้อ 10 และข้อ 27 มาพิจารณา
2.การ แต่งตั้งคุณณัฐวุฒิดำรงตำแหน่งโดยที่คุณณัฐวุฒิอยู่ในระหว่างถูกฟ้องเป็น จำเลยคดีอาญา แต่นายกฯไม่ได้นำพฤติกรรมทางจริยธรรมของคุณณัฐวุฒิมาประกอบการพิจารณาอย่าง รอบคอบก่อนเสนอแต่งตั้ง
หากจะ เปรียบเทียบเรื่องนี้กับสมัยที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลแล้วจะเห็นว่าแตก ต่างกันราวฟ้ากับดิน ในสมัยพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาลไม่เคยมีการนำประมวลจริยธรรมของข้าราชการ การเมืองมาใช้กับพรรคประชาธิปัตย์เลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์ก็ทำเช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยทำในขณะนี้ แถมบางเรื่องเห็นได้ชัดเจนว่าไร้ซึ่งจริยธรรมและมนุษยธรรม ดังจะขอยกตัวอย่างมาเทียบเคียงเป็นรายกรณี ดังนี้
1.การแต่งตั้ง คุณกษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ทั้งๆ ที่คุณกษิตนำพรรคพวกไปบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิ อย่างนี้ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าพฤติกรรมของคุณกษิตก่อให้เกิดความน่าเชื่อ ถือศรัทธาของประชาชน และไม่ก่อให้เกิดความเสื่อมเสียต่อเกียรติภูมิของชาติตามประมวลจริยธรรมข้อ 27 กระนั้นหรือ
อีกทั้ง การบุกยึดสนามบินของคุณกษิตและพรรคพวกแสดงว่าเป็นการเคารพสิทธิเสรีภาพส่วน บุคคลของผู้อื่นกระนั้นหรือ ถ้าใช่ต่อไปหากใครคิดจะประท้วงเรื่องใดก็ให้ไปยึดสนามบินเพราะไม่ผิดทั้ง กฎหมาย และจริยธรรม
นอกจาก นี้ การที่คุณกษิตออกมาด่านายกฯฮุน เซน ว่าเป็นกุ๊ย ก็ไม่ถือว่าเป็นการแสดงกิริยาหรือใช้วาจาอันไม่สุภาพตามประมวลจริยธรรมข้อ 11 กระนั้นหรือ
2.กรณี รัฐบาลคุณอภิสิทธิ์ปล่อยให้มีการฆ่าหมู่ประชาชนกลางเมืองหลวง กลางวันแสกๆ โดยยังไม่สามารถหาตัวผู้สั่งการและตัวผู้ลงมือสังหารหมู่ประชาชน โดยคุณอภิสิทธิ์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบอะไรให้เห็นเลยแม้แต่น้อย อย่างนี้แสดงว่าคุณอภิสิทธิ์สูงส่งไปด้วยคุณธรรม จริยธรรมใช่ไหม เพราะที่ผ่านมายังไม่เคยเห็นองค์กรใดออกมาร้องหาจริยธรรมจากคุณอภิสิทธิ์
เช่น เดียวกัน ผู้ตรวจการแผ่นดินก็ไม่เห็นทำอะไรเลย ซึ่งผิดกับกรณีนายกฯยิ่งลักษณ์ ที่ผู้ตรวจการดูจะกุลีกุจอเรื่องนี้เป็นพิเศษ รีบพิจารณาและเสนอให้นายกฯรับไปพิจารณาตรวจสอบพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคล ที่ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นรัฐมนตรีใหม่ และให้แจ้งกลับมายังผู้ตรวจการแผ่นดินภายใน 30 วัน
จริงๆ แล้วคนที่จะมาทำหน้าที่ตรวจสอบจริยธรรมผู้อื่นควรจะต้องเป็นผู้ที่เพียบ พร้อมไปด้วยจริยธรรม ปราศจากซึ่งอคติ และมีมาตรฐานเดียวในการพิจารณาไม่ใช่หรือ
แต่ผู้ ตรวจการแผ่นดินชุดที่มีคุณผาณิตเป็นประธานไม่แน่ว่าจะมีคุณสมบัติดังกล่าว ครบถ้วนหรือไม่ ทั้งนี้ อาจดูได้จากการแต่งตั้งที่ปรึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จำนวน 10 ท่าน ที่ล้วนแต่ประกอบด้วยบุคคลที่มีส่วนในการร่วมร่างรัฐธรรมนูญที่เป็นผลผลิต ของเผด็จการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
หรือไม่ ก็เป็นกลุ่มบุคคลผู้ได้รับผลประโยชน์จากการรัฐประหารในครั้งนี้เกือบทั้ง สิ้น นอกจากนี้ ที่ปรึกษาดังกล่าวยังประกอบไปด้วยกลุ่มบุคคลที่เกลียดทักษิณเป็นชีวิตจิตใจ อีกจำนวนหนึ่ง แล้วอย่างนี้ยังจะพูดได้เต็มปากอีกหรือไม่ว่าผู้ตรวจการแผ่นดินชุดนี้ ปราศจากซึ่งอคติ และเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรม
ดังนั้น จึงอยากจะขอฝากเตือนไปยังผู้ตรวจการแผ่นดินว่าอย่าบ้าจี้ไปตามแรงกดดันของ กลุ่มผู้มากบารมีเลย ไม่เช่นนั้นการแก้รัฐธรรมนูญในครั้งนี้ นอกจากจะต้องยุบเลิกองค์กรศาลบางประเภท เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง และองค์กรอิสระที่ไม่อิสระสมชื่อ เช่น กกต. และ ป.ป.ช.แล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินก็อาจเป็นอีกองค์กรหนึ่งที่สมควรต้องถูกยกเลิกเช่นกัน
ตอนนี้จึงอยากจะเรียกหาจริยธรรมของผู้ตรวจการแผ่นดินก่อนที่ท่านจะทำหน้าที่ตรวจสอบจริยธรรมของผู้อื่น
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar