måndag 17 november 2014

"จดหมายจากต่างแดน" ฝากให้ประชาชนไทยทุกฝ่ายได้ อ่าน คิดไตร่ตรอง. แล้วเปิดใจยอมรับ"ความจริง" ว่าที่มาสาเหตุของปัญหาความวุ่นวายเกิดจากการกดขี่เอารัดเอาเปรียบและความแตกต่างทางชนชั้นของคนในสังคมไทย .ในฐานะที่ทุกคนเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน สามารถร่วมกันแก้ไขปัญหาของประเทศชาติได้ตามหน้าที่และความรับผิดชอบของแต่ละคน ให้ขับเคลื่อนก้าวไปข้างหน้าได้พร้อม ๆกัน ..โดยหยุดใช้อำนาจหน้าที่ในทางที่ผิดๆ ไม่นำมาใช้ทำลายประเทศชาติและไม่ใช้ทำร้ายข่มเหงรังแกประชาชน....

[​IMG]

จอม เพชรประดับ
จอม เพชรประดับ เขียนจดหมายถึงหม่อมเต่านา
ขอบพระคุณท่านเต่านา มากครับ ที่กรุณาส่งกำลังใจอันมีค่าและมีความหมายยิ่งสำหรับผม ท่านครับ ผมอยากจะสารภาพว่า ผมไม่เคยคิด และไม่อยากจะหนี หรือลี้ภัยไปอยู่บ้านเมืองอื่นเลยแม้แต่น้อย หากผมสามารถอยู่ในบ้านเกิดเมืองนอนของผมได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ในฐานะเจ้าของประเทศคนหนึ่งและที่สำคัญได้เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะแก้ไข ปรับเปลี่ยน สิ่งชำรุด หรือที่ไม่เข้ายุคเข้าสมัย ให้ก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กับความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ แต่ละคน มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองของตัวเองแตกต่างกันครับ สำหรับสื่อมวลชนเช่นผม อิสระและเสรีภาพของการปฎิบัติหน้าที่เป็นหัวใจสำคัญ ไม่แตกต่างไปจาก อิสระและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของคนไทยทุกคนด้วย เพราะนี่คือหัวใจสำคัญ ที่จะร่วมกันกอบกู้บ้านเมืองของเรา

แต่น่าเสียดาย และน่าเสียใจครับ ที่ผู้มีอำนาจ หรือกลุ่มคนที่คิดว่า เป็นเจ้าของประเทศตัวจริงกลับมองไม่เห็น กลับกลัวว่าจะเป็นการสร้างปัญหา หรือเกิดความขัดแย้ง แตกแยกเพิ่มขึ้นอีก ทั้งที่จริง การแสดงความคิดเห็น หรือการแสดงออกบนกติกาของกฎหมาย จะไม่นำไปสู่การใช้ความรุนแรง หรือความวุ่นวายได้เลย แต่หากคนไทยทุกคน ตกอยู่ในบรรยากาศของความกลัว ไร้ซึ่งสิทธิเสรีภาพ ในการที่จะแสดงออก ไม่อาจจะมีส่วนร่วมกับการกำหนด หรือแก้ปัญหาให้กับบ้านเมืองของตัวเองได้แล้วจะเป็นอันตรายเสียมากกว่า เพราะจะรู้สึกภาคภูมิใจในแผ่นดินเกิดของตัวเองได้อย่างไร …หากอำนาจของคนบางกลุ่ม ผลักไสไล่ส่งและ จับเขาไว้ในบ้านแห่งความหวาดกลัว…..ผมอยากจะขอความเห็นใจ และขอความเข้าใจจากผู้มีอำนาจว่า ประชาชนคนไทยเวลานี้ เป็นทุกข์และวิตกห่วงใยในอนาคตบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างมากด้วยเช่นกันครับ

ท่านเต่านา ครับ …มี อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะขอสารภาพกับท่าน ….บ่อยครั้งที่ ผมมักจะตั้งคำถาม หรือวิจารณ์ ชนชั้นสูง หรืออำมาตย์ในสังคมไทย. แน่นอนย่อมพาดพิงถึงตัวท่านด้วยไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง หากทำให้ท่านขุ่นข้องหมองใจ ผมกราบขอโทษครับ. ผมขอเรียนจากก้นบึ้งในจิตใจของผมเลยว่า ผมยังเคารพรัก ศรัทธา สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และชนชั้นนำหลายต่อหลายท่านอยู่ครับ เพราะด้วยท่านเหล่านี้ ที่ได้วางรากฐาน สร้างความเจริญให้กับบ้านเมืองไทย ได้พัฒนาถาวรมาถึงปัจจุบัน สิ่งนี้อยู่ในก้นบึ้งของคนไทยทุกคน ไม่เฉพาะผมคนเดียว และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ “สถาบันกษัตริย์” คือความหวังและตั้งอยู่บนความคาดหวังของคนไทยทุกคน

แต่ปัจจุบัน..สังคมไทย สังคมโลก รวมทั้ง ความคิด ความรู้สึก ความคาดหวังแม้แต่ความต้องการของคนไทย…เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเพื่อที่จะต่อต้าน หรือ บอกว่าไม่ต้องการ “สถาบันกษัตริย์” แต่คนไทยกำลังอยู่กับค่านิยมใหม่ ความเชื่อของโลกยุคใหม่ ที่ต้องการเห็นความโปร่งใส เป็นธรรม เสมอภาค เท่าเทียม สิทธิเสรีภาพ ความเป็นประชาธิปไตย เพราะสิ่งเหล่านี้คือเครื่องมือ ที่ทำให้ ผมและคนไทยทุกคน อยู่ในบ้านของเราอย่างมีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี

ดังนั้นเมื่อ คนไทยยุคปัจจุบัน ดำรงอยู่บนฐานความคิดของโลกยุคใหม่แบบนี้ หลายเรื่องผมจึงต้องการคำอธิบาย หลายคำถามผมต้องการคำตอบ และหลายข้อกังวล ผมต้องการความกระจ่างจาก “สถาบันกษัตริย์” หรือ “ชนชั้นอำมาตย์” ที่เป็นความคาดหวังสูงสุดของพวกเรา เฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่บ้านเมืองเราอยู่บนความวิกฤติแตกแยกแบบนี้

แม้ว่า สังคมไทย ยังมีวัฒนธรรมของชนชั้น แต่ถึงกระนั้น เราก็ยังต้องอยู่บ้านหลังเดียวกันอยู่ดี หากผมจะตั้งคำถามกับท่าน หรือมีคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยที่คาดหวังต่างไปจากที่เคยคาดหวังมาแต่ดั้งแต่เดิม ก็อย่าได้ผลักไส คนไทยที่รักเคารพและศรัทธาท่าน ให้ต้องพ้นไปจากบ้านหลังนี้เลยครับ เพราะ “เรา” ต่างก็เป็นเจ้าของบ้านหลังเดียวกัน

ผมยืนยันด้วยความจริงใจต่อท่านอีกครั้งครับว่า ผมและคนไทยจำนวนไม่น้อยไม่ได้คิดร้ายต่อ สถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเครือข่ายอำมาตย์เลย และไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับกลุ่มไหน ฝ่ายใดในสังคมไทยด้วย แต่ผมอยากอยู่ร่วมกับทุกคนที่เป็นญาติมิตรพี่น้องที่เกิดมาในบ้านหลังเดียวกัน แต่ควรจะอยู่บนความคิดความเชื่อที่ ทุกคนยอมรับคุณค่าความเป็นคน และศักดิ์ศรีของการเป็นเจ้าของบ้าน อย่างเท่าเทียมกันเท่านั้นเองครับ


ในฐานะที่เป็นคนไทยที่ลี้ภัยอยู่ต่างแดนคนหนึ่ง ขอขอบพระคุณท่านเต่านาอีกครั้งนะครับ ที่เข้าใจพวกผม เป็นความยากลำบาก ยากที่จะบรรยายครับ สำหรับการต้องพลัดพรากจากญาติมิตรพี่น้อง และการต้องมาอาศัยแผ่นดินคนอื่นอยู่ ในฐานะของ “ผู้ลี้ภัย” มันเป็นความขมขื่นครับ แต่อีกด้านหนึ่งมันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกรัก และห่วงใยบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองมากขึ้นครับ


ท้ายนี้ ก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของท่านอีกครั้งครับ ที่ต้องสูญเสียคุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา. และหวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เรา (คนไทย) จะได้กลับมาร่วมคิด ร่วมกันสร้างบ้านของเราให้มั่นคงแข็งแรง เปี่ยมไปด้วยความหวังสำหรับเราเองในปัจจุบัน และเพื่อลูกหลานเราในอนาคต นะครับ

ด้วยความเคารพยิ่ง
จอม เพชรประดับ



[​IMG]

[​IMG]

คำสารภาพ"จอม เพชรประดับ" ถึง "หม่อมเต่านา-ราชนิกูลไทย"
Sun, 11/16/2014 - 11:33jom

คำสารภาพจาก “จอม เพชรประดับ” ถึง “หม่อมเต่านา”

ม.ล.มิ่งมงคล โสณกุล ลูกสาวคนโตของ ม.ร.ว.จัตุมงคล โสณกุล ได้เขียนในเฟสบุ๊คของตนเองเพื่อขอบคุณ คุณจอม เพชรประดับ ซึ่งขณะนี้ลี้ภัยการเมืองอยู่ในต่างประเทศ ที่ได้ส่งพวงหรีดในงานศพ คุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา.ซึ่งเป็นแม่เลี้ยงของหม่อมเต่านา ที่เสียชีวิตอย่างกระทันหัน เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มีข้อความว่า

“ขอขอบคุณ คุณจอม เพชรประดับ ที่ไม่ว่า ท่านจะอยู่ที่ใดในโลกก็ตาม ก็อุตสาห์ส่งพวงหรีดมา ให้ ในงานศพ ของแม่เลี้ยงของเรา หวังว่าคุณจอมคงจะสบายดี และมีโอกาศที่จะได้กลับมาทำงานอย่างมืออาชีพที่มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี อย่างที่คุณจอม ทำมาโดยตลอด ไม่ว่าจะในฐานะอะไร...คนเราจะตายวันตายพรุ่ง ก็ไม่มีใครไปห้ามชะตาฟ้าลิขิตได้ ไม่ควรต้องมีคนไทยคนใดต้องระหกระเหินเร่ร่อน ออกจากประเทศไทยไป เพียงเพราะพวกเขายึดมั่นในหลักการในการทำงานในงานสายอาชีพของเขา และไม่ยอมก้มหัวให้กับอำนาจนอกระบบค่ะ... สิ่งที่กำลังเกิดกับคนทุกคนที่ต้องหนีจากประเทสไทยไปเพราะผลจากการปลุกปั่นของอำนาจรัฐบาลเผด็จการทหาร เป็นการสร้างกรรม ที่วันหนึ่ง มันจะต้องย้อนกลับมาสู่ผู้ที่ฉวยโอกาศในความกลัวของผุ้มีอำนาจในบ้านเมือง มาทำให้ พ่อ แม่ ลูก พี่ น้อง ฯลฯ หลายร้อยครอบครัวต้องแยกย้ายกระจัดกระจายกันไป โดยไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกเขาจะได้รับความยุติธรรมในฐานะประชาชนไทยที่ต่อต้านรัฐประหาร และกลับมาพบกันได้อีก ...เราขอส่งกำลังใจให้คุณ จอม และทุกๆท่านที่ต้องมาตกอยู่ในสภาพนี้ ...ด้วยความนับถือจากใจค่ะ”

หลังจากนั้น คุณจอม เพชรประดับ ก็ได้เขียนตอบผ่านเฟสบุ๊คของตัวเองและหม่อมเต่านาว่า
“ขอบพระคุณท่านเต่านา มากครับ ที่กรุณาส่งกำลังใจอันมีค่าและมีความหมายยิ่งสำหรับผม ท่านครับ ผมอยากจะสารภาพว่า ผมไม่เคยคิด และไม่อยากจะหนี หรือลี้ภัยไปอยู่บ้านเมืองอื่นเลยแม้แต่น้อย หากผมสามารถอยู่ในบ้านเกิดเมืองนอนของผมได้อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ในฐานะเจ้าของประเทศคนหนึ่ง และที่สำคัญได้เป็นส่วนหนึ่ง ที่จะแก้ไข ปรับเปลี่ยน สิ่งชำรุด หรือที่ไม่เข้ายุคเข้าสมัย ให้ก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กับความเปลี่ยนแปลงของโลกได้ แต่ละคน มีความรับผิดชอบต่อบ้านเมืองของตัวเองแตกต่างกันครับ สำหรับสื่อมวลชนเช่นผม อิสระและเสรีภาพของการปฎิบัติหน้าที่เป็นหัวใจสำคัญ ไม่แตกต่างไปจาก อิสระและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของคนไทยทุกคนด้วย เพราะนี่คือหัวใจสำคัญ ที่จะร่วมกันกอบกู้บ้านเมืองของเรา

แต่น่าเสียดาย และน่าเสียใจครับ ที่ผู้มีอำนาจ หรือกลุ่มคนที่คิดว่า เป็นเจ้าของประเทศตัวจริงกลับมองไม่เห็น กลับกลัวว่าจะเป็นการสร้างปัญหา หรือเกิดความขัดแย้ง แตกแยกเพิ่มขึ้นอีก ทั้งที่จริง การแสดงความคิดเห็น หรือการแสดงออกบนกติกาของกฎหมาย จะไม่นำไปสู่การใช้ความรุนแรง หรือความวุ่นวายได้เลย แต่หากคนไทยทุกคน ตกอยู่ในบรรยากาศของความกลัว ไร้ซึ่งสิทธิเสรีภาพ ในการที่จะแสดงออก ไม่อาจจะมีส่วนร่วมกับการกำหนด หรือแก้ปัญหาให้กับบ้านเมืองของตัวเองได้แล้วจะเป็นอันตรายเสียมากกว่า เพราะจะรู้สึกภาคภูมิใจในแผ่นดินเกิดของตัวเองได้อย่างไร ...หากอำนาจของคนบางกลุ่ม ผลักไสไล่ส่งและ จับเขาไว้ในบ้านแห่งความหวาดกลัว.....ผมอยากจะขอความเห็นใจ และขอความเข้าใจจากผู้มีอำนาจว่า ประชาชนคนไทยเวลานี้ เป็นทุกข์และวิตกห่วงใยในอนาคตบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองอย่างมากด้วยเช่นกันครับ

ท่านเต่านา ครับ ...มี อีกเรื่องหนึ่งที่ผมอยากจะขอสารภาพกับท่าน ....บ่อยครั้งที่ ผมมักจะตั้งคำถาม หรือวิจารณ์ ชนชั้นสูง หรืออำมาตย์ในสังคมไทย. แน่นอนย่อมพาดพิงถึงตัวท่านด้วยไม่ทางใด ก็ทางหนึ่ง หากทำให้ท่านขุ่นข้องหมองใจ ผมกราบขอโทษครับ. ผมขอเรียนจากก้นบึ้งในจิตใจของผมเลยว่า ผมยังเคารพรัก ศรัทธา สถาบันพระมหากษัตริย์ไทย และชนชั้นนำหลายต่อหลายท่านอยู่ครับ เพราะด้วยท่านเหล่านี้ ที่ได้วางรากฐาน สร้างความเจริญให้กับบ้านเมืองไทย ได้พัฒนาถาวรมาถึงปัจจุบัน สิ่งนี้อยู่ในก้นบึ้งของคนไทยทุกคน ไม่เฉพาะผมคนเดียว และด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้ “สถาบันกษัตริย์” คือความหวังและตั้งอยู่บนความคาดหวังของคนไทยทุกคน

แต่ปัจจุบัน..สังคมไทย สังคมโลก รวมทั้ง ความคิด ความรู้สึก ความคาดหวังแม้แต่ความต้องการของคนไทย...เปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเพื่อที่จะต่อต้าน หรือ บอกว่าไม่ต้องการ “สถาบันกษัตริย์” แต่คนไทยกำลังอยู่กับค่านิยมใหม่ ความเชื่อของโลกยุคใหม่ ที่ต้องการเห็นความโปร่งใส เป็นธรรม เสมอภาค เท่าเทียม สิทธิเสรีภาพ ความเป็นประชาธิปไตย เพราะสิ่งเหล่านี้คือเครื่องมือ ที่ทำให้ ผมและคนไทยทุกคน อยู่ในบ้านของเราอย่างมีเกียรติ และมีศักดิ์ศรี

ดังนั้นเมื่อ คนไทยยุคปัจจุบัน ดำรงอยู่บนฐานความคิดของโลกยุคใหม่แบบนี้ หลายเรื่องผมจึงต้องการคำอธิบาย หลายคำถามผมต้องการคำตอบ และหลายข้อกังวล ผมต้องการความกระจ่างจาก “สถาบันกษัตริย์” หรือ “ชนชั้นอำมาตย์” ที่เป็นความคาดหวังสูงสุดของพวกเรา เฉพาะอย่างยิ่งในยุคที่บ้านเมืองเราอยู่บนความวิกฤติแตกแยกแบบนี้

แม้ว่า สังคมไทย ยังมีวัฒนธรรมของชนชั้น แต่ถึงกระนั้น เราก็ยังต้องอยู่บ้านหลังเดียวกันอยู่ดี หากผมจะตั้งคำถามกับท่าน หรือมีคนไทยอีกจำนวนไม่น้อยที่คาดหวังต่างไปจากที่เคยคาดหวังมาแต่ดั้งแต่เดิม ก็อย่าได้ผลักไส คนไทยที่รักเคารพและศรัทธาท่าน ให้ต้องพ้นไปจากบ้านหลังนี้เลยครับ เพราะ “เรา” ต่างก็เป็นเจ้าของบ้านหลังเดียวกัน

ผมยืนยันด้วยความจริงใจต่อท่านอีกครั้งครับว่า ผมและคนไทยจำนวนไม่น้อยไม่ได้คิดร้ายต่อ สถาบันพระมหากษัตริย์ หรือเครือข่ายอำมาตย์เลย และไม่เคยคิดเป็นศัตรูกับกลุ่มไหน ฝ่ายใดในสังคมไทยด้วย แต่ผมอยากอยู่ร่วมกับทุกคนที่เป็นญาติมิตรพี่น้องที่เกิดมาในบ้านหลังเดียวกัน แต่ควรจะอยู่บนความคิดความเชื่อที่ ทุกคนยอมรับคุณค่าความเป็นคน และศักดิ์ศรีของการเป็นเจ้าของบ้าน อย่างเท่าเทียมกันเท่านั้นเองครับ

ในฐานะที่เป็นคนไทยที่ลี้ภัยอยู่ต่างแดนคนหนึ่ง ขอขอบพระคุณท่านเต่านาอีกครั้งนะครับ ที่เข้าใจพวกผม เป็นความยากลำบาก ยากที่จะบรรยายครับ สำหรับการต้องพลัดพรากจากญาติมิตรพี่น้อง และการต้องมาอาศัยแผ่นดินคนอื่นอยู่ ในฐานะของ “ผู้ลี้ภัย” มันเป็นความขมขื่นครับ แต่อีกด้านหนึ่งมันยิ่งตอกย้ำความรู้สึกรัก และห่วงใยบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเองมากขึ้นครับ

ท้ายนี้ ก็ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของท่านอีกครั้งครับ ที่ต้องสูญเสียคุณหญิงบูลย์วิภา โสณกุล ณ อยุธยา. และหวังว่าในอนาคตอันใกล้นี้ เรา (คนไทย) จะได้กลับมาร่วมคิด ร่วมกันสร้างบ้านของเราให้มั่นคงแข็งแรง เปี่ยมไปด้วยความหวังสำหรับเราเองในปัจจุบัน และเพื่อลูกหลานเราในอนาคต นะครับ

ด้วยความเคารพยิ่ง

จอม เพชรประดับ”



http://www.thaivoicemedia.com

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar