วงจรอุบาทว์กลับมา:ใบตองแห้ง
พลันที่นักการเมืองทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่แห่สมัครรับเลือกตั้ง ท่วมท้นกว่า 8 ปีก่อน 3 เท่า เข้าสู่บรรยากาศคึกคักแห่งการหาเสียง วงจรอุบาทว์ก็กลับมา
เปล่า ไม่ได้หมายถึงการเลือกตั้ง แต่หมายถึงการปลุกความเกลียดนักการเมือง ความรู้สึกหมั่นไส้ ขวางหูขวางตา ของคนจำนวนหนึ่งที่มีความสุขกับยุคปลอดนักการเมืองมา 5 ปี
ถึงวันนี้ พอจะมีเลือกตั้งเข้าจริงๆ ผีนักการเมืองจะกลับมา ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะ ก็จะได้เห็นเสนาบดีจากนักเลือกตั้ง จะได้เห็นรัฐสภาที่มีฝ่ายค้าน มีการอภิปราย ฯลฯ ก็พากันมือลั่น “อย่าเลือกคนโกง” ไอ้พวกนี้เข้าไปหาเงินทั้งนั้น
“อย่าเลือกคนโกง” งั้นเลือกใครล่ะ นักการเมืองที่คุณว่าโกงก็ถูกดูดไปบานตะไท นักการเมืองดัดจริตคุณก็รู้ไส้ แต่พอมีคนรุ่นใหม่ประกาศจุดยืนประชาธิปไตย ก็ถูกให้ร้าย
นักการเมืองหาเงิน? เพิ่งตื่นเรอะ ชาวบ้านรู้ตั้งนานแล้ว เพียงแต่เขารู้ด้วยว่า พวกมาจากแต่งตั้งหรือมาจากยึดอำนาจก็ไม่ต่างกัน ไม่เหมือนพวกมีการศึกษา ที่มีความสุขกับการเป็นลิงถูกปิดหูปิดตา
พอมีเลือกตั้ง คนโกงจะกลับมา ป.ป.ช.ชี้ความเสี่ยง ประชาชนมัวแต่สนใจการหาเสียง หารู้ไม่จะเกิดทุจริตเชิงนโยบาย อ้าว แล้วนโยบาย EEC เช่าที่ดิน 99 ปี รถไฟจีน เรือดำน้ำ รถไฟ 3 สนามบิน ฯลฯ ป.ป.ช.ตรวจสอบได้ไหม พอมีเลือกตั้งทำมาอวดเก่ง
นี่ยังไม่นับพวกสื่อ IO สื่อคลิกเบท ปลุกความเกลียดชังคั่งแค้น แผ่นเสียงตกร่อง 12 ปี ตั้งแต่สมัยออกบัตรเชิญรัฐประหาร ยึดทำเนียบ ปิดสนามบิน ปิดเมือง ขัดขวางเลือกตั้ง ทั้งที่รัฐประหารมา 5 ปี ความขัดแย้งเปลี่ยนไปแล้ว
แต่พวกนี้ก็ยังพยายามนับหนึ่งใหม่ ทันทีที่มีเลือกตั้ง ก็กลับมาปลุกความเกลียดนักการเมือง นับถอยหลังไปสู่รัฐประหารครั้งใหม่
ถามว่านักการเมืองน่าเกลียดไหม นักการเมืองกเฬวรากปากอ้างประชาธิปไตย ถึงเวลากลับโดนดูด พลิกขั้ว เอาตัวรอด ก็ถมไป
นักการเมืองท้องถิ่น ถูกกระทำทั้งเชิงระบบและตัวบุคคล อปท.ถูกทอนอำนาจ นายกฯ ถูกแขวน แทนที่จะผนึกกันสู้ ที่ไหนได้ กลับเอาหน้าร้อนผ่าวไปซบก้นเผด็จการ
หรือนักการเมืองแบบ “ไม่มีปัญหา” อย่ามาตั้งคำถามให้ขัดแย้งกับใคร ทั้งที่การเมืองต้องขัดแย้งระหว่างเผด็จการกับประชาธิปไตย ยังทำตัวเป็นครึ่งบกครึ่งน้ำ เลื้อยคลานไปผสมพันธุ์กับใครก็ได้
ฯลฯ ใช่เลย นักการเมืองน่าเกลียดมีถมไป แต่นักการเมืองมีอำนาจแค่ไหน หลายสิบปีที่ผ่านมา นักการเมืองเป็นแค่ไม้ประดับ ในโครงสร้างอำนาจอนุรักษนิยม ที่เป็นผู้จัดสรรผลประโยชน์ตัวจริง นักการเมืองเป็นแค่กลไกในระบบอุปถัมภ์ แต่ครั้นประชาธิปไตยเติบโต นักการเมืองสามารถกำหนดนโยบายที่ประชาชนนิยมผ่านการเลือกตั้ง อำนาจอนุรักษนิยมก็เข้ามาล้มล้าง พาการเมืองถอยหลัง กลับสู่ระบอบที่คุมอำนาจและผลประโยชน์ไว้หมด เพียงตอนนี้จะเปิดให้นักการเมืองเข้ามาอาศัยเศษเนื้อ
แล้วประชาชนอยู่ตรงไหน ระบอบเผด็จการครึ่งใบควบคุมเพียงนักการเมือง หรือครอบกบาลประชาชนทุกคน ก็รู้แก่ใจ
อย่าทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็น “วงจรอุบาทว์” ประชาชนและนักการเมืองที่รักประชาธิปไตย อย่าปล่อยให้เป็นการหาเสียงแบบ “ก้าวข้าม” 5 ปีแล้วกันไป เรามาเริ่มต้นใหม่ เลือกเราหายจน ฯลฯ ทำราวกับรัฐประหาร 5 ปี ไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรเลย หรือเห็นเป็นการวางโครงสร้างรากฐานประเทศด้วยซ้ำ
ตรงกันข้าม ต้องชี้ให้เห็นว่า 5 ปี ประชาชนเสียหายอย่างไร เงินที่ซื้อรถถังซื้อเรือดำน้ำเอาไปซื้อรถพยาบาลได้ กี่คัน ระบอบรวมศูนย์อำนาจรัฐราชการ ทหาร ตำรวจ มหาดไทย ฝ่ายออกใบอนุญาต และนักปราบโกงเป็นใหญ่ จะเป็นตัวขวางการพัฒนาประเทศอย่างไร
รักประชาธิปไตย ต้องสู้ให้ถึงพริกถึงขิงอย่างนี้ ไม่ใช่แข่งกันแจก
...
Inga kommentarer:
Skicka en kommentar