fredag 10 mars 2017

ประเทศยถากรรม : คอลัมน์ ใบตองแห้ง


ประเทศยถากรรม : คอลัมน์ ใบตองแห้ง
 
อ่านข่าวศิลปินดังโพสต์ว่าธรรมกาย ถ้ากำจัดไชยบูลย์ไม่ได้ พุทธศาสนาไทยบิดเบี้ยวสุดขีด ใครอยากด่าอยากโจมตีก็ว่ามา ฯลฯ
ขอบอกว่าเห็นใจมากกว่า ท่าจะอึดอัดและเบื่อหน่ายเต็มที เพราะ DSI ใช้ ม.44 เต็มเหนี่ยวก็ยังทำอะไรไม่ได้ นอกจากเรียกรายงานตัวๆๆ ตั้งข้อหาๆๆ ตรึงกำลังตำรวจทหารประจันหน้าๆๆ จำกัดน้ำจำกัดอาหารตัดสัญญาณเน็ต กี่วันแล้วล่ะ ขี้เกียจนับ
ลุงตู่จะหันไปใช้ศาลพระ อ้าว ทำไมไม่ใช้แต่แรก ทำไมต้องใช้ ม.44 มาถึงขั้นนี้ สึกพระไชยบูลย์ได้แล้วจบไหม ม.44 จะหาทางลงอย่างไร จะจัดการวัดและพระรูปอื่นแบบไหน จะต้องยึดวัด จัดการให้เห้ยนแบบ “กบฏผีบุญ” อย่างสื่อยุยงไหม จะทำอย่างไรกับสาขา และสาวกที่มีอีกมากมาย จะทำลายความเชื่อศรัทธาได้อย่างไร ฯลฯ
ผมก็เบื่อหน่าย อยากให้จบเสียที จบแบบไหนก็ได้ที่ไม่ใช้กำลัง เพราะที่พูดที่เขียนมาไม่ใช่ปกป้องลัทธิจานบิน แค่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจพิเศษ และการปลุกความเกลียดชัง ที่จะทำให้เรื่องบานปลาย ยิ่งแตกแยกทั้งศาสนาและสังคม
แต่มาถึงขั้นนี้ก็ปลง มันจบแล้วครับ มันแตกไปเรียบร้อย เหลือแค่ปฏิบัติการ ม.44 ล้อมวัดเท่านั้นที่จบไม่ลง
มาถึงขั้นนี้ไม่ว่าจะลงเอยอย่างไร ความบาดหมาง ความไม่พอใจ ก็แผ่กว้างฝังลึกลงไปในวงการสงฆ์ อย่างยากจะ “ปรองดอง” ไม่ต่างอะไรกับความแตกแยกทางการเมือง ซึ่งปรองดองไปก็ไลฟ์บอย ไม่มีประโยชน์อะไร นอกจากนับถอยหลัง “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด” หรือไม่เกิดก็แล้วไป ปล่อยให้เป็นไปตามบุญตามกรรม อย่างที่ธีรยุทธ บุญมี พูดไว้
พูดอย่างนี้ไม่ใช่เชื่อบุญทำกรรมแต่ง โชคเคราะห์ ดวงชะตา แต่หมายความว่าอะไรๆ ไม่สามารถเหนี่ยวรั้งได้แล้ว เกินความพยายามทางอัตวิสัยของใคร จำต้องปล่อยไป ตามยถากรรม
 
ธีรยุทธเป็นตัวแทนของคนที่ฝากความหวังกับ คสช.ว่าจะปฏิรูปประเทศ สถาปนาระบบคุณธรรม ลดความเหลื่อมล้ำ แต่กลับพบว่าประเทศถอยหลังเข้าสู่วิถีอนุรักษ์และจารีตนิยม แทบไม่มีความหวังในการปฏิรูประดับโครงสร้าง ในขณะที่มนต์ขลังเสื่อม ความมั่นใจคลอนแคลน “เรือแป๊ะ” พายวน เข้าสู่ “ขาลง” ระวังจะเป็น “ตู่ต้นเตี้ย” หรือ “ตู่เตี้ยลง”
แน่ละ ธีรยุทธเป็นแค่ตัวแทนคนส่วนหนึ่งที่เคยเป่านกหวีดแล้วผิดหวัง ส่วนคนที่ยังตั้งความหวัง มุ่งมั่น สนับสนุน ไม่เสื่อมคลาย ก็มีเยอะไป แม้ไม่รู้ส่วนไหนมีมากเท่าไหร่ และไม่รู้ว่าคนที่ยืนกรานสนับสนุนอยู่ ใจจริงกำลังอัดอั้นหวั่นวิตกหรือไม่
ที่แน่ๆ มีคนอีกส่วนที่ปฏิเสธตั้งแต่ต้น แต่ไม่สามารถ ขัดขวางต่อต้านอำนาจได้ ได้แต่ถูกกระทำซ้ำซาก ได้รับความไม่ยุติธรรม จนหมดความเชื่อความหวังว่าประเทศนี้จะมีอะไรดีขึ้นได้อีกแล้ว
เข้าใจตรงกันนะครับ พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่า ยังมีพลังมวลชนที่มุ่งมั่นต่อต้าน คสช. จ้อง “ล้มเผด็จการ” แบบ 14 ตุลา พฤษภา 35 โดยหวังจะนำประเทศไปสู่วิถีทางที่ดีกว่า เพราะมันแย่ยิ่งกว่านั้นคือ 3 ปีผ่านไป คนที่ไม่เห็นด้วยกับรัฐประหาร ยิ่งรู้สึกสิ้นหวังประเทศนี้ ยิ่งสูญเสียศรัทธา และไม่คิดว่าจะแก้ไขอะไรได้ นอกจากรอดูไปเท่านั้น
การที่ธีรยุทธชี้ว่า รัฐบาลเข้าสู่ “ขาลง” จึงไม่ใช่รัฐบาลจะโดนต่อต้าน โดนขับไล่ แต่มันหมายถึงผู้คนจะยิ่งเบื่อหน่าย หมดศรัทธา หมดความหวัง อย่าลืมว่าผู้คนหมดความหวังกับนักการเมืองมาก่อนแล้ว รัฐประหารครั้งนี้ปลุกความเชื่อความหวังว่าพลังอนุรักษ์และจารีตนิยมจะสร้างสังคมคุณธรรม นำประเทศเข้มแข็ง ไปสู่ไทยแลนด์ 4.0 รัฐบาลดิจิตอล ฯลฯ โดยประชาชนไม่ต้องพึ่งนักการเมืองที่ตัวเองเลือกตั้ง
ฉะนั้นถ้ารัฐบาล “ขาลง” เสื่อมมนต์ขลังอย่างธีรยุทธพูดจริง สิ่งที่เกิดขึ้นจะไม่ใช่แค่คนหมดหวังกับรัฐบาล แต่หมดหวังกับประเทศนี้ ว่าไม่มีหนทางที่จะดีขึ้น นอกจากปล่อยตามยถากรรม
เอ้า ใครยังมีความหวัง ยกมือขึ้น! ตอบตัวเองให้ได้ว่ายังมีหวังหรือเบื่อหน่าย อึดอัด กังวล โลกที่วาดหวังไว้ใกล้แตกสลายลงทุกที
ถ้ามีอาการอย่างนั้นก็ไม่ต้องกลัว มีคนตั้งเยอะไปที่รู้สึกว่าต้องปล่อยตามยถากรรม กัมมุนาวัตตะตีโลโก กุ๊กกุ๊ก ปลงเสียเถอะ ไม่ว่าเรื่องการเมือง ไม่ว่าเรื่องศาสนา ประเทศนี้ไม่มีวันหาทางออกที่สวยงามได้หรอก


Inga kommentarer:

Skicka en kommentar