fredag 21 juli 2017

สัญญาประชาจำนน :คอลัมน์ ใบตองแห้ง


สัญญาประชาจำนน :คอลัมน์ ใบตองแห้ง

3ปีรัฐประหาร ก่อนกลับสู่เลือกตั้ง กองทัพทำสัญญาประชาคม 10+15 ข้อ ให้ประชาชนท่องอาขยาน พึงเคารพ พึงยอมรับ พึ่งยึดมั่น ฯลฯ เอ๊ะ นี่มันกลับกันหรือเปล่า ประชาชนอย่างเราๆ ไม่มีปืน ไม่มีอำนาจ ท่านสั่งอะไรก็ต้องเชื่อฟังอยู่แล้ว

สัญญาประชาคม ควรจะเป็นผู้มีอำนาจให้คำมั่นกับประชาชน เช่น กองทัพให้สัญญาจะยอมรับประชาธิปไตย การเลือกตั้ง ความแตกต่างทางความคิด สิทธิเสรีภาพ มีคุณธรรมจริยธรรม ไม่ทุจริต ไม่ใช้อภิสิทธิ์จัดทริปออนเซ็น เล่นสกี กินปู ดูงาน ฯลฯ

ไม่ใช่ให้ชาวบ้านต้องยอมรับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี แล้ว ถึงจะไปสู่การเลือกตั้ง
สัญญาประชาชนพึงท่องข้างเดียว จึงเป็นแค่งานอีเวนต์ พิธีกรรม ไม่ต่างกับตั้งโต๊ะในค่ายทหาร ติดป้ายไวนิล รับเรื่องร้องเรียนทุจริต แหม ถ้าปราบโกงง่ายอย่างที่คิด คนโกงคงหมดโลกไปนานแล้ว

“ยิ่งลดเสรีภาพประชาชน เจ้าหน้าที่ยิ่งทุจริตมากขึ้น” นี่ไม่ได้พูดเอง เอามาจากบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ประธานที่ปรึกษาเพื่อกำกับการปฏิรูปกฎหมาย ให้สัมภาษณ์นิตยสารธนาคารแห่งประเทศไทย บอกว่าต้องลดอำนาจรัฐราชการ เพิ่มเสรีภาพประชาชน

ฟังแล้วยิ่งสับสนไปใหญ่ มือกฎหมายรัฐประหาร 2 สมัย บอกต้องเพิ่มเสรีภาพประชาชน งาช้างงอกหรืออย่างไร

เพิ่มเสรีภาพอะไรกัน แค่นักวิชาการชูป้าย “เวทีวิชาการไม่ใช่ค่ายทหาร” ก็เรียกนักวิชาการเข้าค่าย แถมหน่วยข่าวรายงาน ผิดคนอีกต่างหาก (น่าเห็นใจ บังเอิญงานเสวนานานาชาติ จัดเป็น ภาษาอังกฤษ ทหารตำรวจมึนตึ้บ)

ประเทศไทยวันนี้มีคนจำนวนมากรักลุงตู่ แต่ด่าทรัมป์เถื่อนถ่อย ด่าจีนกักขังหลิว เสี่ยวปอจนตาย แต่ตัวเองหนุนให้จับกุมคุมขังคนอีกฝ่าย มองคนเห็นต่างเป็นผู้ร้าย คนดีจอดรถที่คนพิการได้ ฯลฯ นี่มันสังคมต่ำตมไปถึงไหน

แต่ก็ยังมีคนตั้งความหวัง “เชื่อมั่นประเทศไทย” จะมีรถไฟความเร็วสูง จะปฏิรูปยกเครื่องใหม่ ทั้งเศรษฐกิจ การเมือง การศึกษา 4.0 ประชารัฐ ปฏิวัติใหญ่ปราบโกง ฯลฯ ภายใต้ระบอบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย บนสังคมไร้สติ เป็นคนดีแล้ว ไม่ต้องมีเหตุผลก็ได้
ใช่เลย เราจะปฏิรูปตำรวจ ตามไอเดียของพวกปิดเมือง ปิดสถานที่ราชการ ปลดป้ายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เราจะปฏิรูปการเมือง โดยวิธีง่ายๆ คือทำให้การเลือกตั้งหมดความหมาย เราจะปฏิรูปการศึกษา ให้เด็กคิดเป็น โดยเข้าแถวไหว้ครูรักษาเอกลักษณ์ไทย ฟังครูสอนก็หัดคัดลายมือใส่สมุด ห้ามใช้มือถือถ่ายภาพบันทึกเสียง อ้อๆ เรายังจะก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการบังคับให้สแกนหน้า ลายนิ้วมือ ก่อนซื้อซิม

“เชื่อมั่นประเทศไทย” บอกคนรวยก่อนดีไหม คนรวย ไม่ลงทุน ขนเงินไปลงทุนต่างประเทศ
3 ปีผ่านไป สังคมไทยเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่คนส่วนใหญ่ ไม่รู้สึก พื้นที่เสรีภาพนับวันหดเล็กลงๆ เรื่องที่ห้ามวิพากษ์วิจารณ์ เบ่งบานขึ้นเรื่อยๆ แต่ไม่เป็นไร เรายังมีชีวิตอยู่ได้ เรายังมีโลกออนไลน์ไว้ดราม่า เห่อดารา บ้าดารา ด่าดารา ด่าฝรั่ง ด่าชาวบ้าน ฯลฯ จรรโลงความถูกต้องดีงามในโลกจินตนาการ
3 ปีผ่านไป นักเรียกร้องเสรีภาพประชาธิปไตยก็เท่านั้น คนกลุ่มเล็กๆ หน้าเดิมๆ ถูกจับถูกขังซ้ำซาก รัฐไม่สะดุ้งสะเทือนอะไร เพราะโลกสมัยใหม่ไม่มีใครอยากเป็นวีรชน 14 ตุลา 6 ตุลา พฤษภา 35 แม้อึดอัดถูกจำกัดสิทธิอิสระ อย่างน้อยก็ยังมีลมหายใจ ยังมีชีวิตปัจเจกที่สามารถดำเนินไป หมดสมัยชูป้าย “ไล่เผด็จการ” แล้วตายฟรี

3 ปีผ่านไป มวลชนที่เคยเป็นเสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ตั้งตารอหวังจะเลือกพรรคการเมืองที่ชอบเป็นรัฐบาล ก็ถูกทำลายความหวังลงไปเรื่อยๆ ไม่รู้เมื่อไหร่จะมีเลือกตั้ง เลือกยังไง ก็ไม่ชนะ ไม่ได้เป็นรัฐบาล แถมระหว่างนับถอยหลัง แกนนำ ก็ติดคุกทีละคนสองคน นักการเมืองก็ทยอยถูกจองจำ ถูกเรียกภาษี ทวงทรัพย์สิน โดนทั้งย้อนหลัง และลับหลัง โดยสิ่งที่ เรียกว่าความยุติธรรม
นี่แหละคือเป้าหมาย ในการทำให้ผู้คนสิ้นหวัง สิ้นหวังกับเสรีภาพ จำต้องยอมรับระบอบที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอีก 20 ปีหรือชั่วกัลปาวสาน สิ้นหวังกับการเลือกตั้ง เลิกรอนโยบายพรรคการเมือง หันมาพึ่งประชารัฐ

นี่คือสภาพความเป็นจริง ไม่ว่าจะมีสัญญาประชาคมหรือไม่ ก็คือประชาชนต้อง “ยอมจำนน”
ยอมรับเสียเถอะ แม้กลับสู่เลือกตั้ง ก็จะไม่มีเสรีภาพประชาธิปไตยอย่างที่คุ้นชินกันมาหลายสิบปี แต่ไม่ต้องห่วง รับประกันไม่มีใครตาย รัฐจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จะนำเรา ก้าวไปพร้อมเพลงชาติรีมิกซ์ใหม่ โดยมีข้อแม้อย่างเดียว คือต้องยอมรับว่าประชาชนไม่ใช่เจ้าของประเทศอีกต่อไป อย่าเที่ยวเรียกร้องทวงสิทธิให้วุ่นวาย

ทั้งหมดนี้มีคำถามข้อเดียว ทำให้มนุษย์สิ้นหวังได้จริงหรือไม่

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar