torsdag 7 februari 2019

สู้...เพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

สู้...เพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

แสงตะวัน

18 พ.ย. 61 
 สู้..เพื่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
 

สภาพการปกครองของไทยในเวลานี้ก็เหมือนประเทศอียิปต์ในปี พ.ศ 2495 หรือปี ค.ศ. 1952 ที่กษัตริย์เป็นผู้ผูกขาดอำนาจทุกอย่าง ในทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วัฒนธรรมและ ทางศาล ไปจนถึงสื่อสารมวลชน ซึ่งเรียกว่าระบอบกษัตริย์เผด็จการ(Tyranny) ในเวลานั้นประเทศอียิปต์ปกครองโดยกษัตริย์ฟารุค  ซึ่งเป็นกษัตริย์ที่เลวทรามมากชอบนอนกับผู้หญิงอยู่ทั่วไปแม้แต่ตามทุ่งไร่ทุ่งนาก็ไม่เว้นทำตัวเหลวแหลกมีเมียมากมาย(เหมือนกับกษัตริย์รัชกาลที่สี่ที่ห้าในอดีตของไทย และคนปัจจุบันรัชกาลที่10 ) กษัตริย์ฟารุค ทรยศคตโกงประเทศชาติในขณะที่ประชาชนอียิปต์อดอยากไม่มีจะกิน ในที่สุดประชาชนทนไม่ได้  ถูกคณะทหารที่รักชาติไม่ยอมก้มหัวให้กษัตริย์นำโดยพันเอก Gamal Abdel Nasser และ Muhammad Naquip โค่นลง เมื่อวันที่ 26 เดือน กรกฏาคม พ.ศ 2495 แล้วกษัตริย์ฟารุคก็ถูดเนรเทศออกจากประเทศไป ระบอบกษัตริย์เผด็จการของอียิปต์ก็สิ้นสุดลงจนถึงทุกวันนี้.....

อีกตัวอย่างประเทศเอธิโอเปียในอดีตยุคจักรพรรดิ์ Haile Selassie ปกครองประเทศด้วยระบอบเผด็จการปล่อยให้ประชาชนอดอยากทุกข์ยากเดือดร้อนไปทุกหัวระแหง ในขณะเดียวกันตัวจักรพรรดิ์เองและครอบครัวมีชีวิตอยู่อย่างหรูหราฟุ่มเฟือยคตโกงประเทศชาติลักลอบเอาเงินของชาติไปฝากไว้ยังต่างประเทศเป็นจำนวนมากมายมหาศาล แม้แต่หมาของHaile Selassie ก็ให้กินอาหารจากจานทองคำ.. (เหมือนประเทศไทยในเวลานี้ ยุครัชกาลที่ 10 ของไทยที่ตั้งยศนายพลให้กับหมาของตัวเองมีนายสัตวแพทย์ดูแลอย่างดีรวมทั้งจัดงานวันเกิดให้อย่างหรูหรา ในขณะที่ประชาชนกำลังทุกข์ยากไม่มีจะกินตัวเองและครอบครัวไปเสวยสุขอยู่ต่างประเทศเยอรมัน) 
เมื่อประชาชนทนความทุกข์ยากต่อไปไม่ได้  ก็ถูกนายทหารยศพันเอก ชื่อ พันเอก Menqistu Haile Marium พาลูกน้องเข้าจับตัวจักรพรรดิ์ขังคุกและไล่ออกจากการเป็นจักรพรรดิ์ เมื่อวันที่ 27 ส.ค 2518 แล้วเปลี่ยนระบอบการปกครองเป็นประธานาธิบดีมาจนถึงทุกวันนี้...

ในประเทศเนปาล ฉาก สุดท้ายของราชวงศ์ชาห์แห่งเนปาลจบลงอย่างอัปยศที่สุด รัฐบาลใหม่ของเนปาลเตือนให้กษัตริย์คยาเนนทราต้องออกจากพระราชวังในวันที่ 28 พฤษภาคม2551 หลังสมัชชาแห่งชาติเปิดประชุมครั้งแรก พร้อมคำประกาศเลิกสถาบันกษัตริย์ ถือเป็นการสิ้นสุดทั้งราชวงศ์ชาห์แห่งเนปาลที่ปกครองประเทศมายาวนานถึง 239 ปี และระบอบกษัตริย์ในประเทศนี้ไปพร้อมๆกัน
.มี รายงานว่า พระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ ถูกปลดออกจากฝาตามร้านรวงต่างๆ รวมทั้งถูกถอดออกจากธนบัตร ขณะที่คำว่า "Royal"ก็ถูกลบออกจากชื่อของกองทัพ รวมทั้งสายการบินแห่งชาติ และรัฐบาลได้งดจ่ายเงินงบประมาณค่าใช้จ่ายของพระองค์ปีละ 3 ล้าน 1 แสนดอลลาร์ และยึดวัง 10 แห่งของราชวงค์คืนชะตากรรมของอดีตกษัตริย์ คยาเนนทราหลังจากนั้นก็คือ การไฟฟ้าของเนปาลได้จัดส่งบิลไปเก็บค่าไฟฟ้าที่คิดค้างไว้ราว 40 ล้านบาท โดยบอกว่าทรงติดไว้นับแต่ปี2548เป็นต้นมา...

Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ .......
ในสังคมการเมือง อำนาจเป็นของประชาชนเสมอ เพียงแต่ว่ายุคใดสมัยใด อำนาจนั้นจะถูก “แย่งชิง” ไปหรือไม่ หรือประชาชนจะมอบอำนาจนั้นให้แก่ใคร ดังนั้น หากจะย้อนกลับไปหาความเป็นเจ้าของอำนาจ ในท้ายที่สุดก็จะเจอประชาชนในฐานะเจ้าของอยู่ดี การอ้างว่ากษัตริย์เป็นผู้ทรงอำนาจ เป็นผู้ปกครอง มาตั้งแต่นมนาน ในสังคมการเมืองหนึ่งอาจไม่เคยขาดซึ่งสถาบันกษัตริย์เลย นั่นอาจเป็นการอ้างตามประวัติศาสตร์ของพวกราชาชาตินิยม ประวัติศาสตร์ของเจ้า ไม่จำเป็นต้องเป็นโค้ดของเรา Saint-Just อธิบายว่า กษัตริย์นั้นเป็นทรราชโดยธรรมชาติและโดยตัวของมันเอง เราไม่ต้องพิจารณาเลยว่าการกระทำของกษัตริย์หรือการบริหารราชการแผ่นดินของ กษัตริย์มีความผิดทางอาญาหรือไม่ ถ้ากษัตริย์เป็นทรราช นั่นไม่ใช่เพราะความผิดจากการบริหารราชการแผ่นดินของเขา แต่เขาเป็นทรราชก็ด้วยลักษณะของความเป็นกษัตริย์นั่นแหละ Saint-Just เสนออย่างชาญฉลาดว่า การที่กษัตริย์ยึดครองอำนาจสูงสุดของประชาชนไปใช้เอง นั่นแสดงให้เห็นว่าลักษณะของความเป็นกษัตริย์เป็นอาชญากรรมนิรันดร (crime éternel) ต่อประชาชน มนุษย์จึงย่อมมีสิทธิสัมบูรณ์ในการลุกขึ้นสู้และติดอาวุธ   Saint-Just อธิบายว่า ไม่มีใครสามารถครองราชย์ได้อย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง เพราะ กษัตริย์ทั้งหลายล้วนแล้วแต่เป็นกบฏและเป็นผู้แย่งชิง (usurpateur) อำนาจของประชาชนไป
 

 ในประกาศคณะราษฎร “ราษฎรทั้งหลายพึงรู้เถิดว่าประเทศของเรานี้เป็นของราษฎร ไม่ใช่ของกษัตริย์ตามที่เขาหลอกลวง บรรพบุรุษของราษฎรเป็นผู้ช่วยกันกู้ให้ประเทศมีอิสรภาพพ้นมือจากข้าศึก พวกเจ้ามีแต่ชุบมือเปิบ และกวาดรวบทรัพย์สมบัติเข้าไว้ตั้งหลายร้อยล้าน เงินเหล่านี้เอามาจากไหน? ก็เอามาจากราษฎร เพราะวิธีทำนาบนหลังคนนั้นเอง”
 

หากพิจารณาตามแนวทางนี้ ก็จะไม่มีปัญหาเรื่องอำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนหรือไม่ เพราะ อำนาจอธิปไตยเป็นของประชาชนเสมอ ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตลอดกาล เพียงแต่ว่าบางช่วงบางตอน ถูก “ฉกฉวยแย่งชิง"ขโมยไป และสักวันหนึ่ง ประชาชนก็เอากลับคืนมาจนได้
ในเวลานี้ประเทศไทยถูกกษัตริย์และครอบครัวปล้นอำนาจประชาชนไป ปล้นทรัพย์สมบัติของชาติไป ปล้นสิทธิเสรีภาพ ปล้นโอกาศของประชาชน ปล้นความหวัง ปล้นวัฒนธรรม บังคับให้คนไทยส่งส่วยตั้งแต่แม่ค้าหาบเร่ไปจนถึงหวยใต้ดินและวงการธุระกิจระดับชาติทุกสาขาอาชีพ ตำรวจ ทหาร ข้าราชการ ล้วนถูกขูดรีดและบังคับให้อยู่ไต้ตีนของกษัตริย์และครอบครัวของกษัตริย์ทั้งนั้น ประเทศไทยเราได้ตกเป็นทาสของระบอบกษัตริย์เผด็จการมานานแล้ว ถึงเวลาแล้วที่พี่น้องชาวไทยทั้งหลายจะต้องลุกขึ้นมาทวงถามอำนาจ สิทธิ เสรีภาพของเรากลับคืนมา
 

ดังนั้นวันที่ 5 และวันที่ 9 ธันวา พี่นอ้งชาวไทยทั้งหลายที่ไม่ยอมเป็นทาสภายใต้ระบอบกษัตริย์ทรราชเผด็จการนี้จงใส่เสื้อดำออกมาแสดงศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ตามสภาพการณ์ที่พวกท่านสามารถทำได้
 

ด้วยจิตคารวะ

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar