tisdag 13 juni 2017

ประเทศเปรี้ยว : ใบตองแห้ง


ประเทศเปรี้ยว
ใบตองแห้ง

เปรี้ยว ผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพ กลายเป็นบุคคลสำคัญระดับชาติ สื่อน้อยสื่อใหญ่ สื่อทีวี สื่อกระดาษ สื่อออนไลน์ มีแต่ข่าวภาพเธอเต็มไปหมด สังคมไทยสนใจยิ่งกว่าข่าว ลุงตู่ไม่ปริปาก หรือข่าวปากท้องตัวเอง น่างึดไหมทำไมสนใจกันนัก ทั้งที่ไม่ใช่ดาราคนดัง ไม่ใช่ลูกเศรษฐีมีสตางค์ขับรถชนตำรวจตาย ไม่ใช่ลูกผู้มีอิทธิพลที่บิดเบนคดีได้

หลังจากตามแห่ไป จากไทยถึงพม่า เห็นจะจะในกล้องวงจรปิด (ไม่ยักเสีย) จนได้ตัวมาแถลงข่าวใหญ่โต สังคมไทยจึงย้อนด่ากัน ทำไมเห็นคนทำผิดกฎหมายเป็น เน็ตไอดอล แบบนี้ลูกหลานจะเอาเป็นเยี่ยงอย่างไหม ฯลฯ อ้าว ก็สังคมนี้ไม่ใช่เรอะ ที่เห็นคนฉีกรัฐธรรมนูญเป็น ไอดอล บางคนด่าสังคมป่วยชื่นชมฆาตกร อ้าว ก็ผู้ถูกกล่าวหาสั่งฆ่าร้อยศพยังลอยนวลไม่ต้องขึ้นศาล

ด่ากันเสร็จ หวยก็ไปออกที่ตำรวจชั้นผู้น้อย โทษฐานถ่ายเซลฟี่กับอี้เปรี้ยวพอกหน้ายิ้มแฉ่ง โถ ตำรวจก็ไม่ต่างกับชาวบ้าน เห็นสื่อกระพือกันจัง มีโอกาสเซลฟี่กับ ผู้ต้องหาชื่อดังสักครั้ง ก็ไม่ทันคิดว่าไม่เหมาะสม แต่การดูแลแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย กับผู้หญิง 3 คน ตราบใดที่ไม่หย่อนยานจนหลบหนี ก็ดูดีด้วยซ้ำไป เพราะถ้าอีเปรี้ยวหน้าโทรมยุงกัดเรือดไต่มาแถลงข่าววันรุ่งขึ้น สื่อที่แห่ไปทำข่าว (มากยิ่งกว่าคดีระเบิดราชประสงค์) คงผิดหวังแย่

เปรี้ยวเป็นบิ๊กเนมนะครับ ต้องเอาขึ้นเครื่องจากแม่สอดมาให้ ผบ.ตร.แถลงข่าวถึงเมืองกรุง ทั้งที่เหตุเกิดขอนแก่น ถ้าเป็นผู้ต้องหาทั่วไป ได้ตัวแล้วก็อาจนั่งหลังรถกระบะกลับท้องที่ ถ้าเป็นผู้ต้องหาธรรมดา คงไม่ต้องให้นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ลงชื่อจับกุมเกือบร้อยนาย จนชาวบ้านตาลาย สงสัยว่านี่บันทึกจับกุมหรือผ้าป่าอีเปรี้ยว แบ่งบุญกุศล
ทำไมเปรี้ยวจึงโด่งดัง ย้อนพิเคราะห์จริงจังก็น่าสนใจ บางคนว่าเป็นคดีฆ่าหั่นศพ โหดร้าย ทั้งผู้ตายผู้ต้องหาเป็นผู้หญิง แต่คดีแบบนี้ก็มีให้เห็นบ่อยไม่ใช่หรือ

ปัจจัยที่แตกต่างจากคดีก่อนๆ คือ เราอยู่ในยุคสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งทุกคนเป็นสื่อได้ ทุกคนเป็นบุคคลสาธารณะได้ แค่เปิดเผยตัวตนสู่โลกใหม่ผ่านสมาร์ตโฟน หาวิธีให้คนสนใจกดไลก์กดแชร์กดฟอลโลว์
เมื่อผู้คนสนใจเปรี้ยว เอิร์น แจ้ ผู้หญิง 3 คนนี้หรือคือฆาตกร ทำไมใจคอโหดร้าย ฯลฯ ก็สามารถทำความรู้จักด้วยตัวเอง ดูภาพ ดูโพสต์ ดูเฟซบุ๊กไลฟ์ เห็นพวกเธอตัวเป็นๆ ในทุกแง่มุม เสมือนดู “เรียลลิตี้โชว์” ซึ่งแน่ละ ก็มีด้านที่สร้างความฮือฮา โพสต์ภาพเซ็กซี่ มีสีสันด้านต่างๆ (มีกระทั่งด้านที่เป็นลูกกตัญญูสร้างบ้านให้แม่) ก็ทำให้พวกเธอกลายเป็นบุคคลสาธารณะ โด่งดังชั่วข้ามคืน (กระทั่งมีคนเข้าไป “ฝากร้าน” ขายของ)

ยิ่งกว่านั้น สื่อกระแสหลักยังเอาดราม่าในแง่มุมต่างๆ มาขยาย สื่อวันนี้ไม่ได้มีหน้าที่สืบค้นหาความจริงเท่านั้นนะครับ แต่สืบค้นหาดราม่าด้วย พอหาเจอ ก็แช่กล้องไว้ ให้หลั่งน้ำตาด้วยความตื้นตัน เศร้าสร้อย หรือโกรธแค้น แล้วพิธีกรก็มีหน้าที่ตอกย้ำ
ถ้าดูภาพรวมก็ไม่ใช่ว่าสังคมเห็นดีเห็นงามกับการฆ่าคน เห็นผู้ต้องหาฆ่าหั่นศพเป็นไอดอล ที่น่าเอาเยี่ยงอย่าง แต่มันเหมือนการตามแห่ ดูดราม่า ดูหนังดูละคร ลุ้นจนถึงตอนจบ ด้วยความอยากรู้อยากเห็น ว่าใครอยู่หลังหน้ากาก วิพากษ์วิจารณ์แล้วก็แยกย้ายกันไป

สิ่งที่น่าสนใจคือ สังคมไทยวันนี้เหมือนอยู่ใน 2 โลก โลกแห่งความเป็นจริงน่าเบื่อหน่าย สิ้นหวัง ฝนตก น้ำท่วม รถติด เศรษฐกิจฝืดเคือง ไม่เห็นทางแก้ได้ในเร็ววัน รายการทีวีคืนวันศุกร์ก็ไม่มีคนดู ฯลฯ แต่โลกนี้คือละคร (หลังข่าว) ด้วยเช่นกัน ในโลกของการก้มหน้า มีทั้ง เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ให้ติดตามดราม่าดาราไอดอลโดยไม่ต้องเงยตั้งแต่เช้ายันค่ำ ยิ้ม หัวเราะ หลั่งน้ำตา อยู่ในนั้น ซ้ำยังให้โอกาสตอบสนอง ตัดสิน (ด้วยนิ้วโป้ง) เรื่อง อื้อฉาวต่างๆ ทั้งคนดังไม่ดัง

เราจึงเห็นข่าวดราม่า อย่างกระทะวู้ดดี้ ฮือฮาแล้วก็ไป ในขณะที่ปัญหาผู้บริโภคอีกตั้งมากไม่ยักมีคนสนใจ เราเห็นข่าวเบนซ์ เรซซิ่ง แพท ณปภา ซึ่งเอาเป็นเอาตายกันยิ่งกว่าไล่จับพ่อค้ายาจริงๆ
พ้นจากเปรี้ยว อีกไม่กี่วันก็คงมีดราม่าใหม่มาให้ตามลุ้น พิพากษา ต่อต้าน หรือสนับสนุน ซึ่งก็ไม่ใช่ว่ากระแสสังคมแบบนี้ไม่มีข้อดี แต่มักจบที่การตัดสินถูกผิดอย่างฉาบฉวย ไม่ได้แก้ปัญหาเชิงระบบ และสะท้อนอาการ “ป่วย” ของความพยายามชดเชยความสิ้นหวังในโลกแห่งความเป็นจริง

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar