lördag 2 juni 2012

Dual Power เวลาแห่งการรอคอย มือที่มองไม่เห็นปะทะมือของมวลมหาประชาชน....

โดยปูนนก
และแล้วเวลาแห่งการรอคอยที่จะเปลี่ยนประเทศให้เป็นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยที่แท้จริง โดยมีอำนาจอธิปไตยสูงสุดมาจากมวลชนชาวไทยอย่างสมบูรณ์ก็ได้เปิดฉากขึ้นแล้ว ไม่คิดว่า พรบ. ปรองดอง ที่ถูกนำเข้าสู่การพิจารณาในสภา จะกลายเป็นชนวนที่ถูกจุดขึ้นเพื่อนำไปสู่ระเบิดประชาธิปไตยได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้

การเร่งให้เกิดความขัดแย้ง ให้ขยายตัวออกไปอย่างกว้างขวางทั้งภายในสภา และภายนอกสภา ที่เกิดขึ้นจากพรรคประชาธิปัตย์ และ กลุ่มพันธมิตร อีกทั้งอำนาจของศาลที่เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยนั้น เป็นการส่งสัญญาชัดเจนว่า มือที่มองไม่เห็นที่ปกครองประเทศนี้อยู่ ต้องการล้มรัฐบาลที่มาจากประชาชนลงให้จงได้

เมื่อปลายปี 2554 ก็มีความพยายามทำให้น้ำท่วมประเทศไทย เพื่อหวังจะให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในประเทศ และเป็นเหตุให้รัฐบาลที่เพิ่งตั้งขึ้นใหม่ต้องล้มลงไปเพราะไม่สามารถบริหารประเทศได้ แต่ด้วยการบริหารจัดการอย่างยอดเยี่ยม การร่วมมือร่วมใจของท่านนายกยิ่งลักษณ์ และประชาชนที่ช่วยกันสนับสนุนและช่วยเหลือกันและกันอย่างไม่เห็นแก่เหน็ดเหนื่อย ทำให้สถานการณ์ทุกอย่างคลี่คลายไปได้ รัฐบาลยังคงบริหารงานได้ และยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไปสิ่งนี้ส่งผลให้ อำนาจของมือที่มองไม่เห็นที่ปกครองประเทศนี้อยู่เริ่มสั่นคลอน และมองดูด้วยความหวาดหวั่นต่ออำนาจของประชาชนที่เติบโตขึ้นอย่างไร้การควบคุม

เวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมาประเทศไทยถูกปกครองด้วยอำนาจมืด ทำให้มีกลุ่มคนจำนวนเพียงหยิบมือที่มีอิทธิพล.. ร่ำรวย.. มีอำนาจ.. และปกครองประชาชนอยู่บนยอดสูงสุดของปิรามิดแห่งประเทศนี้ ประชาชนชั้นล่างผู้ทุกข์ระทมไม่เคยสามารถจะเข้าถึงโอกาสที่จะดำเนินชีวิตตามที่ตนเองปรารถนา ทรัพยากร.. เศรษฐกิจ และการบริหารของประเทศนี้ถูกผูกขาดด้วยคนเพียงไม่กี่ตระกูล ที่สูบเลือดเนื้อ รีดนาทาเร้น ใช้อำนาจย่ำยีบีฑาผู้คนส่วนใหญ่ของประเทศให้ต้องทนทุกข์ทรมานมาอย่างยาวนาน

โดยอาศัย “ความเชื่อ..ความศรัทธาอย่างงมงาย” ประชาชนได้ถูกสั่งสอนให้ศรัทธาโดยปราศจากข้อสงสัย (หรือถ้าสงสัยก็ต้องตาย) ประชาชนต่างยื่นมืออันสั่นระริก ด้วยความหิว และสิ้นหวัง จบขึ้นเหนือศรีษะด้วยความเชื่อว่า จะได้กุศลผลบุญจากความเมตตาของเทวดาบนฟากฟ้าประทานลงมาให้เพื่อจะได้พ้นทุกข์โศกได้บ้าง แต่น่าเศร้าสิ่งที่ประชาชนคิดว่ามองเห็นนั้นคือ เทวดา กลับกลายเป็น นกกระสาที่คอยจ้องจับกินกบที่อยู่ในบึงอย่างอิ่มเอม

วันที่ 19 กันยายน 2549 เมื่อสายพานของรถถังเคลื่อนเข้ายึดอำนาจการบริหารจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างท่วมท้นของประชาชน ทำให้ประเทศทั้งประเทศ “ช็อค” กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะภายในปีเดี่ยวกันก่อนหน้านั้นเพียงไม่กี่เดือนคนไทยทั้งชาติต่างชื่นชมและภาคภูมิใจกันถ้วนหน้าว่า “โชคดีที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย เพราะได้อยู่ใต้ร่มพระบารมีของกษัตริย์ที่ทรงบุญญาบารมียิ่งใหญ่ไพศาลที่สุดในโลก และมีรัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีที่เก่งที่สุดในโลก” แต่ 3 เดือนให้หลังกองทัพไทยก็ยึดอำนาจรัฐบาลที่มีนายกที่ดีที่เก่งทีสุดในโลกเสียแล้ว

อำนาจมืดของมือที่มองไม่เห็นจะไม่ยอมให้ประชาชนมีอำนาจขึ้นมาเพื่อปกครองตนเองตามความต้องการ จากวันนั้นถึงวันนี้เวลาผ่านไปกว่า 5 ปีสถานการณ์ได้ผ่านการต่อสู้อันปวดร้าว สูญเสียแม้กระทั่งชีวิต และทรัพย์สินมากมาย ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่าประชาชนเริ่มเข้าใจถึงอำนาจและสิทธิที่ตนเองพึงมีพึงได้ และถูกแย่งชิงไปเช่นไร กระแสคนเสื้อแดงที่กำลังไหลบ่าท่วมท้นประเทศไทยในแทบทุกหัวระแหงขณะนี้ ได้กลายเป็นเหมือนกระแสน้ำอันเชี่ยวกรากที่กำลังโถมทับ “อำนาจมืดของมือที่มองไม่เห็น” ให้จม และถูกกลืนหายไปในสายธารแห่งการเปลี่ยนแปลงของโลกาภ

การประท้วง และการปลุกระดมอย่างก้าวขวางที่เกิดขึ้นในเวลานี้ คือสิ่งบอกเหตุที่แสดงให้เห็นชัดแล้วว่า “อำนาจมืดจากมือที่มองไม่เห็น จะไม่ยอมปล่อยให้กาลเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงกลืนกินพวกเขาไปโดยไม่ต่อสู้อย่างแน่นอน พรรคการเมืองที่อ้างว่าเป็นพรรคของประชาชนอย่างประชาธิปัตย์ กล้าที่จะแสดงอาการ “ดิบ..ถ่อย..เถื่อน” ในสภาต่อหน้าประชาชนที่เฝ้ามองดูอยู่ทั้งโลก

กลุ่มพันธมิตรร่วมกลุ่มคนมาชุมนุมเป็นครั้งสุดท้าย และปลุกเร้าทุกวิถีทางเพื่อให้เกิดการปะทะ และความวุ่นวายในประเทศให้ได้ พร้อมที่จะนำประชาชนที่มาชุมนุม “บุกยึดรัฐสภา..ดุจเดียวกับที่เคยบุกยึดทำเนียบรัฐบาล หรือสนามบินสุวรรณภูมิ” ครั้งก่อน ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้สภาผู้แทนราษฎรระงับการพิจารณาร่างแก้ไข รธน.มาตรา 291 แม้เป็นการกระทำที่ก้าวก่ายอำนาจหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ซึ่งทั้งหลายเหล่านี้แสดงให้เห็นแล้วว่า “มือที่มองไม่เห็น มันเอาเราแน่” เหมือนเป็นการปรามหรือขู่ให้ฝ่ายประชาชนยอมแพ้ เพราะถ้าไม่เช่นนั้น อาจจะมีการเคลื่อนกองทัพออกมายึดอำนาจอีกครั้ง

แต่ทว่างานนี้ผิดคาดครับ.. เพียงแค่ 2 วันที่มีการเรียกรวมพลคนเสื้อแดงให้ไปร่วมชุมนุมกันที่ ธันเดอร์โดม เมืองทองธานี แม้จะมีการประกาศเพียงแค่ 2 วันแต่คนเสื้อแดงก็ไป่ชุมนุมรวมตัวกันจนธันเดอร์โดมเต็มล้น และไม่พอที่จะนั่ง มีการประกาศผ่านสื่อออนไลน์ วิทยุชุมชน และเวปไซด์ของคนเสื้อแดงแทบทุกแห่ง ถึงการตอบโต้ถ้ามีการยึดอำนาจหรือล้มล้างรัฐบาลโดยมิชอบอีก

การชุมนุมของกลุ่ม พธม. ที่กำลังกระทำกันอยู่ ก็เป็นการชุมนุมที่ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากกำลังตำรวจปราบจลาจล ซึ่งครั้งนี้คงไม่เหมือนครั้งก่อนๆ อย่างแน่นอน เพราะรัฐบาลเป็นฝ่ายชอบธรรม การกระทำใดๆ ที่เป็นการกระทำที่ผิดกฏหมายคงจะต้องถูกฝ่ายกฏหมายปราบปรามอย่างเฉียบขาดแน่นอน แม้จะมีคำกล่าวออกมาอีกว่า “อย่าทำอะไรคนของฉัน” ก็ตาม..
คราวนี้ถ้าท่านนายกยิ่งลักษณ์ หรือท่านประธานสภาสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ปล่อยให้พวก พธม. เข้าไปยึดครองรัฐสภา เหมือนยึดครองทำเนียบเช่นครั้งก่อนโดยไม่ทำอะไร ทั้งสองท่าน และพรรคเพื่อไทยทั้งพรรค จะกลายเป็นจำเลยของสังคม และคนเสื้อแดงทั้งมวลจะหันหลังให้กับพรรคท่านทันที

จนถึงวันนี้ และขณะนี้ ผมเชื่อว่าคนเสื้อแดงผู้รักประชาธิปไตยทุกคน ก็ยังคงรักและฝากความหวังไว้กับพรรคเพื่อไทย และการนำของท่านนายกยิ่งลักษณ์ หรือแม้แต่ท่านนายกทักษิณ อยู่ไม่เปลี่ยนแปลง และเชื่อว่าครั้งนี้ท่านนายกทักษิณ ก็คงมองออกแล้วว่า อำนาจของประชาชน หรือ Dual Power ได้เกิดขึ้นแล้ว และเป็นอำนาจที่ทัดเทียมกันเสียด้วย มันขึ้นอยู่กับว่าท่านจะเลือกใช้อำนาจของประชาชนนี้ให้ถูกต้องและถูกจังหวะเช่นไร

แม้ว่าท่านนายกทักษิณ ไม่ต้องการให้เกิดการปะทะ หรือการนองเลือด หรือการสูญเสียใดๆ แต่ถ้าถึงคราวที่จะต้องสูญเสียก็จะต้องทำ มิฉะนั้น ท่านนายกทักษิณ และพรรคเพื่อไทยทั้งพรรคนั่นแหละ จะกลายเป็นจำเลยของคนเสื้อแดงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และถ้าถึงวันที่คนเสื้อแดงหันไปหาความหวังจากที่อื่นก็จะไม่มีใครอีกเลยที่จะหันกลับมาหาท่านอีก.. พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นตัวอย่างที่ดีครับท่าน อย่าเป็นเช่นนั้นเลยครับ

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar