söndag 22 mars 2020

2020-03-18 11:00

ประยุทธ์สั่งเด้งอธิบดีกรมการค้าภายในฉับพลัน ทั้งที่ตอนเช้ายังร่วมประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 ทั้งที่เพิ่งให้สัมภาษณ์ร่วมกับ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ แต่ไม่ถึงชั่วโมงก็มีคำสั่งด่วน อ้างว่อสร้างความมั่นใจ เาเพื่พราะมี “ประเด็นทางสังคม” เกี่ยวกับการกักตุนหน้ากากอนามัย

นี่จะสร้างความเชื่อมั่นเชื่อถือให้กับท่านผู้นำหรือไม่

ใช่เลย อธิบดีกรมการค้าภายในทำให้ประชาชนส่ายหน้า เพราะไปฟ้องโฆษกกรมศุลกากร ฐานแถลงตัวเลขส่งออกหน้ากากผิด แถมมีข่าวจะให้สมาคมร้านขายยาขอโทษ แม้ท่านปฏิเสธ
นั่นคือประชาชนเห็นว่าอธิบดีเอาแต่ปกป้องตัวเอง ปกป้องหน่วยงาน ทั้งที่การทำงานมีปัญหา กรมการค้าภายในเข้าไปควบคุมหน้ากาก ควบคุมอย่างไรไม่ทราบ โรงพยาบาลขาดแคลน ประชาชนหาซื้อไม่ได้ แต่มีการกักตุนจริงหรือไม่ เป็นความผิดอธิบดีหรือไม่ ก็ยังไม่ชัด
ในทางการเมืองจึงขำ ๆ เพราะก่อนหน้านี้เพจแหม่มโพธิ์ดำ แฉคนที่เกี่ยวโยงกับผู้ติดตาม “รัฐมนตรีแป้ง” โพสต์ขายหน้ากาก 200 ล้านชิ้น จน ส.ส.ปชป.ออกมากดดันให้พรรคถอนตัวจากรัฐบาล แต่รัฐมนตรีหาว่ามีการตัดต่อ และตำรวจก็แจ้งข้อหา “เสี่ยบอย คนซื่อ” แค่โพสต์ขี้โม้ แต่พอมีทนายคนดังกล่าวหาที่ปรึกษารัฐมนตรีเกี่ยวข้องกับการกักตุน ก็ย้ายอธิบดีทันที
ความจริงเป็นอย่างไร เขาเล่นอะไรกัน ต้องติดตามต่อไป แต่ถามว่าย้ายอธิบดีแล้วเรียกความเชื่อมั่นให้ประยุทธ์หรือไม่ เห็นจะยังอีกไกล

ประชาชนไม่เชื่อมั่น ไม่ไว้วางใจรัฐบาล มองเป็น “รัฐล้มเหลว” ไม่ใช่แค่ปัญหาหน้ากากอนามัย แต่เป็นปัญหาประสิทธิภาพ การตัดสินใจ การให้ข้อมูลข่าวสาร ในภาพรวมทั้งหมด

ที่คนไทย Panic แห่กักตุนข้าวสารอาหารแห้ง จนเกลี้ยงซูเปอร์มาร์เก็ต เป็นเพราะเชื่อข้อความที่ส่งต่อกันทางไลน์ มากกว่าคำชี้แจงของรัฐ เชื่อว่ามีคนติดเชื้อมากกว่าที่แถลง และอาจถึงขั้น “ปิดเมือง”
ซึ่งก็โทษประชาชนไม่ได้ เพราะพอมีดารา เซียนมวย โพสต์ว่าติดโควิด-19 ผู้บริหารสาธารณสุขก็ติงว่าจะทำให้คนตื่นตระหนก แล้วเป็นไงล่ะ ติดเชื้อจริง เซียนมวยตัดพ้อ ติดมา 3 วัน กว่าจะประกาศชื่อ ชาวบ้านก็สงสัย ปิดข่าวหรือเปล่า
นี่คือความไม่ไว้วางใจ “รัฐเป็นบิดา” เพราะรัฐที่สืบทอดมาจาก คสช.ชอบทำตัวเป็น “คุณพ่อรู้ดี” ตัดสินแทนประชาชนว่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ไม่ควรให้รู้ เดี๋ยวจะตื่นตระหนกเป็นเด็กอนุบาล

พอคนไม่เชื่อข่าวสารของรัฐก็หันไปเชื่อข่าวลือ แชร์กันด้วยความตื่นตระหนก มีคนติดเชื้อที่นั่นที่นี่ กระทรวงดีอีกับ ปอท.ก็ทำงานด้วยการไล่จับ

ปัญหาการสื่อสารไม่ต้องดูอะไรมาก ดูการแถลงข่าวของนายกฯ สิงคโปร์ นายกฯ ญี่ปุ่น รัฐมนตรีเกาหลี รัฐมนตรีไต้หวัน แล้วหันมาดูสารผู้นำไทย เวิ่นเว้อบ่นไปเรื่อย ตั้งแต่โควิด-19 ถึงภัยแล้ง ขอให้เชื่อมั่นรัฐบาล อย่าวิจารณ์ล้มเหลว ฯลฯ
จะไม่ล้มเหลวได้ไง ในเมื่อมีปัญหาแทบทุกจุด ระบบราชการก็รุงรัง อวดอำนาจทับกัน จนคนทำงานหมดกำลังใจ ผอ.สุวรรณภูมิขอลาออก รัฐบาลก็ตัดสินใจกลับไปกลับมา เดี๋ยวไล่ล่าผีน้อยไปกัก เดี๋ยวปิดศูนย์ให้กักตัวเอง เดี๋ยวแจกเงินสองพัน อ้าว โดนด่าก็กลับลำ
ส.ส.พลังประชารัฐเดือด โต้ #ผนงจตกม หันมาด่าประชาชนโง่เราจะตายกันหมด โทษคนไม่ดูแลตัวเองทำเชื้อระบาด พอโดนรุมด่าก็ปัดพัลวัน ทั้งพรรคทั้งเจ้าตัว อ้างว่าไปก๊อปของคนอื่นมา

ประชาชนมีทั้งฉลาดและโง่ แต่ไม่มีอำนาจ จึงไม่สามารถทำให้ตายหมด ผู้นำมีอำนาจออกมาตรการควบคุมป้องกัน รับมือสถานการณ์ ถ้าผู้นำโง่ จึงสามารถทำให้ตายกันหมด หรือบางที ประชาชนตายหมดแล้วผู้นำยังโง่อยู่เลย 

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/347818

ใบตองแห้ง: บักโกรกไขก๊อก ?

2020-03-19 21:04

FC ประยุทธ์ตัวยง ดี้ นิติพงษ์ ทักผู้นำ ตาลอย ผอมโกรก ประกาศ “ประเทศไทยต้องชนะ” แนะนำให้ลาออกเถอะ ถ้าไม่กล้าโละทีมงานที่ทำให้ดูเป็นตัวตลก
ฟังแล้วก็หัวร่อก๊าก เพราะดูนายกฯ แถลงรู้สึกโทรมมาก แต่ยังคิดว่าเราอคติหรือเปล่า ที่ไหนได้ FC ตู่จัดหนักกว่า
ปัญหาไม่ใช่แค่ภาพลักษณ์ แต่เป็นคำแถลงที่ดี้บอกว่า “ไม่เป็นบวก” และ “ไม่ได้น้ำหนักอะไรนอกไปจากการสื่อข่าวเดิมๆ” จนบางคนแซวว่า ประชาชนรอดูทั้งประเทศ นึกว่ามีอะไรสำคัญ สุดท้ายสอนให้ล้างมือ
มาตรการป้องกันโควิด-19 ของรัฐบาล พอรับได้ไหม ก็ใช้ได้นะ ถ้ายังไม่ถึงระดับ 3 แต่ประชาชนก็ยังงง เราอยู่ระดับไหนกันแน่ เพราะแทนที่จะให้แพทย์แถลง กลับใช้ “ศรีธนญชัยลอดช่อง” มาตีความ บอกว่ายังไม่ใช่ระดับ 3 แต่เป็นระดับ 2 แบบไทยๆ เพราะเรานิยามของเราเอง
ก็เลยหัวร่องอหาย ประชาชนต้องการความชัดเจน รัฐบาลกลับให้วิษณุมาสร้างความคลุมเครือ
รัฐล้มเหลว รัฐบาลล้มละลาย จะเรียกอย่างไรก็ได้ เพราะถ้าถึงขั้น สุเทพ เทือกสุบรรณ ต้องออกมาเรียกร้อง พี่น้อง กปปส.ให้ตั้งสติ พึ่งธรรมะ อย่าซ้ำเติมรัฐบาล ก็แสดงว่าอาการหนัก

คนชั้นกลางในเมือง คนชั้นกลางระดับบนคนมั่งมี ที่เป่าปี๊ดๆ ปิดเมืองนี่แหละ หวาดผวากับโควิด-19 มากที่สุด

ปัญหารัฐบาลตอนนี้ สังเกตให้ดี ไม่ใช่แค่ประชาชนก่น ไม่เชื่อมั่น ไม่เชื่อมือ หมดความเชื่อถือ ยังมีความไม่ลงรอย ไม่เป็นเอกภาพ หรืออาจร้าวลึก ในพรรคร่วมรัฐบาล
เช่นอยู่ดีๆ ส.ส.ภูมิใจไทย ที่หัวหน้าเป็น รมว.สาธารณสุข ก็ผลักดันให้ “ปิดจังหวัด” ทั้งบุรีรัมย์ อุทัยธานี แม้เป็นคำสั่งผู้ว่า แต่ประกาศผ่านเพจนักการเมือง ว่า GU ต้องรอด จนชาวบ้านสงสัยว่าภูมิใจไทยรู้อะไรวงในหรือเปล่า จึงชิงปิดจังหวัดก่อนรัฐบาล

ปัญหากักตุนหน้ากาก จู่ๆ นายกฯ ก็ออกคำสั่งย้ายอธิบดีกรมการค้าภายใน โดย รมว.พาณิชย์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่าไม่รู้มาก่อน นายกฯ ไม่ได้ปรึกษา

น่าสังเกตด้วยว่า ข้อครหากักตุนหน้ากาก โดนคนละหมัด จากพลังประชารัฐ มาถึงประชาธิปัตย์ ทีแรก เพจดังชี้เป้า คนที่อ้างว่าสนิทกับคนติดตามธรรมนัส โพสต์ขายหน้ากาก 200 ล้านชิ้น จน 17 ส.ส.ประชาธิปัตย์ที่เคยประกาศไม่ไว้วางใจธรรมนัส เรียกร้องพรรค เลิก “พายเรือให้โจรนั่ง”
ไม่กี่วันต่อมา ทนายคนดังก็เอาหลักฐานไปให้ตำรวจ ระบุว่าที่ปรึกษาหญิงของรัฐมนตรี กักตุนหน้ากาก ซึ่ง มัลลิกา บุญมีตระกูล ที่ปรึกษาจุรินทร์ ก็เพิ่งส่ง “ทนายนกเขา” แกนนำ คปท. ไปแจ้งความทั้งผิด พ.ร.บ.คอมพ์และหมิ่นประมาท
ประหลาดไหม ไลน์กลุ่ม ปชป. ก็มีตอนหนึ่งที่ ส.ส.ระบุว่า ทราบเรื่องกักตุนหน้ากากอนามัย มาตั้งแต่ต้นเดือน “ได้รับแจ้งจากเครือข่ายว่าจะมีการกล่าวหาว่ามีที่ปรึกษากระทรวงพาณิชย์เกี่ยวข้องด้วย ซึ่งจะสร้างความเสื่อมเสียให้ท่านหัวหน้ามีมลทิน” จะพูดในที่ประชุมพรรควันที่ 7 มี.ค. แต่พรรคก็เลื่อนไปไม่มีกำหนด

ปรากฏการณ์เหล่านี้ ทำให้สงสัยว่า ต่อให้ผ่านวิกฤติโควิด-19 ไปได้ พรรคร่วมรัฐบาลจะทำงานกันอย่างไร ขณะที่ประชาชนทั้งฝ่ายไล่ลุงเชียร์ลุง ก็แสนเบื่อหน่าย ไม่ไว้วางใจ นักการเมืองทั้งพรรคร่วมและพรรคแกนนำ

ส่วนตัวประยุทธ์เอง นอกจากบักโกรกกับความกดดัน แม้ไม่ถอดใจ ประชาชนก็มองว่าล้มเหลวในการบริหาร ไม่เว้นกระทั่งคนเคยหนุน (แม้น้ำเสียงเห็นใจก็บอกว่าไม่ไหวแล้ว) ต่อให้ผ่านโควิด-19 ไปได้ จะรับมืออย่างไรกับปัญหาอีกมาก โดยเฉพาะเศรษฐกิจถดถอย ที่จะลามทั้งโลก

แนวโน้มเหล่านี้ เห็นชัดๆ ว่าจะนำไปสู่การเปลี่ยนรัฐบาล เปลี่ยนผู้นำ แต่จะเปลี่ยนอย่างไรเมื่อรัฐธรรมนูญผูกเงื่อนตาย นี่คือโจทย์ใหญ่ของฝ่ายอนุรักษนิยม

ที่มา: ข่าวหุ้นธุรกิจ www.kaohoon.com/content/348427

Inga kommentarer:

Skicka en kommentar